“เผ่าภูมิ” เลขานุการ รมว.คลัง แจงนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต ต่างจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอดีต ลั่นไม่สามารถนำบทวิจัยในอดีตมาประเมินได้
วันที่ 10 ตุลาคม 2566 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากที่มีข้อทักท้วงเกี่ยวกับนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต ขอชี้แจงในเชิงวิชาการเพื่อให้เกิดความเข้าใจคือ
- เปิดค่าซ่อม “รถอีวี vs รถใช้น้ำมัน” แพงกว่ากันเท่าไร
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- ออมสิน จัดโปรฯเด็ดเงินฝากดอกเบี้ย 21% สลาก 1 ปี แจกทอง 10 กิโล
1.การเติมเงินในลักษณะนี้ ไม่เหมือนครั้งก่อนในอดีต เพราะครั้งนี้เป็นการเติมเงินที่มีเงื่อนไข แต่อดีตไม่มีเงื่อนไข จึงเปรียบเทียบไม่ได้ในแง่ของมิติผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยการใส่เงื่อนไขรัศมีการใช้งาน กรอบระยะเวลา และ ร้านค้าที่ต้องอยู่ในระบบภาษี ก็เพื่อที่จะให้ส่งผลต่อเศรษฐกิจในเชิงบวกมากกว่าการกระจายเม็ดเงินแบบเดิม ๆ
นอกจากนี้ การจ่ายเงินในลักษณะนี้ยังทำในมิติของดิจิทัล ที่ไม่ใช่อนาล็อกแบบในอดีต หมายถึงมีความง่ายกว่า เร็วกว่า ปลอดภัยสูงกว่า และมีการทำธุรกรรมที่ง่ายและเร็วกว่า จึงเป็นข้อแตกต่างที่ไม่สามารถนำตัวเลขในอดีต หรือบทวิจัยในอดีตมาประเมินผลกระทบในเชิงบวกของเศรษฐกิจได้
2.การกระจายเม็ดเงินในลักษณะนี้เป็นเม็ดเงินที่สูง 10,000 บาทต่อคน ซึ่งแตกต่างจากการแจกเงินกะปริบกะปรอยในช่วงที่ผ่านมา
3.โครงการนี้เป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ซึ่งนำประเทศไปสู่ Digital Economy ที่มีมูลค่ามหาศาล โดยรัฐบาลมองไปถึงการสร้าง Super application ที่จะรวบรวมความสะดวกต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นเป็นรัฐบาลดิจิทัลให้เกิดขึ้น
4.ดิจิทัล วอลเลต ไม่ใช่โครงการเดียวของรัฐบาล แต่จะมีตามอีกหลายมาตรการ ทั้งในเรื่องการดึงดูดนักลงทุน ดึงดูดการลงทุน ภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคการบริการสมัยใหม่ ที่จะได้ผลกระทบจากกำลังซื้อที่สูงขึ้น จากดิจิทัลวอลเลต
5.ความแตกต่างเรื่องของเสถียรภาพกับศักยภาพ โดยที่ผ่านมาประเทศไทยโตแบบเสถียรภาพ แต่โตต่ำและไม่เพียงพอ จนมีคำพูดในทางวิชาการว่า ไทยอาจโตไม่เพียงพอ จนมีปัญหาทางด้านสวัสดิการผู้สูงอายุในระยะยาว
“คำถามคือไทยจะโตแบบนี้จริง ๆ หรือ เพราะฉะนั้นจึงเป็นแนวคิดใหม่ ที่ประเทศไทยจะโตอย่างมีศักยภาพ พร้อม ๆ กับเสถียรภาพ” นายเผ่าภูมิกล่าว