เปิดค่าซ่อม “รถอีวี vs รถใช้น้ำมัน” แพงกว่ากันเท่าไร

มาตรฐานสถานีชาร์จ EV

เปิดค่าซ่อม “รถอีวี vs รถใช้น้ำมัน” แพงกว่ากันเท่าไร

วันที่ 15 พฤษภาคม 2567 นายอรัญ ศรีว่องไทย ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร สมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ในรอบปีที่ผ่านมา ทางบริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE ได้ทำสถิติการซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า (EV CAR) กับรถยนต์ใช้น้ำมัน ที่เข้าศูนย์บริการ จะพบว่ารถอีวีจะมีความเสียหายสูงกว่ารถใช้น้ำมันประมาณ 4% แต่ถ้าเข้าซ่อมอู่ทั่วไป (อู่ในเครือของบริษัทประกันภัย) ค่าใช้จ่ายของการซ่อมรถอีวีจะสูงกว่ารถใช้น้ำมันถึง 54%

โดยรถอีวีมีค่าซ่อมเฉลี่ยต่อเคลม 1 ครั้ง อยู่ที่ประมาณ 24,000 บาท แต่รถใช้น้ำมันจะอยู่ที่ 15,500 บาท

อะไหล่ของรถอีวีถัวเฉลี่ยค่าอะไหล่ประมาณ 60% กับค่าแรงการซ่อมรถอีวี ประมาณ 40% ในขณะที่รถใช้น้ำมันมีค่าอะไหล่กับค่าแรงประมาณ 50:50%

ถ้าเปรียบเทียบรถที่ราคาเท่ากัน ค่าซ่อมรถอีวีจะอยู่ที่ 32,500 บาท ในขณะที่รถใช้น้ำมันจะอยู่ที่ 20,000 บาท

โดยรถอีวีเข้าซ่อมศูนย์ มีสัดส่วนสูงถึง 90% เข้าซ่อมอู่ทั่วไปแค่ 10% ในขณะที่รถใช้น้ำมันเข้าซ่อมศูนย์แค่ 45% เหตุผลเพราะเวลาพนักงานทำเคลมจะแจ้งว่ากรมธรรม์ฉบับนี้ไม่ได้ซื้อเบี้ยซ่อมศูนย์ (ซ่อมห้าง) จึงต้องไปซ่อมอู่ทั่วไป ส่วนรถอีวีปัจจุบันยังไม่ค่อยมีอู่ทั่วไปที่สามารถรับซ่อมรถอีวีได้

ADVERTISMENT

“อย่างไรก็ดี ตอนนี้มีอู่ซ่อมที่จังหวัดลำพูน 1 แห่ง ที่รับซ่อมเฉพาะรถอีวี และดัดแปลงรถใช้น้ำมันให้มาเป็นรถอีวี” นายอรัญกล่าว

ทั้งนี้ ในวันที่ 1 มิ.ย. 2567 ที่จะถึงนี้ คำสั่งนายทะเบียนสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เรื่อง พิกัดอัตราเบี้ยของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (Battery Eletric Vehicle) จะมีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทประกันวินาศภัย 11 บริษัท ที่รับประกันรถอีวีอยู่ในขณะนี้

ADVERTISMENT

แต่สิ่งที่ต้องรู้คือ รถใช้น้ำมันที่ดัดแปลงเป็นรถอีวี ไม่สามารถใช้พิกัดอัตราเบี้ยตามกรมธรรม์รถยนต์ไฟฟ้าได้ จะใช้ได้เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น

สำหรับความคุ้มครองแบตเตอรี่รถอีวี ทั้งสำนักงาน คปภ. และบริษัทประกันภัย ต้องทำความเข้าใจกับผู้เอาประกันว่า บริษัทประกันภัยจะคุ้มครองความสูญเสียของแบตเตอรี่ที่ถึงขนาดต้องเปลี่ยนใหม่ 100% ในปีแรกเท่านั้น พอเป็นปีที่ 2 ปีที่ 3 ปีที่ 4 ปีที่ 5 ปีที่ 6 เป็นต้นไป ความคุ้มครองจะลดลงปีละ 10%

เพราะฉะนั้นผู้เอาประกันภัยต้องมีส่วนร่วมเรื่องความเสียหายของแบตเตอรี่ที่ต้องเปลี่ยนใหม่ (ถ้าซ่อมบริษัทประกันภัยชดใช้ 100%) สมมุติต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ในปีที่ 5 บริษัทประกันภัยจะคุ้มครองความเสียหายของแบตเตอรี่ที่ 60% ที่เหลือ 40% ผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายเงินเอง ถ้าแบตเตอรี่ลูกนั้นราคา 400,000 บาท ลูกค้าต้องมีส่วนร่วมจ่าย 160,000 บาท

อย่างไรก็ดี สิ่งที่สมาคมแนะนำคือ ให้บริษัทที่รับประกันภัยรถอีวีต้องแนบเอกสารแนบท้ายในเรื่องความคุ้มครองของการเปลี่ยนแบตเตอรี่ไฟฟ้าในทุกปี (ยกเว้นปีที่ 1) เนื่องจากจ่ายเบี้ยประกันภัยส่วนนี้เพิ่มแค่ 400-500 บาท สำหรับทุนประกันภัย 200,000 บาท (ปัจจุบันเบี้ยประกันรถอีวีประมาณ 40,000-50,000 บาทต่อคัน) เพิ่มไปอีก 400-500 บาท คงไม่ได้รู้สึกว่าแพงอะไร และอธิบายให้ลูกค้าฟังว่า ลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองของแบตเตอรี่ 100% ในทุกปี ที่ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องมีส่วนร่วมจ่ายในกรณีต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่

“ถึงแม้วันนี้มีหลายบริษัทไม่รับประกันรถอีวี แต่ก็จำเป็นต้องรู้เรื่องพิกัดอัตราเบี้ยของรถอีวี เพราะรถที่ใช้น้ำมันที่รับประกันภัยไว้ ก็มีโอกาสจะชนกับรถอีวีได้ ฉะนั้น ต้องรู้เงื่อนไขความคุ้มครอง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก”