โกลเบล็กแนะซื้อหุ้นรับปัจจัยบวก แจกเงินดิจิทัล-e-Refund

หุ้นไทย
Photo : pexels

บล.โกลเบล็กประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวผันผวน จับตาตัวเลข CPI-PPI ของสหรัฐ การประกาศงบฯ บจ.ในไตรมาส 3/2566 ให้กรอบดัชนีแนวรับ 1,366 จุด แนวต้าน 1,400 จุด แนะลงทุน 3 กลุ่มเด่น ค้าปลีก-พาณิชย์-ร้านอาหาร รับนโยบาย ดิจิทัลวอลเลต-e-Refund

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวผันผวน โดยนักลงทุนยังจับตาตัวเลข CPI และ PPI ของสหรัฐที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ และการประกาศงบฯไตรมาส 3/2566 ของบริษัทจดทะเบียนจะสิ้นสุดในช่วงกลางสัปดาห์ ทำให้การเก็งกำไรผลประกอบการเบาบางลง คาดการณ์กรอบดัชนีที่แนวรับ 1,366 แนวต้าน 1,400 จุด

ทางด้าน Fed Watch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในปีนี้แม้ได้รับรู้ถ้อยแถลงของนายพาวเวลล์ แต่นักลงทุนมองว่าการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าอาจจะถูกเลื่อนออกไป ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนเลย์ คาดการณ์ว่า GDP ของสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงในปี 2567 และคาดว่า FED จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.375% จนถึงเดือน มิ.ย. 2567 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหลัง

นอกจากนี้ ทางรัฐบาลเตรียมเสนอ พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในช่วงต้นปีหน้า เพื่อแจกเป็นเงินดิจิทัล 10,000 บาท เริ่มเดือน พ.ค. 2567 สำหรับปัจจัยในประเทศที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้น อาทิ นายกฯเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 ที่เมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา

กำหนดวันสุดท้ายส่งงบการเงินรายไตรมาสของบริษัทจดทะเบียน, ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกลที่เสนอแก้มาตรา 112, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม และสภาพัฒน์แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 3/66

สำหรับปัจจัยต่างประเทศ อาทิ อียูรายงาน GDP ไตรมาส 3/2566 (ประมาณการครั้งที่ 2), สหรัฐรายงานดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมและดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนตุลาคม, ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐพบปะหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งประเทศจีนนอกรอบการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค)

จีนรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก อัตราว่างงาน การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ประจำเดือนตุลาคม, อียูรายงานดุลการค้าเดือนกันยายน, สหรัฐ รายงานยอดค้าปลีกเดือนตุลาคม ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนตุลาคม ดัชนีภาคการผลิตเดือนพฤศจิกายน สต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนกันยายน และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์, ญี่ปุ่นรายงานดุลการค้าเดือนตุลาคมและยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนกันยายน,

สหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือนพฤศจิกายน ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนตุลาคม การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพฤศจิกายน, อียูรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนตุลาคม, สหรัฐรายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนตุลาคม

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำลงทุนใน 3 กลุ่มเด่น อาทิ กลุ่มค้าปลีก พาณิชย์ และร้านอาหาร ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) และมาตรการ “e-Refund” โดยหุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว ได้แก่ BJC, CPALL, CPAXT, CRC, CPN, COM7, SPVI, CPW, JMART, HMPRO, DOHOME, GLOBAL, ZEN, M, AU, TNP และ KK