คลังชง ครม.ตั้งกองทุน “TESG”-โบรกฯชี้ช่วยพยุงดัชนี SET

กองทุน

คลังชง ครม.ไฟเขียวตั้งกองทุน TESG เริ่มขายทันทีเดือน ธ.ค.นี้ หวังปลุกชีพจร SET Index “บล.หยวนต้า” คาด 104 หุ้นใน SET ESG Ratings ที่ได้เรตติ้ง AAA หรือ AA ตกเป็นเป้าหมายการลงทุน เชื่อกองทุนใหม่ช่วยจำกัด downside คาดเป้าดัชนี SET สิ้นปีนี้จบที่ 1,430 จุด

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในวันที่ 21 พ.ย.นี้ คลังจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการจัดตั้งกองทุน TESG (Thailand ESG Fund) ซึ่งจะนำเงินที่ได้จากการขายหน่วยลงทุนไปลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (บจ.) ที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

ทั้งนี้ กองทุน TESG จะให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้ที่ซื้อหน่วยลงทุน สามารถนำค่าซื้อหน่วยลงทุนไปหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ ครม.มีมติไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2575 โดยต้องถือครองหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 8 ปี

“จากการให้สิทธิลดหย่อนภาษีกองทุน TESG ทางกรมสรรพากร ประเมินว่า จะทำให้ในแต่ละปีรัฐบาลจะสูญเสียรายได้ไปประมาณ 10,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่เคยให้สิทธิในอดีต แต่เนื่องจาก ESG เป็นเทรนด์อนาคตสำหรับประเทศไทยเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ภาครัฐจึงพร้อมที่จะสนับสนุนเรื่องนี้”

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หากกองทุน TESG สามารถเริ่มขายได้ในเดือน ธ.ค.นี้ ก็จะทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นในปีนี้ โดยถือว่าเงื่อนไขดีกว่ากองทุนรวมเพื่อการส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) ที่มีอยู่ เนื่องจากระยะเวลาการถือครองลดลงเหลือ 8 ปี เทียบกับ SSF ที่ 10 ปีเต็ม

“เงินลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ผ่าน SSF ในแต่ละปีไม่เกิน 5,000 ล้านบาท หรือ 25% ของเงินลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งเฉลี่ยต่อปีราว 20,000 ล้านบาท โดยถ้า TESG สามารถดึงเงินลงทุนได้ปีละ 10,000 ล้านบาท ตามที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO)

คาด จะคิดเป็นสัดส่วน 50% ของเงินลงทุน ใน LTF ซึ่งเราคาดว่าจะเพียงพอที่จะช่วยจํากัด downside ให้กับตลาดหุ้นไทยในเดือน ธ.ค. ของแต่ละปี เหมือนช่วงที่มี LTF ได้”

ณัฐพล คำถาเครือ
ณัฐพล คำถาเครือ

โดยในเชิงกลยุทธ์การลงทุน คาดว่าหุ้น Market Cap. สูงใน SET ESG Ratings ที่ได้เรตติ้ง AAA หรือ AA หรือที่ได้คะแนน ESG จากการประเมินตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ 80 คะแนนขึ้นไป จะเป็นเป้าหมายแรกของกองทุน TESG ในการเลือกลงทุน

ซึ่งมีอยู่ 104 บริษัท จาก 193 บริษัทที่อยู่ใน SET ESG Ratings เช่น ADVANC, CPALL, KBANK, KTB, CPAXT, CRC, PTTGC, CPF, SCGP รวมถึงหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่จะเป็นเป้าหมายของ Active Fund ด้าน ESG ในอนาคต เช่น GUNKUL, SJWD, TTW, THCOM, WHAUP เป็นต้น

“เนื่องจากตอนนี้สิ่งที่ขาดไปจากตลาดหุ้นไทย คือเงินใหม่ที่ไม่มีเข้ามา ส่งผลให้หุ้นมีสภาพคล่องที่ไม่ค่อยดี และดัชนีปรับตัวขึ้นได้ยาก หากมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาน่าจะทำให้ตลาดดีขึ้น แต่ปีนี้คงช่วยแค่จำกัด downside โดยเราให้เป้าหมายดัชนี SET สิ้นปีนี้ 1,430 จุด ส่วนปีหน้ามองที่ 1,520 จุด” นายณัฐพลกล่าว