คอลัมน์ คุยฟุ้งเรื่องการเงิน
โดย พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน (ทอมมี่) www.actuarialbiz.com
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- ราคาทองวันนี้ (17 เม.ย. 67) ปรับ 8 ครั้ง ขึ้น 450 บาท รูปพรรณบาทละ 42,150 บาท
- ตรวจหวย ใบตรวจหวย ผลรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน 2567
3.expectation of forward rate ถ้าคนส่วนมากคิดว่าการลงทุนในปีข้างหน้าจะดีขึ้น yield curve ก็จะชันขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าคิดว่าแย่ลง yield curve ก็จะถูกกดลง หรือชันน้อยลง (ดูเหตุผลที่สาม)
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการวิเคราะห์พันธบัตรระยะเวลา 10 ปี เราจะเห็นว่าผลตอบแทนของพันธบัตร 10 ปี จะสูงหรือต่ำกว่าผลตอบแทนของพันธบัตร 1 ปี ก็ตรงที่ความคาดหวังในตลาดในอนาคต (ตัวนี้จะสะท้อนว่าเศรษฐกิจจะดีหรือจะแย่ในอนาคต) สภาพคล่องที่ต้องเอาเงินมาจม (ก็เลยหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น) และ demand/supply ในการลงทุนตัวนั้น ๆ (บริษัทประกันชีวิตต้องการลงทุนในระยะยาว ในขณะที่รัฐบาลก็เอาพันธบัตรออกมาขายน้อยเหลือเกิน)
สรุปคือ ระยะเวลาของพันธบัตรนั้น มีผลกับอัตราดอกเบี้ยผลตอบแทน เช่น ยิ่งระยะเวลานาน ยิ่งคาดหวังว่าควรจะมีดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเพราะเงินจม จึงทำให้ดอกเบี้ยผลตอบแทนจากพันธบัตรระยะยาวมีแนวโน้มที่จะสูงกว่าพันธบัตรระยะสั้น แต่ก็มีอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งค้านกับเหตุผลแรก คือ ยิ่งระยะเวลานาน ยิ่งมีสถาบันการเงินใหญ่ ๆ เช่น บริษัทประกันชีวิตเข้ามากว้านซื้อ จึงทำให้ราคาพันธบัตรระยะยาวมีแนวโน้มที่จะแพงและดอกเบี้ยต่ำกว่าพันธบัตรระยะสั้น และก็มีเหตุผลสุดท้ายที่บอกว่าพันธบัตรระยะยาวมันจะได้ดอกเบี้ยสูงกว่าหรือต่ำกว่าก็ขึ้นกับภาวะของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง
จะเห็นว่า เหตุผลแรกกับเหตุผลที่สองนั้นอาจจะหักล้างกันเอง ขึ้นกับว่าเหตุการณ์ไหนจะมีผลกระทบมากกว่า ส่วนเหตุผลสุดท้ายนั้นคือความคาดหวังของตลาดว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร และนั่นจึงเป็นที่มาของคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อาศัยการทำนายเศรษฐกิจในอนาคตจากความสัมพันธ์ของอัตราดอกเบี้ยจากพันธบัตรระยะยาวกับพันธบัตรระยะสั้น หรือจาก yield curve นี้นี่เอง
คลิกอ่าน >>> ระยะเวลามีผลกับอัตราดอกเบี้ย จากพันธบัตรจริงหรือ ? (1)