ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น หลังตัวเลขกิจกรรมภาคการผลิตในสหรัฐ-ยุโรป ปรับตัวดีขึ้น

ราคาน้ำมันดิบ

+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากความหวังในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังกิจกรรมภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 54.2 ในเดือนก.ค. 63 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี โดยเป็นผลมาจากคำสั่งซื้อที่เริ่มฟื้นตัว นอกจากนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยุโรปได้ขึ้นมาอยู่ในระดับเติบโตเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2562

– นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ปัจจุบันได้แตะระดับ 18 ล้านรายแล้วทั่วโลก ซึ่งอาจจะทำให้รัฐบาลในประเทศที่มีการแพร่ระบาดระดับรุนแรงต้องออกมาตรการที่เข้มงวดอีกครั้งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด และอาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง

– กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรเตรียมปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบเป็น 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนส.ค. 63 จนถึงธ.ค. 63 จากเดิมที่ลดกำลังการผลิตที่ระดับ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันมาตั้งแต่เดือนพ.ค. 63 ซึ่งจะทำให้อุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกมีมากขึ้น

ราคาน้ำมันเบนซิน

ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังฟิลิปปินส์และเวียดนามมีแนวโน้มที่จะบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์พื้นที่ที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดอีกครั้ง ประกอบกับสต๊อกน้ำมันสำเร็จรูปชนิดเบาในสิงคโปร์ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ราคาน้ำมันดีเซล

ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการนำเข้าน้ำมันดีเซลลดลงอย่างมากในภูมิภาค โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามและเมียนมา