ไวรัสลงหม้อ! “เอ็มเคสุกี้” กำไรสุทธิ 9 เดือนหาย 1,390 ล้านบาท

บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “M” และบริษัทย่อย แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 โดยบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 3,799 ล้านบาท ลดลง 303 ล้านบาท หรือลดลง 7.4% จากปีก่อนหน้า

โดยในไตรมาส 3 ของปี 2563 บริษัทฯ สามารถเปิดให้บริการตามปกติแล้วในทุกสาขา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา (COVID-19) ในประเทศไทยปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ประชาชนบางส่วน ก็ยังมีความกังวลในสถานการณ์ดังกล่าวอยู่ รวมถึงปัญหากำลังซื้อที่ลดลงของประชาชน ส่งผลให้จำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

รวมถึงสาขาที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่ยังมียอดขายที่ปรับลดลงค่อนข้างมาก เนื่องจากนักท่องเที่ยวยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้

ส่วนรายได้จากการขายและบริการสำหรับงวด 9 เตือนของปี 2563 นั้นเท่ากับ 9,756 ล้านบาท ลดลง 24.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า

กำไรขั้นต้น

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ปี 2563 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 2,534 ล้านบาท ลดลง 9.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยสัดส่วนกำไรขั้นต้นต่อรายได้จากการขายและบริการก็ได้ปรับตัวลดลงจาก 68.3% ในไตรมาส 3 ปื 2562 เป็น 66.7% ในไตรมาสนี้ ซึ่งสาเหตุหลักเนื่องจากบริษัทฯ ยังคงมีการจัดทำรายการส่งเสริมการขายโดยเฉพาะในช่องทาง Online เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายในช่องทางดังกล่าวให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป

ส่วนกำไรขั้นต้นสำหรับงวด 9 เดือนของปี 2563 นั้นเท่ากับ 6,393 ล้านบาท ลดลง 27.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สัดส่วนกำไรขั้นต้นต่อรายได้จากการขายและบริการก็ได้ปรับลดลงจาก 68.6% ในงวด 9 เดือนของปี 2562 เป็น 65.5% ในงวดเดียวกันของปี 2563

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร

บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สำคัญ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและส่งเสริมการขาย ค่าวัสดุสิ้นเปลือง และค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินถาวรและค่าตัดจำหน่าย ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ลดลง จาก 2,269 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2562 เป็น 2,004 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีนี้ หรือลดลงคิดเป็นร้อยละ 11.7

อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวมก็ได้ปรับลดลงจากร้อยละ 54.0 ในไตรมาส 3 ปี 2562 เป็น 51.9% ในไตรมาสเดียวกันของปีนี้

ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทฯ ได้พยายามลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ที่ปรับลดลง เช่น การขอเจรจาลดค่าเช่าจากทางศูนย์การค้า การปรับลดค่าใช้จ่ายพนักงาน โดยให้พนักงานลาหยุดแบบไม่รับค่าตอบแทนตั้งแต่เดือน พ.ค.ถึงเดือน ก.ค. การลดค่าใช้จ่ายทางการตลาด เป็นต้น

สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริการในงวด 9 เดือนของปี 2563 เท่ากับ 5,849 ล้านบาท ลดลง 14.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวมได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 51.9% ในงวด 9 เดือน ของ 2562 เป็น 58.9% สำหรับงวดเดียวกันของปี 2563 เนื่องจากรายได้จากการขายและบริการปรับตัวลดลง แต่ค่าใช้จ่ายบางประเภทเป็นใช้จ่ายคงที่ ไม่ได้ปรับลดลงตามสัดส่วนการลดลงของรายได้จากการขายและบริการ

ค่าใช้จ่ายทางการเงิน

บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีค่าใช้จ่ายทางการเงินเท่ากับ 19 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2563 และ 55 ล้านบาท สำหรับงวด 9 เดือนของปี 2563 ซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากหนี้สินตามสัญญาเช่า เนื่องจากมีการนำมาตรฐานรายงานทางการเงินฉบับที่ 16 มาถือปฏิบัติใช้

กำไรสุทธิ


จากปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ทำให้กำไรสุทธิของบริษัทฯ และบริษัทย่อยปรับลดลงจาก 549 ล้านบาทสำหรับไตรมาส 3 ปี 2562 เป็น 465 ล้านบาทในไตรมาสนี้ หรือลดลง 84 ล้านบาท คิดเป็น 15.4% สำหรับงวด 9 เดือนของปี 2563 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิเท่ากับ 558 ล้านบาท ลดลง 1,390 ล้านบาท หรือคิดเป็น
71.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน