ยกเว้นภาษีนิติบุคคล – VAT บริจาคยา-เวชภัณฑ์ต้านโควิด ถึง 31 มี.ค. 65

ครม.ขยายระยะเวลายกเว้นภาษีนิติบุคคล-VAT และภาษีนำเข้ายา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต้านโควิด-19 เพื่อบริจาคให้กับสถานพยาบาล-หน่วยงานของรัฐ-องค์กรสาธารณกุศล ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเข้ายา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต้านโควิด-19 สำหรับบริจาคเป็นสาธารณกุศล สำหรับการนำเข้าและบริจาคตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 หลังจากที่มาตรการเดิมสิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564

การขยายระยะเวลาดังกล่าว คาดว่าจะทำให้สูญเสียรายได้จากภาษีประมาณ 15 ล้านบาท แต่จะมีประโยชน์คุ้มค่าในการช่วยสนับสนุนการรักษา การวินิจฉัย และการป้องกันโควิด-19 ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสุขภาพของประชาชน ตลอดจนเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของประเทศ และยังช่วยจูงใจให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมกับภาครัฐในการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งจะส่งผลให้ภาครัฐสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการโควิด-19 ได้อย่างทั่วถึง

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า สำหรับรายละเอียดตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเข้ายา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต้านโควิด-19 สำหรับบริจาคเป็นสาธารณกุศลครั้งนี้ กระทรวงการคลังจะตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร โดยมีหลักการดังนี้คือ

1.ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการนำเข้าสินค้าที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโควิด-19 เพื่อบริจาคให้แก่ สถานพยาบาลซึ่งประกอบด้วย สถานพยาบาลของทางราชการ สถานพยาบาลของสถาบันการศึกษาของรัฐ สถานพยาบาลขององค์การมหาชน สถานพยาบาลของรัฐวิสาหกิจที่เป็นองค์การของรัฐบาลหรือหน่วยงานธุรกิจที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ สถานพยาบาลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานพยาบาลของหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือสถานพยาบาลของสภากาชาดไทย รวมไปถึงหน่วยงานของรัฐ และองค์กรหรือสถานสาธารณกุศลหรือสถานพยาบาลที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศ


2.ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคให้สถานพยาบาลตามข้อ 1 โดยต้องไม่นำต้นทุนของสินค้ามาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล