เงินบาทอ่อนค่า จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-รายงานเศรษฐกิจ ธปท.

เงินบาท

เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่า ขณะที่หุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงปลายสัปดาห์ตามแรงฉุดของโควิด-19 จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า ทั้งรายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนต.ค. ของแบงก์ชาติ ทิศทางเงินทุนของต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 6 สัปดาห์ที่ 33.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงตามจังหวะการย่อตัวของราคาทองคำในตลาดโลกและสถานะขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติในช่วงปลายสัปดาห์

ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากมุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดและรายงานการประชุมเฟด ซึ่งกระตุ้นการคาดการณ์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เฟดจะเร่งปรับลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ของมาตรการ QE และอาจจะตามมาด้วยสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในปีหน้าหากเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบสูงต่อเนื่อง

นอกจากนี้การเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวลเป็นประธานเฟดอีกสมัยก็เป็นปัจจัยบวกต่อดอลลาร์ฯ ด้วยเช่นกัน

ในวันศุกร์ (26 พ.ย.) เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 33.65 เทียบกับระดับ 32.76 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (19 พ.ย.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (29 พ.ย.-3 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.20-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนต.ค. ของธปท. ทิศทางเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนพ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนต.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ของยุโรป รวมถึงดัชนี PMI เดือนพ.ย. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษ

ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย หุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงปลายสัปดาห์ แต่ยังไม่หลุดแนว 1,600 จุด โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,610.61 จุด ลดลง 2.09% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 93,574.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.73% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.54% มาปิดที่ 565.08 จุด

หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบเกือบตลอดสัปดาห์ ก่อนจะร่วงลงหนักในช่วงปลายสัปดาห์ โดยการขยับขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์มีปัจจัยหนุนจากตัวเลขส่งออกไทยซึ่งออกมาดีกว่าคาด ประกอบกับมีแรงซื้อต่อเนื่องในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จากข่าวการควบรวมกิจการของบริษัทสื่อสาร ขณะที่การขยับขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์หลักๆได้แรงหนุนจากแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ

อย่างไรก็ดีหุ้นไทยร่วงลงช่วงปลายสัปดาห์ตามตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์โควิดในหลายประเทศ รวมถึงการพบไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (29 พ.ย.-3 ธ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,600 และ 1,585 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,630 และ 1,640 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ทิศทางเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ตลอดจนผลการประชุมโอเปกพลัส

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน การจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ย. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น ยูโรโซนและจีน ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย.(เบื้องต้น) ของยูโรโซน ตลอดจนยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของญี่ปุ่นและยูโรโซน