บจ.ไทยพาเหรดชี้แจงผลกระทบ ปมแบงก์ชาติเมียนมาสั่งระงับชำระหนี้ต่างประเทศ

เมียนมาร์-เศรษฐกิจ
FILE PHOTO : Ye Aung THU / AFP

บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของไทย แห่ออกมาชี้แจงถึงผลกระทบ กรณีแบงก์ชาติเมียนมาสั่งระงับชำระหนี้ต่างประเทศ รวมถึงสั่งห้ามนำเข้ารถยนต์-น้ำมันเชื้อเพลิง-สินค้าฟุ่มเฟือย “SCN-META” ยันธุรกิจพลังงาน-โรงไฟฟ้า ไม่กระทบ ฟาก “โอสถสภา” ชี้ไม่กระทบต่อธุรกิจในเมียนมา เหตุทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินในประเทศไทย เดินหน้าเจรจาแบงก์ปรับเงื่อนไขชำระหนี้

วันที่ 21 กรกฎาคม 2565 ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติ พลังงานทดแทน และขนส่งแบบครบวงจร เปิดเผยว่า จากกรณีที่ธนาคารกลางเมียนมาประกาศคำสั่งไปยังภาคเอกชนทุกประเภทธุรกิจให้ระงับชำระหนี้ทั้งเงินต้นและเงินดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ในต่างประเทศนั้น บริษัทไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากคำสั่งของธนาคารกลางเมียนมา

สำหรับ SCN ได้เข้าไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับทางกระทรวงพลังงานของเมียนมา และโครงการโรงไฟฟ้ามินบูไม่ได้กู้เงินจากสถาบันการเงินจากต่างประเทศมาดำเนินธุรกิจโรงงานไฟฟ้า อีกทั้งเมียนมาเป็นประเทศที่ยังมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น และธุรกิจโรงไฟฟ้าเป็นระบบบริการสาธารณูปโภคพื้นฐาน จึงไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว

เช่นเดียวกับนายศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ META ผู้ดำเนินธุรกิจพลังงานโรงไฟฟ้ามินบูในเมียนมาอีกราย กล่าวว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากมาตรการที่เพิ่งออกมาของแบงก์เมียนมา เนื่องจาก GEPM (Myanmar) Co., Ltd. (GPEM) ซึ่งเป็นบริษัทที่ META และรวมถึง ECF, SCN, และ AQ ได้เข้าไปลงทุนเพื่อดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับทางกระทรวงพลังงานของเมียนมา ไม่ได้กู้เงินจากสถาบันการเงินจากต่างประเทศเพื่อนำมาใช้ในการประกอบธุรกิจโรงงานไฟฟ้า

“แม้ว่า META จะดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าในเมียนมามาเป็นเวลานานแล้วก็จริง แต่ยืนยันว่ามาตรการที่เพิ่งถูกประกาศออกมาของธนาคารกลางเมียนมานั้นไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างแน่นอน เนื่องด้วยโครงการโรงไฟฟ้ามินบูไม่มีการกู้เงินจากแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศใด ๆ เพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้างและดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้น ด้วยเหตุนี้ทาง GEPM จึงไม่มีการนัดชำระเงินกู้หรือจ่ายดอกเบี้ยตามที่เกี่ยวข้องกับมาตรการล่าสุดของธนาคารกลาง เช่นเดียวกับบริษัทยักษ์ใหญ่หลายเจ้าในประเทศไทยที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวเช่นกัน เป็นการตอกย้ำความเข้มแข็งและน่าเชื่อถือของ META ในฐานะผู้ลงทุนและดำเนินธุรกิจพลังงานในเมียนมาอย่างชัดเจน”

นอกจากนี้ทางบริษัทยังแจ้งเพิ่มเติมว่า เนื่องด้วยธุรกิจโรงไฟฟ้าฯของ META เป็นธุรกิจสาธารณูปโภคซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของประเทศเมียนมา จึงไม่ได้เป็นสินค้าในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว ในส่วนการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้านั้นยังสามารถรับรู้ได้ตามปกติ ทำให้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากคำสั่งล่าสุดของธนาคารกลางเมียนมา

ด้านนางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โอสถสภา หรือ OSP ผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะที่บริษัทเป็นผู้นำเครื่องดื่มให้พลังงานอันดับหนึ่งในประเทศเมียนมาภายใต้แบรนด์ ชาร์ค ที่ครองใจผู้บริโภคมากว่า 25 ปี และ แบรนด์ เอ็ม-150 ด้วยเครือข่ายพันธมิตรและลูกค้าที่แข็งแกร่งทำให้ผลิตภัณฑ์ ชาร์ค และ เอ็ม-150 เข้าถึงพื้นที่ได้ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้ ‘โอสถสภา’ สามารถครองใจลูกค้าและผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่องและยาวนาน จึงตัดสินใจขยายธุรกิจลงทุนเปิดโรงงานที่เขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา ในปี 2563 หลัง ‘โอสถสภา’ ได้ริเริ่มทำการค้ากับเมียนมาเป็นเวลากว่า 25 ปี และได้เริ่มศึกษาวางแผนธุรกิจเป็นเวลานานนับสิบปีก่อนตัดสินใจลงทุนเปิดโรงงาน

ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารกลางเมียนมาประกาศคำสั่งไปยังภาคเอกชนให้ระงับชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ในต่างประเทศนั้น มาตรการดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ ‘โอสถสภา’ ในเมียนมา โดยบริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ อีกทั้งการลงทุนในเมียนมาเป็นการทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินในประเทศไทยเเละสถาบันการเงินในประเทศเมียนมา ทั้งนี้ การชำระหนี้จะมีการเจรจากันภายใต้เงื่อนไขและข้อตกลงระหว่างบริษัทและสถาบันการเงินต่อไป

ถึงแม้ว่าสถานการณ์ทางการเงินจะมีความผันผวนด้านค่าเงินหรืออัตราการแลกเปลี่ยน แต่ธุรกิจของบริษัทยังคงดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันนี้การซื้อขายในเมียนมาสามารถทำได้ในหลายสกุลเงินมากขึ้น ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการทางการเงินได้หลากหลายมากขึ้น เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป