ธุรกิจสีเทา : รวมประเด็น ชูวิทย์แฉ-จาก ตู้ห่าว ถึง วีซ่าจำแลง

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ / ภาพ ข่าวสด

เปิดข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจสีเทาอีกระลอก ครั้งนี้ ชูวิทย์แฉด้วยการตั้งข้อสังเกตไปที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ปล่อยให้กลุ่มทุนจีนแฝงเข้ามาด้วยเส้นทางเปลี่ยนวีซ่า

วันที่ 7 ธันวาคม 2565 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ผู้เกาะติดการตรวจสอบธุรกิจสีเทากลุ่มทุนจีนในประเทศไทย เปิดแถลงข้อมูลเพิ่มเติมในชื่อ “ปฏิบัติการทลายภูเขาน้ำแข็ง” พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) คอยอำนวยความสะดวกให้กลุ่มทุนเหล่านี้

นายชูวิทย์กล่าวว่า สิ่งที่จะพูดไม่ได้เป็นประเด็นการเมือง แต่เป็นการตั้งคำถามไปยังผู้มีอำนาจที่อยู่ในรัฐสภาและทำเนียบรัฐบาล เพราะเรื่องที่เปิดเผยเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น

ข้อสังเกตครั้งนี้เริ่มจาก สตม.ซึ่งเป็นด่านแรก และมีผู้เกี่ยวข้องบางคนส่งเสริมให้ทุนจีนสีเทาเข้าสู่ประเทศ ในรูปแบบขบวนการแปลงวีซ่า ให้เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย โดยเปลี่ยนประเภทวีซ่า จากวีซ่านักท่องเที่ยวเป็นวีซ่าสำหรับประกอบธุรกิจ (non b visa) หรืออาสาสมัครมูลนิธิ (non o visa)

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ / ภาพ ข่าวสด

คนเหล่านี้จะติดต่อผ่านคนกลาง ที่มีทั้งรูปแบบสำนักงานกฎหมายชาวจีนที่ว่าจ้างคนไทย และรูปแบบบุคคล เพื่อไปสมัครเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของมูลนิธิ ที่อ้างว่าสนับสนุนการศึกษาภาษาจีนของเด็กและเยาวชน ซึ่งการเปลี่ยนวีซ่าดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายกับ ตม.รายละ 100,000-300,000 บาท

2 ปีอาสาสมัคร 7 พันคน

สำหรับมูลนิธิที่ตรวจพบ มีที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านพิมานชื่น จ.ขอนแก่น เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2561 จากนั้นปี 2563 มีสมาชิกเพิ่มถึง 2,747 ราย ทั้งใน จ.ขอนแก่น และจ.กาฬสินธุ์อีก 907 ราย จากนั้นระหว่างปี 2563-2564 มีการอนุมัติให้ผู้เปลี่ยนประเภทวีซ่าแล้วกว่า 3,325 ราย

Advertisment

“เฉพาะปี 63-64 ระยะเวลา 2 ปี มีอาสาสมัครจีนร่วม 7,000 คน ได้วีซ่าประเภท Non-O หรือ Working for NGO ทำงานเป็นอาสาสมัครในมูลนิธิ เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร แต่ให้ไปดูสถานที่ตั้งมูลนิธิ สภาพทรุดโทรม ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่จังหวัดขอนแก่น แค่ 10 คนก็เต็มไม่เหลือพื้นที่แล้ว แต่นี่รับไปร่วม 7,000 คนได้อย่างไร หากคนหนึ่งจ่าย 100,000 บาท รวม 7,000 คน ก็ 700 ล้านแล้ว” นายชูวิทย์กล่าว และว่า

ผู้ที่อำนาจในการขออนุมัติเปลี่ยนวีซ่านั้น ต้องเป็นระดับผู้บังคับการขึ้นไป ในนี้มี 2 นาย เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 47 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.

Advertisment

นายชูวิทย์กล่าวว่า นอกจากมูลนิธินี้ ยังมีมูลนิธิอื่นรวม 6 แห่ง และมีสมาคมเถื่อนและการอุ้มท้องซื้อพ่อ ฉะนั้น ผบ.ตร.จะต้องจัดการ ไม่เช่นนั้นเมื่อเรื่องเงียบ ธุรกิจแบบนี้ก็จะกลับเข้ามา

นายชูวิทย์ นำเอกสารหลักฐานที่คาดว่าเป็นประโยชน์กับการสอบสวนคดีตู้ห่าว ธุรกิจสีเทา มามอบให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล

เผยจุดเริ่มต้นการแฉ-ตู้ห่าว

สำหรับลำดับการเผยแพร่ข้อมูลทุนจีนสีเทา นายชูวิทย์กล่าวว่า เริ่มพูดมาตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค. 2565 ก่อนที่ตำรวจจะเข้าไปบุกทลายผับจินหลิง พื้นที่ สน.ยานนาวา ยืนยันว่าทำเพื่อต้องการปกป้องประเทศ ไม่มีบุคคลใดอยู่เป็นเบื้องหลัง

17 พ.ย. 2565-นายชูวิทย์เข้ามอบเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับกลุ่มทุนสีเทาชาวจีนให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ระบุว่าอยากให้นำไปเป็นข้อมูลประกอบการปราบปรามกลุ่มนายทุนต่างชาติที่ลักลอบทำธุรกิจผิดกฎหมายในไทย โดยระบุว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ “นายตู้ห่าว” นายทุนชาวจีน

วันที่ 19 พ.ย. 2565 นายชูวิทย์เปิดข้อมูลโจมตีนายตู้ห่าว ว่าเป็นมาเฟียที่มีทรัพย์สินหลายพันล้าน และกุมความลับของผู้มีอิทธิพล นักการเมืองจำนวนมากที่นำเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการทุจริตมาให้นายตู้ห่าวฟอกเงิน โดยการลงทุนในธุรกิจผิดกฎหมาย หากนายตู้ห่าวถูกจับข้อมูลดังกล่าวก็อาจจะถูกเปิดเผย และส่งผลกับผู้ที่มีส่วนได้เสียในครั้งนี้

ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์
ภาพจากศูนย์ภาพมติชน

บริจาคเงินให้พรรคการเมือง

วันที่ 23 พ.ย. 2565 นายชูวิทย์กล่าวถึงกรณีที่ตู้ห่าวบริจาคเงิน 3 ล้านบาทให้พรรคการเมืองไทย ทั้งที่ใช้พาสปอร์ตจีนอยู่ จึงอยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบด้วย

ขณะเดียวกัน นายชูวิทย์เผยว่ามีอดีตรัฐมนตรีที่พัวพันเรื่องนี้โทรศัพท์มาเคลียร์กับตน บีบตน และใช้วิธีมาเฟียกับตนทุกรูปแบบ แต่ตนยืนยันว่าไม่กลัว สิ่งใดที่พูดไปแล้ว รับผิดชอบคำพูดตัวเองทุกคำ

วันที่ 1 ธ.ค. 2565 นายชูวิทย์กล่าวว่า ได้รับข้อมูลจากพยานคนสำคัญที่เป็นอดีตคนใกล้ชิดนายตู้ห่าว แต่เกิดขัดผลประโยชน์กัน เพราะตู้ห่าวไม่จ่ายค่าจ้าง ข้อมูลที่ได้รับจำนวนมากนี้จะทยอยให้ตำรวจนำไปสืบสวนต่อ นอมินีคนสำคัญของนายตู้ห่าวใช้ชื่อว่านางพัชรินทร์ เป็นคนไทยดำเนินการแทน

เอ่ยชื่อหลินหลงใส่ชุดทหาร

นายชูวิทย์แฉด้วยว่า การออกวีซ่าให้คนจีนเข้ามาอยู่ในไทย นายทุนจีนเหล่านี้ซื้อโรงเรียนสอนภาษาไทยให้คนจีนอยู่ และรับรองการอยู่ในไทยในฐานะนักศึกษา ทำให้ไปต่อวีซ่าได้ตลอด

ขณะเดียวกัน นายชูวิทย์เปิดเผยภาพถ่ายนายหลินหลง อดีตที่ปรึกษาสมาคมพ่อค้าไทยที่ร่วมถ่ายภาพกับข้าราชการหลายคน ว่าแอบอ้างใส่ชุดคล้ายทหาร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้อ้างตัวเป็นผู้มีอิทธิพลกับกลุ่มคนจีน และลักลอบตั้งสมาคมอีกหลายแห่งขึ้นมา เพื่อทำให้น่าเชื่อถือ

นายชูวิทย์ยังเปิดเผยภาพถ่ายการก่อสร้างบ้านขนาดใหญ่กลางหุบเขาในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ ที่ระบุได้ข้อมูลมาว่ามีการใช้เงินจากหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดของต่างประเทศเพื่อมาสนับสนุนหน่วยงานยาเสพติดของไทย แล้วนำเงินไปสร้างบ้านกลางป่า

…..

ธุรกิจสีเทา : ตร.ไล่ล่าเงินสด ตู้ห่าว ฝากคนสนิท – อายัดทรัพย์แล้ว5พันล้าน