Recap 2022 : 6 ปรากฏการณ์ข่าวใหญ่ทั่วไทย ปีเสือ

Recap 2022 ข่าวใหญ่ รอบปี 2565

ย้อนมองปรากฏการณ์ข่าวใหญ่ ข่าวสำคัญทั่วไทย ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี 2565 ก่อนออกเดินทางไปกับปฏิทินเล่มใหม่ ศักราชใหม่

การเดินทางของปี 2565 กำลังจะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ปฏิทินเล่มปัจจุบันใกล้ถึงเวลาต้องเก็บลง และเริ่มกางปฏิทินเล่มใหม่ ต้อนรับศักราชใหม่ และความท้าทายใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นตลอดศักราชใหม่ที่รออยู่ข้างหน้า

หากย้อนมองตลอดปี 2565 ที่ผ่านมา เกิดปรากฏการณ์สำคัญในสังคมมากมาย และมีหลายปรากฏการณ์ที่สังคมต่างให้ความสนใจในการติดตามอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกัน

“ประชาชาติธุรกิจ” ชวนทุกคนทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ และสิ่งที่ได้เรียนรู้ผ่าน 6 ปรากฏการณ์ข่าวใหญ่ทั่วไทยที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปีนี้

กราดยิงหนองบัวลำภู : โศกนาฏกรรมที่มากกว่าความสูญเสีย

#กราดยิงหนองบัวลำภู โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู และบริเวณใกล้เคียง เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565

โศกนาฏกรรมครั้งนี้ นับเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสูญเสียทั้งเด็กเล็กในศูนย์ฯ คุณครูผู้ดูแล ไปจนถึงผู้บริสุทธิ์รวมอย่างน้อย 37 ราย โดยผู้สูญเสียเกือบทั้งหมด แทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับผู้ก่อเหตุแม้แต่น้อย

จากเหตุการณ์วันนั้นจนถึงวันนี้ ยังไม่มีข้อสรุปถึงสาเหตุและแรงจูงใจที่แน่ชัด แต่สิ่งที่ผู้ใกล้ชิดให้ข้อมูลใกล้เคียงกันคือ ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตตำรวจ ซึ่งมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

แม้เหตุการณ์นี้จะผ่านมากว่า 2 เดือนแล้ว และการเยียวยาผู้สูญเสียจากเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นไปแล้ว แต่นั่นไม่อาจเยียวยาแผลในใจของผู้ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปได้

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ก็ทำให้หลายโรงเรียนในช่วงเวลานั้น หันมาให้ความสำคัญกับการซักซ้อมการเผชิญเหตุดังกล่าวในโรงเรียนมากขึ้น เพื่อรับมือกับสถานการณ์ลักษณะดังกล่าวโดยเฉพาะ

ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายคำถามที่สังคมยังคาใจอยู่ไม่น้อย ตั้งแต่พฤติกรรมที่ผิดวินัยตำรวจ การครอบครองอาวุธ ไปจนถึงการจัดการของรัฐบาลในการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเป็นจริงเป็นจัง รวมถึงการรับมือสถานการณ์ เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันมาแล้วที่ จ.นครราชสีมา

แม้รัฐบาลจะเริ่มให้ความสำคัญกับการจัดการปัญหาอาวุธและยาเสพติดมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้ว แต่หลายคนในสังคมต่างคิดว่า น่าจะดีไม่น้อย ถ้าสามารถจัดการปัญหาลักษณะนี้ได้ตั้งแต่ต้นเหตุ

เรือหลวงสุโขทัยอับปาง : ความหวัง และคำถามที่ยังรอคำตอบ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 เรือหลวงสุโขทัย หนึ่งในเรือหลวงของราชนาวีที่เก่งกาจด้านการรบ เกิดปัญหาขึ้นระหว่างเดินเรือไปที่ จ.ชุมพร ณ บริเวณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์

ในวันดังกล่าว คลื่นทะเลค่อนข้างแรงมาก ทำให้มีน้ำพัดเข้าเรือเป็นจำนวนมาก ทำให้เครื่องยนต์มีปัญหา และน้ำที่เข้าเรือ ยังกระทบไปถึงระบบเครื่องไฟฟ้า และระบบสื่อสารอีกด้วย

ขณะเดียวกัน น้ำที่เข้าเรือ ทำให้เรือหลวงสุโขทัยเสียสมดุล เริ่มมีอาการเอียง แม้จะมีความพยายามในการช่วยผลักดันน้ำในเรือออกไปให้มากที่สุด เพื่อกอบกู้สถานการณ์ของเรือแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์คลื่นลมที่ยังแรงมากอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถต้านทานความแรงของคลื่นได้ และอับปางลงในที่สุด เมื่อเวลา 23.30 น. ของวันดังกล่าว

หลังจากเรือเริ่มอับปางลง ภารกิจการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุจึงเกิดขึ้น โดยในคืนเกิดเหตุ สามารถช่วยเหลือกำลังพลผู้ประสบเหตุได้ 74 นาย ก่อนที่คืนวันถัดมา จะมีการรายงานว่าสามารถช่วยเหลือกำลังพลที่รอดชีวิตได้อีก 1 นาย และมีกำลังพลที่ยังสูญหาย ณ ขณะนั้น 30 นาย

การค้นหายังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความหวังของญาติผู้สูญหายที่เชื่อว่า ผู้สูญหายทุกคนยังปลอดภัย

แต่ระหว่างทางตลอดเกือบสัปดาห์แรกที่เกิดเหตุ มีการรายงานพบผู้เสียชีวิตในบริเวณที่เรืออับปางอยู่ตลอด แต่ผู้ที่เสียชีวิตมีทั้งกำลังพล และลูกเรือจากเรือเอกชนที่อับปางจากคลื่นลมแรงในลักษณะเดียวกันกับเรือหลวงสุโขทัย

เวลาผ่านพ้นไป 1 สัปดาห์หลังเกิดเหตุ สัญญาณการค้นหากำลังพลผู้สูญหายจากเหตุเรืออับปาง เริ่มดีขึ้น เมื่อทีมช่วยเหลือเริ่มพบผู้สูญหายมากขึ้น แม้ว่าจะพบในวันที่พวกเขาไม่มีลมหายใจแล้วก็ตาม

การช่วยเหลือและตามหาผู้ประสบเหตุฯ ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 29 ธันวาคม 2565 เวลา 11.30 น.) จากยอดกำลังพลบนเรือหลวงสุโขทัย 105 นาย

  • รอดชีวิต 76 นาย
  • เสียชีวิต 24 นาย (สามารถระบุชื่อได้แล้ว 22 นาย อยู่ระหว่างการพิสูจน์อัตลักษณ์ 2 นาย)
  • ยังคงสูญหาย 5 นาย

การค้นหาผู้สูญหายที่เหลือและการกู้ซากเรือยังดำเนินต่อไป พร้อมกับการที่กองทัพเรือ ถูกตั้งคำถามจากสังคมมากมาย ทั้งเรื่องการดูแล บำรุงรักษาเรือ การจัดการเหตุการณ์ การขอความช่วยเหลือ และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งเรื่องของเรือ และการบริหารงานของกองทัพฯ

แม้กองทัพเรือ จะตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว แต่สังคมยังคงต้องการให้กองทัพฯ ตอบทุกคำถามที่ทุกคนในสังคมสงสัยให้กระจ่างที่สุด และถามหาความรับผิดชอบของภาครัฐจากเหตุการณ์นี้ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมกับการเยียวยาผู้ประสบเหตุ และจบเรื่องนี้ลง

Mountain B สัตหีบ : โศกนาฏกรรม | มองข้าม | ซ้ำรอย

กลางดึกคืนวันที่ 5 สิงหาคม 2565 เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นที่สถานบันเทิง Mountain B ในพื้นที่สัตหีบ จ.ชลบุรี ทำให้นักท่องราตรีต้องหนีเอาตัวรอดจากเพลิงไหม้ครั้งนี้ และทำให้หลายชีวิตเปลี่ยนไปตลอดกาล

เพลิงไหม้ครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย ผู้บาดเจ็บและได้รับผลกระทบอีกจำนวนมาก ทั้งนักท่องราตรีและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้น

ขณะที่ผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สร้างแผลบนร่างกายจากการถูกเพลิงไหม้เท่านั้น แต่ยังสร้างแผลในใจให้กับผู้ได้รับผลกระทบครั้งนี้อย่างมาก

ทันทีที่สถานการณ์เพลิงสงบลง เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้องเริ่มทำการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบต้นเพลิงมาจากไฟฟ้าลัดวงจร บริเวณใกล้เวทีนักดนตรี

ยิ่งไปกว่านั้น สถานบันเทิงแห่งนี้มีความไม่ถูกต้องหลายจุด ทั้งประตูฉุกเฉินที่มีจำนวนไม่เพียงพอ การรับมือสถานการณ์ที่ไม่มีมาตรฐาน และที่หนักที่สุดคือ ร้านไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานบันเทิง และตั้งอยู่ในพื้นที่ห้ามตั้งสถานบันเทิงอีกด้วย

สิ่งเหล่านี้ทำให้สังคมตั้งคำถามอย่างมาก โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐว่า อนุญาตให้มีการตั้งสถานบันเทิงแห่งนี้ได้อย่างไร หรือมีวิธีการตรวจสอบอย่างไร ถึงปล่อยให้มีสถานบันเทิงในพื้นที่ที่ห้ามมีได้

ภายหลังเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น มีคำสั่งจากผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี สั่งห้ามตั้งสถานบันเทิงบนพื้นที่ดังกล่าว เป็นเวลา 5 ปี และภายหลังมีข่าวว่า มีสถานบันเทิงกลับมาเปิดใหม่บริเวณพื้นที่เกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวแล้ว

จากนั้น เจ้าของสถานบันเทิง Mountain B ได้โพสต์ข้อความ ขอให้ทุกคนเห็นใจ ให้โอกาสเจ้าของกิจการใหม่ได้ดำเนินกิจการต่อไป ส่วนตนจะพยายามหาเงินมาเยียวยาทุกคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

ส่วนผู้เสียหายจากเหตุการณ์นี้ มีความกังวลไม่น้อยว่า การเยียวยาจะยืดเยื้อเหมือนครั้งเหตุเพลิงไหม้สถานบันเทิง ซานติก้า ผับ (Zantika) ที่บทสรุปสุดท้าย เจ้าของกิจการดังกล่าวถูกสั่งเป็นบุคคลล้มละลาย และทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับการเยียวยาในที่สุด

นับเป็นอีกบทเรียนสำคัญที่ภาครัฐควรหันมาจริงจังและเข้มงวดกับการตรวจสอบสถานบันเทิงให้มากขึ้น ขณะเดียวกัน เจ้าของกิจการต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และการทำธุรกิจให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้เดินหน้าไปได้ด้วยดี จะได้ไม่เป็นตามสุภาษิตที่ว่า “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย”

JSL Global Media : บริษัทสื่อ ล้มฟ้าผ่า

อุตสาหกรรมบันเทิง หนึ่งในอุตสาหกรรมที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก จากสถานการณ์การแข่งขันและภูมิทัศน์ของสื่อที่เปลี่ยนไปอย่างมาก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้วงการบันเทิงไทยติดหล่มอยู่หลายครั้ง

แต่ในปีนี้ ธุรกิจบันเทิงที่เก่าแก่ อายุกว่า 4 ทศวรรษ ย่านลาดพร้าว 107 อย่าง “บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด” ประกาศยุติการดำเนินงานบางส่วนตั้งแต่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังมีข่าวลือในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า จะมีบริษัทบันเทิง บริษัทหนึ่ง ปิดตัวลง

แม้ JSL จะเป็นบริษัทบันเทิงที่มาอายุยาวนานถึง 43 ปี แต่สถานการณ์ธุรกิจสื่อและบันเทิงของไทยที่เปลี่ยนไปมาก ทำให้ JSL มีรายได้ที่ลดลง จนเข้าสู่ภาวะขาดทุนนับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา จนถึงปีงบการเงิน 2564 ซึ่งเป็นปีล่าสุดก่อนประกาศปิดกิจการบางส่วน

อีกหนึ่งปัญหาสำคัญหลังการประกาศปิดตัว คือ พนักงาน ที่ต้องตกงานแบบไม่ทันตั้งตัว รวมทั้งมีปัญหาเรื่องการชดเชยและการจ่ายค่าจ้าง เงินเดือนต่าง ๆ ที่ชะงักตามมาจากปัญหาด้านการเงินของบริษัท

พนักงานของ JSL มีการระบุว่า บริษัทฯ จะจ่ายชดเชยให้พนักงานที่ถูกเลิกจ้างเพียง 16% เท่านั้น ก่อนที่บริษัทฯ จะชี้แจงเพิ่มเติมว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจในการจ่ายชดเชยให้พนักงาน โดย 16% ที่ระบุนั้น เป็นการจ่ายในงวดแรก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพนักงานทุกคน และจะหาเงินมาจ่ายค่าชดเชยให้กับพนักงานจนครบจำนวนที่แต่ละคนควรได้ตามกฎหมาย

สถานการณ์ของ JSL นับว่าหนักพอสมควร ถึงขั้นต้องตัดใจขายสำนักงานของตัวเองในลาดพร้าว 107 เพื่อนำมาจ่ายค่าชดเชยให้กับพนักงาน 83 คน รวมกว่า 28 ล้านบาท ซึ่งได้จ่ายให้กับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ยังมีความน่ากังวลอยู่ไม่น้อย การปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ยังเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยให้ธุรกิจนั้นอยู่รอดได้มากขึ้น

Forex 3D : แชร์ลูกโซ่ สะเทือนคนบันเทิง

คดีแชร์ลูกโซ่ Forex 3D คดีที่เคยได้รับความสนใจชั่วขณะหนึ่ง จากการเข้าจับกุม นายอภิรักษ์ โกฎธิ CEO ของ Forex 3D เมื่อปี 2564 หลังผู้ร่วมลงทุนใน Forex 3D ส่วนหนึ่งเข้าแจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกง

มาถึงปีนี้ ปี 2565 ชื่อของ Forex 3D ได้รับความสนใจอีกครั้ง จากการที่มีชื่อของเหล่านักแสดง-คนในวงการบันเทิง มีส่วนเกี่ยวข้องในเครือข่ายแชร์ลูกโซ่กลุ่มนี้เป็นจำนวนมาก

หนึ่งในนักแสดงที่โดนหางเลขในคดีนี้ คือ พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช ซึ่งโดนหางเลขหนักที่สุดในบรรดานักแสดงที่มีชื่อเกี่ยวข้องในคดีนี้ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ระบุว่า พิ้งกี้มีส่วนในขบวนการแชร์ลูกโซ่นี้ จากการชักชวนลงทุนโดยอาศัยความน่าเชื่อถือของพิ้งกี้เอง ทำให้อัยการสั่งฟ้องพร้อมกับ สรินญา ไชยเดช แม่ของพิ้งกี้ และ สรายุทธ ไชยเดช พี่ชายของพิ้งกี้ ซึ่งมีชื่อร่วมถือหุ้นในบริษัทที่อยู่ในขบวนการแชร์ลูกโซ่นี้ พร้อมทั้งคนอื่น ๆ รวม 19 ราย

ณ ขณะนั้น พิ้งกี้ ได้ยื่นขอประกันตัว เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แต่ศาลไม่ให้ประกันตัว เนื่องจากคดี Forex 3D มีมูลค่าความเสียหายสูงกว่า 2 พันล้านบาท ศาลพิเคราะห์แล้ว เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และทำให้ต้องเข้าเรือนจำในทันที

ภายหลัง ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว พิ้งกี้-สาวิกา เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2565 เนื่องจากศาลอาญาพิจารณาแล้วเห็นว่า น.ส.สาวิกาให้การปฏิเสธ โดยยืนยันชั้นตรวจพยานหลักฐานว่าเป็นเพียงนักลงทุน มีพยาน 8 ปาก วงเงินเป็นหลักประกันน่าเชื่อถือ อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณา โดยตีประกันวงเงิน 5 ล้านบาท

อีกหนึ่งคนบันเทิงที่มีชื่อพัวพันและใกล้ชิดกับนายอภิรักษ์ คือ ดีเจ.แมน-พัฒนพล มินทะขิน ซึ่งยอมรับว่าได้ร่วมลงทุนใน Forex 3D จริงและได้รับดอกเบี้ยจากการลงทุนเป็นเวลา 2-3 ปี พร้อมทั้งมีการปรากฏภาพ ดีเจ.แมน และ นายอภิรักษ์ ร่วมเฟรมด้วยในหลาย ๆ โอกาส และอาจเอี่ยวไปถึง ใบเตย-สุธีวัน กุญชร ภรรยาของ ดีเจ.แมน ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ทั้งดีเจ.แมน และใบเตย ได้มีการเดินทางพนักงานสอบสวนของ DSI ครบตามกำหนด พร้อมทั้งแสดงเอกสารเส้นทางการเงินและหลักฐานต่าง ๆ แล้ว

นอกจากชื่อของทั้ง พิ้งกี้ และ ดีเจ.แมน-ใบเตย แล้ว ยังมีการปรากฏชื่อนักแสดงคนอื่น ๆ เข้าไปเกี่ยวข้องในแชร์ลูกโซ่นี้อีกด้วย อย่าง กระทิง-ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์, บอล-กัมมัญญ์ กลมแก้ว หรือ โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร ซึ่งทุกคนที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนยืนยันว่าตนคือผู้เสียหายในขบวนการแชร์ลูกโซ่นี้ด้วยเช่นกัน

คดีแชร์ลูกโซ่ ถือเป็นหนึ่งในวิธีหลอกลงทุนสุดคลาสสิกที่ประสบความสำเร็จในการหลอกลวงอย่างมาก ด้วยการล่อให้ติดกับด้วยผลประโยชน์ที่หวือหวา สูงเกินจริง ทำให้มีคนหลงเชื่อและเสียหายถึงขั้นหมดตัวแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เพียงแค่อยากรวยเร็ว รวยไว ไม่ต้องตรากตรำทำงานหนักและเก็บเงิน

มิลลิ ดนุภา : ปรากฏการณ์ “ข้าวเหนียวมะม่วง” ฟีเวอร์

“ข้าวเหนียวมะม่วง” เมนูของหวานของไทยที่กลายเป็นที่พูดถึงทั่วโลกชั่วข้ามคืน หลัง “มิลลิ-ดนุภา คณาธีรกุล (MILLI)” ขึ้นโชว์บนเวที Coachell 2022 เวทีดนตรีระดับโลกที่ มิลลิ ได้เป็นศิลปินเดี่ยวชาวไทยคนแรกที่ร่วมบนเวทีนี้

ไฮไลท์สำคัญในโชว์ของมิลลิ นอกจากการโชว์แรป เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของไทยในแง่มุมต่าง ๆ ที่ต่างชาติคิดหรือมองเห็นแล้ว ยังหยิบเอาเมนูของหวานของไทยอย่าง “ข้าวเหนียวมะม่วง” มารับประทานโชว์ในช่วงท้ายของการแสดง

นอกจากโชว์ดังกล่าวจะทำให้แฮชแท็ก #MILLILiveatCoachella ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ประเทศไทยเป็นอันดับต้น ๆ แล้ว ความสนใจของผู้คนเรื่องข้าวเหนียวมะม่วงเกิดขึ้นในทันที ทั้งผู้คนบนโลกออนไลน์และผู้เข้าชมงาน Coachella

มีการรายงานจากสื่อหลายสำนักในช่วงเวลานั้นว่า ผู้คนให้ความสนใจในช้าวเหนียวมะม่วงเป็นอย่างมาก ยอดขายร้านข้าวเหนียวมะม่วงเพิ่มขึ้น ทั้งการขายหน้าร้านที่ลูกค้ามาต่อคิวรอซื้อ รอรับประทาน และยอดขายทางเดลิเวอรี่ที่จำนวนออเดอร์เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

นายมานพ แก้ววงษ์นุกูล ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมะม่วงส่งออก จ.ฉะเชิงเทรา เคยให้สัมภาษณ์กับมติชนว่า “จากกระแสที่เกิดขึ้นในระดับโลกครั้งนี้ เชื่อว่าจะทำให้เกิดการบริโภคมากขึ้น และเชื่อว่าจะช่วยทำให้ราคาดีขึ้นตามมาเป็นลำดับ ส่วนในตลาดต่างประเทศนั้น ยังคงต้องรอเวลาหลังจากนี้ไปอีกสักระยะ เนื่องจากเพิ่งเกิดกระแสความนิยมขึ้นมาในวันนี้ (17 เม.ย. 2565)”

ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เคยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” เกี่ยวกับกระแสดังกล่าวไว้เช่นกันว่า “การโปรโมตมะม่วงด้วยวิธีการบริโภคแบบ ทานคู่กับข้าวเหนียว เป็นการสร้างเอกลักษณ์วิธีบริโภค แบบของไทย ที่นำจุดเด่นความอร่อยของข้าวเหนียว และน้ำกะทิมาผสมผสานกับรสชาติ และคุณภาพของมะม่วงซึ่งการรับประทานแบบคนท้องถิ่นกำลังเป็นที่สนใจของผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวทั่วโลก”

ก่อนหน้านี้ ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ของประเทศไทย เป็นที่พูดถึงมากมายของหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เป็นที่จดจำของคนทั่วโลกอย่าง “ต้มยำกุ้ง” สถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น ทะเล ภูเขา สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แม้กระทั่งสื่อบันเทิงของไทย โดยเฉพาะละครและภาพยนตร์ หรือเอกลักษณ์สำคัญของไทย ที่ทำให้ต่างชาติจดจำความเป็นไทยได้อยู่เสมอ

อย่างไรก็ดี ปัญหาสำคัญที่ทำให้ Soft Power ของประเทศไทย ยังไปได้ไม่ถึงไหน คือการส่งเสริมจากภาครัฐที่ยังไม่มากพอ ขาดแผนและกลยุทธ์การผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยในระยะยาว

การวางแผนผลักดัน Soft Power ของประเทศไทย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องหันมาวางแผนอย่างจริงจังและมองภาพระยะยาวมากขึ้น เพื่อให้หลากหลายความสร้างสรรค์ของประเทศไทยไปสู่ต่างชาติได้ไกลกว่าเดิม และกลายเป็นความหวังใหม่ของเศรษฐกิจไทยในอนาคต

ทั้งหมดนี้ คือ 6 ปรากฏการณ์ข่าวใหญ่ทั่วไทยที่น่าสนใจตลอดทั้งปี 2565 แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีอีกหลากหลายเหตุการณ์ที่น่าสนใจและทำให้ทุกคนได้เรียนรู้มากขึ้น

แล้วสำหรับคุณ ข่าวไหน คือ ข่าวใหญ่ประจำปี 2565 สำหรับคุณ?