คมนาคมร่วมมือ USTDA ศึกษาการขนส่งไทย เน้นระเบียงเศรษฐกิจ

คมนาคมร่วมมือ USTDA

ศักดิ์สยามปลื้ม คมนาคมจับมือ USTDA ศึกษาการคมนาคมแบบบูรณาการ สู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

วันที่ 1 มีนาคม 2566 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานและร่วมเป็นสักขีพยาน ในพิธีแลกเปลี่ยนบันทึกความตกลงการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการระหว่างสำนักงานนโยบายและแผน การขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม และองค์การการค้าและการพัฒนาของสหรัฐอเมริกา (United States Trade and Development Agency : USTDA) พร้อมด้วยนายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค อัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธี

โดยมีนายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร และนายสิทธิศักดิ์ อภิชาติธนพัฒน์ รองผู้จัดการภูมิภาคเอเชีย USTDA ร่วมแลกเปลี่ยนบันทึกความตกลงฯดังกล่าว

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายและข้อสั่งการให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งอย่างเป็นรูปธรรม ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านโครงข่ายคมนาคมในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้ รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมขนส่งและการแก้ไขปัญหาจราจร ให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยมียุทธศาสตร์สำคัญในการส่งเสริมการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากทางถนนไปสู่การขนส่งที่มีต้นทุนต่ำกว่า ได้แก่ ทางราง ทางน้ำ และการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ เพื่อใช้ประโยชน์จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรางให้เกิดความคุ้มค่าอย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งสู่การลดต้นทุนการขนส่งในภาพรวมของประเทศ รวมถึงการสร้างโอกาสทางการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก

Advertisment

ด้านนายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เปิดเผยว่า จากความสัมพันธ์กว่า 90 ปีของประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ได้มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างแน่นแฟ้น ทั้งด้านการคมนาคม เกษตร การสาธารณสุข และอื่น ๆ โดยพิธีในวันนี้เป็นการต่อยอดเพื่อจัดการด้านโลจิสติกส์ของประเทศไทยให้มีการขนส่งทางรางมากยิ่งขึ้น และเชื่อมต่อระหว่างการขนส่งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศอย่างไร้รอยต่อ

และตนเองหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากการศึกษาโครงการนี้แล้วจะช่วยในการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (supply chains) ของประเทศไทยให้มีศักยภาพยิ่งขึ้นและนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนต่อไป

สำหรับพิธีแลกเปลี่ยนบันทึกความตกลงการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการที่ได้จัดขึ้นในวันนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง สนข. และ USTDA ภายใต้โครงการ Thailand Integrated Logistics and Intermodal Transport Development Plan มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและให้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะในการดำเนินการขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบทางรถไฟให้บรรลุเป้าหมายที่กระทรวงคมนาคมได้กำหนดไว้

ทั้งในด้านการลดต้นทุนการขนส่ง การลดมลพิษจากการขนส่งทางถนน เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะช่วยส่งเสริมผลักดันนโยบายการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง (Modal Shift) ของกระทรวงคมนาคมให้ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการพิจารณาระเบียงการขนส่งหลักที่สำคัญของไทย ได้แก่

Advertisment

1.ท่าเรือแหลมฉบัง-หนองคาย
2.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-นิคมอุตสาหกรรมใน EEC
3.นิคมอุตสาหกรรมใน EEC-ชุมพร/ระนอง 4.ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้

ทั้งนี้ โครงการ Thailand Integrated Logistics and Intermodal Transport Development Plan ประกอบด้วยงาน 6 ส่วนหลัก ได้แก่

1.การศึกษาทบทวนข้อมูลและประชุมร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
2.การศึกษาทบทวนการขนส่งต่อเนื่องในปัจจุบัน ทั้งการขนส่งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
3.การคาดการณ์จราจร
4.การจัดทำแผนพัฒนาการขนส่งและโลจิสติกส์อย่างบูรณาการและแผนปฏิบัติการ
5.ข้อเสนอโครงการนำร่อง
6.การวิเคราะห์รูปแบบการเงิน เศรษฐศาสตร์และสิ่งแวดล้อม

และจะมีการเสนอแนะพื้นที่โครงการนำร่องอย่างน้อย 3 แห่ง เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์บูรณาการโลจิสติกส์และขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบในประเทศไทย กระทรวงคมนาคม

โดย สนข. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมสนับสนุนการดำเนินการศึกษา และจะนำข้อเสนอแนะจากผลการศึกษาและคำแนะนำจากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาปรับใช้ในการส่งเสริมการพัฒนาระบบขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบของไทยให้มีการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากระบบรางที่ประเทศไทยอยู่ระหว่างเร่งรัดการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้อง เช่น ท่าเรือบก (Dry Port) ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าและศูนย์การขนส่งชายแดน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย

USTDA ได้ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการผ่านทุนสนับสนุนในรูปแบบเงินให้เปล่า จำนวน 1,360,740 USD หรือประมาณ 51 ล้านบาท มีระยะเวลาดำเนินการประมาณ 14 เดือน เมื่อผลการศึกษาแล้วเสร็จจะทำให้ประเทศไทยมีแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องอย่างบูรณาการที่ชัดเจน สามารถนำไปดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม

และสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายของกระทรวงคมนาคมในการลดต้นทุนการขนส่ง ลดมลพิษจากการขนส่งทางถนน ส่งเสริมความปลอดภัยจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้าจากทางถนนไปสู่ทางราง อันจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เกิดประโยชน์สูงสุด และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป