
กรมควบคุมโรค อัพเดตสถานการณ์โควิดสัปดาห์ล่าสุด พบติดเชื้อใหม่เข้าโรงพยาบาลเพิ่ม 2,158 ราย ดันยอดป่วยสะสมพุ่งเฉียด 26,000 ราย เสียชีวิตสะสม 623 คน สธ.เตือน หากมีไข้ ไม่มีอาการทางเดินหายใจ ตรวจโควิดไม่พบเชื้อ อาจเป็นโรคไข้เลือดออก ให้รีบพบแพทย์
วันที่ 20 มิถุนายน 2566 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 รายสัปดาห์ล่าสุดว่า ข้อมูลของสัปดาห์ที่ 24 หรือข้อมูลระหว่างวันที่ 11-17 มิถุนายน 2566 พบผู้ป่วยรายใหม่รักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 2,158 ราย เฉลี่ย 308 รายต่อวัน ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 2,709 ราย หรือลดลง 551 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตมีจำนวน 60 คน หรือเฉลี่ยเสียชีวิต 8 คน/สัปดาห์
ขณะที่ผู้ป่วยหนักปอดอักเสบมีจำนวน 296 ราย และผู้ป่วยที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 186 ราย
สำหรับจำนวนป่วยสะสมตั้งแต่ต้นปี 2566 มีจำนวน 25,991 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ต้นปี 2566 มีจำนวน 623 ราย
ส่วนจำนวนผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ล่าสุด (ข้อมูล ณ 26 พ.ค. 66) ยอดฉีดวัคซีนโควิดสะสมอยู่ที่ 144,951,341 โดส แบ่งเป็นวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 57,233,919 โดส คิดเป็น 82.28% เข็มที่ 2 จำนวน 53,730,348 โดส คิดเป็น 77.25% และตั้งแต่เข็มที่ 3 ขึ้นไปมีจำนวน 33,987,074 โดส (ดูกราฟิกท้ายข่าว)
นอกเหนือจากสถานการณ์ผู้ป่วยโควิดแล้ว ทางด้านนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปัจจุบันพบว่ามีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยเรียน โดยผู้ป่วยจะมีไข้สูง ร่วมกับอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก ปวดกระบอกตา บางรายอาจมีปวดท้อง อาเจียน มีจุดแดงเล็ก ๆ ตามแขน ขา ลำตัว มีเลือดออกผิดปกติ เช่น เลือดออกตามไรฟัน หรือประจำเดือนมากผิดปกติ
ดังนั้น ในช่วงนี้หากพบผู้ป่วยมีไข้สูง แต่ไม่มีอาการระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ เช่น ไอ หรือน้ำมูก และตรวจ ATK ไม่พบเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว มีภาวะอ้วน และผู้สูงอายุ ให้สงสัยว่าอาจจะเป็นโรคไข้เลือดออก ห้ามรับประทานยาลดไข้กลุ่มเอ็นเสด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคให้ชัดเจน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิต
ส่วนเด็ก ๆ ที่ยังไม่สามารถบอกอาการของตนเองได้ ผู้ปกครองต้องสังเกตอาการใกล้ชิด หากรับประทานยาลดไข้ 2 วันแล้วไม่ดีขึ้น ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นโรคไข้เลือดออก และให้รีบไปพบแพทย์ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422