ธุรกิจทรุดหนัก “เลิกจ้าง” รอบใหม่ ประกันสังคม จ่ายชดเชยพุ่ง

โควิดระลอก 3 เปิดแผล “ว่างงาน” เพิ่ม ประกันสังคมเปิดข้อมูลโควิดกระหน่ำเศรษฐกิจไทย ผู้ประกันตนรับสิทธิว่างงานปีที่ผ่านมาพุ่ง 1.2 ล้านคน จับตา 49 ประเภทกิจการไร้สัญญาณฟื้นตัว-ส่อปิดกิจการเพิ่ม เผยข้อมูล 5 ธุรกิจเลิกจ้างสูงสุด “โรงแรม-ร้านอาหาร-ผลิตเสื้อผ้า-ธุรกิจนำเที่ยว-สิ่งทอ” สปส.ประเมินปี’64 ปัญหาจ้างงานหนักขึ้นอาจปิดกิจการเพิ่มเกือบ 5 พันแห่ง ผู้ว่าการแบงก์ชาติชี้ปัญหาใหญ่ประชาชนรายได้ลด “ผู้เสมือนว่างงาน” พุ่ง

แบงก์ชาติห่วงจ้างงาน

ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 3 นี้ ก็เป็นการซ้ำเติมภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่ ธปท.มองว่าการฟื้นตัวจะต้องใช้เวลานาน และฟื้นตัวแบบไม่ทั่วถึงอยู่แล้ว ทำให้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น จากที่คาดการณ์ตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้อยู่ที่ 3% อยู่บนสมมุติฐานว่าในไตรมาส 4/2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 3 ล้านคน แต่จากสถานการณ์ในระลอก 3 ก็ยอมรับว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นไปได้ยาก ซึ่งถ้าตัวเลขนักท่องเที่ยวไม่ได้ ตัวเลขจีดีพี 3% ก็ไม่มีทางได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจไม่ใช่แค่ตัวเลขจีดีพี ซึ่งที่ ธปท.ห่วงที่สุดคือ “รายได้ประชาชนและการจ้างงาน” ปัญหาขณะนี้คือประชาชนรายได้ไม่พอ นักศึกษาจบใหม่จะให้ทำอะไร จากการจ้างงานในระยะข้างหน้าจะมาจากตรงไหน ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ว่างงานหรือคนตกงานอาจจะเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่จะทำให้ประชาชนมีรายได้ลดลงจากชั่วโมงทำงานลดลง หรือที่เรียกว่ากลุ่มเสมือนว่างงานเพิ่มมากขึ้น

คุมไม่อยู่ “ตกงานเพิ่ม”

แหล่งข่าวผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานประกันสังคมเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตามผลการวิเคราะห์การว่างงานรายอุตสาหกรรม พบว่าในปี 2563 มียอดผู้ประกันตนใช้สิทธิว่างงานสูงถึง 1.21 ล้านคน คิดเป็น 67% ของผู้ที่ออกจากระบบประกันสังคม 2.21 ล้านคน จากผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19

นอกจากนี้ รายงานของ สปส.ประเมินว่า จากจำนวนสถานประกอบการในระบบประกันสังคม 480,204 แห่ง คาดว่าในปี 2564 มีแนวโน้มที่จำนวนสถานประกอบการในระบบประกันสังคมจะลดลงประมาณ 4,949 แห่ง คิดเป็น 1% ของทั้งหมด ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากมีปัญหาในการดำเนินธุรกิจซึ่งมีการปิดกิจการ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรายงานฉบับนี้ยังไม่ได้บวกรวมผลกระทบจากการระบาดระลอก 3 ไว้ด้วย ซึ่ง สปส.จะเก็บข้อมูลต่อเนื่อง เพื่อปรับประมาณการใหม่

“เบื้องต้นประเมินว่าหากไม่สามารถสกัดการระบาดของโควิดระลอก 3 ให้จบภายใน 2 เดือน ความเสียหายจะขยายวงอีกมาก และอาจจะรุนแรงกว่าโควิดทุกระลอกที่ผ่านมามาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปัญหาการว่างงานหรือการเลิกจ้างมากขึ้น ฉะนั้นจะต้องปรับประมาณการใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีปัจจัยใหม่เพิ่มเข้ามากระทบ ซึ่งนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สั่งทุกหน่วยงานให้เตรียมความพร้อมเยียวยาผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดระลอกใหม่”

ใช้สิทธิว่างงาน 1.2 ล้านคน

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ครั้งล่าสุด ได้มีการรายงานผล “วิเคราะห์การว่างงานรายอุตสาหกรรม” ในปี 2563 ที่มีปัจจัยอย่างการระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบเศรษฐกิจอย่างหนัก โดยพบว่า ผู้ประกันตนมาตรา 33 รวมทั้งสิ้น 11,124,209 คน ลดลงถึง 562,184 คน คิดเป็น 4.81%

ขณะที่ปี 2563 มีผู้ประกันตนออกจากระบบประกันสังคม 2,205,694 คน โดยเป็นการออกไปประกอบอาชีพอิสระ 1,808,753 คน เปลี่ยนมาสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 467,346 คน และเปลี่ยนมาสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 รวม 38,328 คน และที่สำคัญคือ มียอดผู้ประกันตน “ใช้สิทธิว่างงาน” สูงถึง 1,212,307 คน (ได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 180 วัน ในอัตรา 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย) คิดเป็น 67% ของผู้ที่ออกจากระบบประกันสังคม

รายงานระบุในจำนวนผู้ใช้สิทธิว่างงานรายใหม่ 1,212,307 คนนั้น แบ่งเป็น สมัครใจลาออกอยู่ที่ 813,461 คน หมดสัญญาจ้าง 58,703 คน และถูกเลิกจ้างอยู่ที่ 340,143 คน

สำหรับผู้ประกันตนที่ใช้สิทธิว่างงานรายใหม่ในปี 2563 จนถึงเดือน ม.ค. 2564 พบว่า กิจการที่มีผู้รับสิทธิกรณีว่างงานสูงสุด 5 อันดับ คือ 1) กิจการประเภทที่พักแรม 82,120 คน 2) ธุรกิจขายส่ง 5,4471 คน 3) ธุรกิจขายปลีก 72,975 คน 4) การบริหารราชการ การป้องกันประเทศ 45,767 คน และ 5) การบริการด้านอาหารและเครื่องดื่ม 43,221 คน

เปิด 5 ธุรกิจเลิกจ้างสูงสุด

นอกจากนี้ สปส.ได้วิเคราะห์แนวโน้มการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมใน 87 ประเภทกิจการ แยกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มที่มีแนวโน้มฟื้นตัว (V-shape) รวม 20 ประเภทกิจการ มีผู้ประกันตน 2 ล้านคน คิดเป็น 17.6% เป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หรือฟื้นตัวแล้วอย่างชัดเจน ประกอบด้วย กลุ่มการบริหารราชการและป้องกันประเทศ, การขนส่งทางบกและท่อลำเลียง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการจ้างงานเพิ่ม

2) กลุ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป (U-shape) 17 ประเภทกิจการ รวมผู้ประกันตน 2.61 ล้านคน คิดเป็น 22.9% เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการ “หดตัว” ของผู้ประกันตนระหว่าง 0-3.04% ในปี 2563 อาทิ กลุ่มธุรกิจขายส่ง, อุตฯผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก, ผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

และ 3) กลุ่มที่มีแนวโน้มยังไม่ฟื้นตัว (super L-shape) รวม 49 ประเภทกิจการ รวมผู้ประกันตน 6.78 ล้านคน คิดเป็น 59.5% เป็นกลุ่มที่มีการหดตัวของผู้ประกันตนมากกว่า 3.04% เป็นกลุ่มกิจการที่มีการเลิกจ้างสูง ได้แก่ 1) ที่พักแรม มีผู้ประกันตน 164,324 คน ถูกเลิกจ้าง 97,084 คน คิดเป็น 37.14% 2) กิจการบริการด้านอาหารและเครื่องดื่ม มีผู้ประกันตน 209,966 คน ถูกเลิกจ้างไปแล้ว 37,513 คน คิดเป็น 15.16% 3) การผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย มีผู้ประกันตน 104,872 คน เลิกจ้างไปแล้ว 21,082 คน คิดเป็น 16.74%

4) กิจการตัวแทนธุรกิจท่องเที่ยว การจัดนำเที่ยว การบริการสำรอง มีผู้ประกันตน 24,335 คน เลิกจ้างไปแล้ว 19,322 คน คิดเป็น 44.26% และ 5) กิจการการผลิตสิ่งทอ มีผู้ประกันตน 101,199 คน เลิกจ้างไปแล้ว 16,041 คน คิดเป็น 13.68% มีผู้ประกันตนได้รับผลกระทบรวม 191,042 คน ที่ถูกเลิกจ้าง สัญญาหมดอายุ ฯลฯ

สิ่งทอในประเทศเจ็บหนัก

นายยุทธนา ศิลป์สรรค์วิชช์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แน่นอนว่าอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มเป็นอุตสาหกรรมเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบหนักในโควิดระลอก 3 นี้ แต่จะเป็นเฉพาะกับกลุ่มที่ทำธุรกิจภายในประเทศ ส่วนกลุ่มส่งออกยอดจองกำลังการผลิตค่อนข้างเต็มสำหรับปีนี้ ซึ่งประเมินว่าปีนี้ยอดส่งออกเป็นบวกแน่นอน หากเทียบกับปีที่แล้ว

“ในประเทศส่วนใหญ่เป็นรายเล็ก แต่มีจำนวนมาก ถ้ารวมผู้ผลิตตามห้องแถว ขายตามโบ๊เบ๊ ประตูน้ำ สำเพ็ง ขายตามตลาด การจ้างงานก็ไม่น้อยกว่า 200,000 คน ลองไปเดินดูตลาดโบ๊เบ๊ ประตูน้ำ จะเห็นภาพชัดเลยว่าร้านปิด ติดป้ายขาย ให้เช่า เรียกว่าร้านค่อย ๆ ปิดตัวไปเยอะมากแล้ว ข้อเสนอแนะที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ ไม่มีอะไรที่ดีกว่าการเร่งจัดหาและกระจายวัคซีน”

“สุชาติ” แจงตกงาน 3.7 แสน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานระบุว่า ตามที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงจำนวนคนตกงานจำนวนมาก จากสถานการณ์ระบาดโควิด-19 นั้น กระทรวงแรงงานได้เก็บข้อมูลและตรวจสอบอย่างต่อเนื่องพบว่า การระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 ผู้ว่างงานจาก 3 กรณีรวม 1,181,576 คน ส่วนผู้ประกันตนที่กลับเข้าระบบประกันสังคมตามเดิมรวม 405,857 ราย อีกทั้งมีผู้ประกันตนรายใหม่รวม 397,336 คน เมื่อรวมผู้ประกันตนกลับเข้าระบบและรายใหม่แล้วรวม 803,193 ราย

ฉะนั้นจะมีจำนวนคนตกงานที่แท้จริงนับตั้งแต่โควิดระบาดอยู่ที่ 378,383 คนเท่านั้น อีกทั้งมีผู้ว่างงานในช่วงไตรมาส 1/2564 จำนวน 110,000 คน เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2562 มีผู้ว่างงาน 197,000 คน และไตรมาส 1/2563 มีผู้ว่างงาน 270,000 คน จะเห็นว่าจำนวนผู้ว่างงานไม่ได้เพิ่มมีนัยสำคัญ แม้ว่าจะมีการระบาดของโควิด-19 อีกทั้งมาตรการเยียวยาและดูแลผู้ประกันตนที่ดำเนินการมาถือว่าประสบความสำเร็จ อาทิ การจัดโครงการไทยมีงานทำ ช่วยผู้ประกันตนว่างงานได้ถึง 2 แสนคน

“มาตรการของกระทรวงแรงงานเน้นย้ำไปที่การรักษาฐานสำคัญให้อยู่รอดได้ รวมถึงฐานที่เป็นการส่งออกที่ทำรายได้เข้าประเทศ อย่างพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครที่เคยเป็นศูนย์กลางการระบาดของโควิด-19 นั้นไม่มีผู้ประกอบการปิดโรงงานเลย ใช้งบประมาณตรวจเชิงรุกไป 500 ล้านบาท เจอผู้ป่วยได้เร็วก็จัดการแก้ไขได้เร็วขึ้นเช่นกัน ลดการสูญเสียงบประมาณได้กว่า 10,000 ล้านบาท”