ศบค. ประกาศล็อกดาวน์-เคอร์ฟิว คุมเข้ม 10 จังหวัด จำกัดการเดินทาง 14 วัน

ล็อกดาวน์ เคอร์ฟิว ทั่วประเทศ
FILE PHOTO : Madaree TOHLALA / AFP

ศบค. แถลงมาตรการล็อกดาวน์ ประกาศเคอร์ฟิว คุมเข้มพื้นที่ 10 จังหวัด ปิดห้างฯ เปิดได้เฉพาะซูเปอร์มาเก็ต ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อปิดเวลา 2 ทุ่ม ขนส่งสาธารณะเปิดถึง 3 ทุ่ม สั่งปิด “นวด สปา สถานเสริมความงาม” เริ่มตั้งด่านตรวจ 10 ก.ค.นี้

วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ครั้งที่ 9/2564 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวย ศบค. ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ได้พิจารณามาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 4 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นสูงมาก

จากนั้น แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยถึงมติที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ใน ผอ.ศบค. เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เกี่ยวกับการยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนี้

ปรับระดับพื้นที่สี “แดง-ส้ม-เหลือง”

ที่ประชุมเห็นชอบการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เสนอ ดังนี้

  • พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 10 จังหวัด (คงเดิม)
  • พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 24 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 19 จังหวัด)
  • พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 25 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 16 จังหวัด)
  • พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 18 จังหวัด (ลดลง 39 จังหวัด)
  • พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) 0 จังหวัด

การปฏิบัติในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

1.จำกัดการเคลื่อนย้ายและการดำเนินกิจกรรมของบุคคลให้มากที่สุด (เฉพาะกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล)

  • กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนใช้การปฏิบัติงานในลักษณะ Work From Home ให้มากที่สุด โดยไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินที่สำคัญ และการบริการประชาชน
  • ระบบขนส่งสาธารณะ ปิดให้บริการตั้งแต่ 21.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
  • ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปิดเวลา 20.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
  • ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดได้เฉพาะ ซูเปอร์มาเก็ต ร้านอาหารเครื่องดื่ม ธนาคารและสถาบันการเงิน ร้านขายยา และเวชภัณฑ์ ร้านอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน ทั้งนี้เปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
  • ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ห้ามบริโภคอาหารหรือสุราหรือเครื่องดื่มในร้าน โดยเปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
  • ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค ได้แก่ นวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานที่เสริมความงาม
  • สวนสาธารณะ สามารถเปิดให้บริการสำหรับออกกำลังกายได้ถึงเวลา 20.00 น.
  • ห้ามการรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคม ที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ การประกอบอาชีพ กิจกรรมทางศาสนาหรือกิจกรรมตามประเพณี ที่มีการรวมตัวกันของบุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

2.ห้ามการเดินทางที่ไม่จำเป็น และห้ามออกนอกเคหะสถานระหว่างเวลา 21.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็นยิ่ง หรือได้รับอนุญาตเป็นรายกรณี

3.การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้างยังเป็นไปตามข้อกำหนดของ ศบค. ที่ได้มีประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้

4.กำกับดูแลให้ประชาชนปฏิบัติจตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคล (DMHTTA) อย่างสูงสุด

5.ให้เริ่มดำเนินการตามข้อ 1-4 ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.64 เป็นต้นไป และให้นำมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ระดับสถานการณ์ต่าง ๆ ข้อห้าม และข้อปฏิบัติตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 24, 25, 26) มาใช้บังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้

6.ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัด และชุดลาดตระเวน เพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติอย่างเข้มงวด โดยให้พร้อมดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.64 เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป ทั้งนี้ กรณีตรวจพบผู้ฝ่าฝืนให้บังคับใช้บทลงโทษตามแห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558

“ที่ประชุม ขอเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมรับผิดชอบในการกำกับและควบคุมมาตรการ โดยฝากไปยังท่านผู้ว่าราชการจังหวัด นายแพทย์ สสจ. ให้ร่วมหารือและกำกับมาตรการที่ประกาศในวันนี้ ให้สามารถที่จะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวมทั้งให้หน่วยงานความมั่นคงตั้งจุดตรวจ ชุดลาดตระเวนเพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติอย่างเข้มงวดด้วยนะคะ”

มาตรการการแพทย์และสาธารณสุขใน กทม.-จังหวัดปริมณฑล

แพทย์หญิงอภิสมัย เปิดเผยว่า ในที่ประชุมยังได้มีการสรุปมาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และจังหวัดปริมณฑล ดังนี้

1.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดให้มีการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบการตรวจหาเชื้อ อย่างเพียงพอ โดยเพิ่มจุดตรวจคัดกรอง หาเชื้อ ให้ประชาชนได้เข้าถึงเพื่อเป็นการค้นหาผู้ป่วยที่ยังตกค้างในชุมชน และแยกประชาชนที่ติดเชื้อออกจากชุมชนให้เร็วที่สุด

2.กระทรวงสาธารณสุขจะมีการปรับแผนการกระจายวัคซีนโดยเร่งรัดนำระบบการแยกกักแบบการแยกกักที่บ้าน (Home Isolation) และการแยกกักในชุมชน (Community Isolation) รวมทั้งการใช้ยาสมุนไพรในบัญชียาหลัก ได้แก่ ยาฟ้าทะลายโจร เป็นต้น มาเสริมเพิ่มมาตรการรักษาพยาบาลที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อทดแทนการขาดแคลนเตียงพยาบาลตามโรงพยาบาลต่าง ๆ

3.กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ กรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งจัดการจัดตั้ง ICU สนาม และ รพ.สนาม รวมถึง รพ.สนามชุมชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาพยาบาลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และมีจำนวนมากพอ

4.กระทรวงสาธารณสุขปรับแผนการกระจายวัคซีน และเร่งการฉีดวัคซีน ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวและโรคเรื้อรัง ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งเร่งรัดการฉีดวัคซีนในพื้นที่การแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด โดยตั้งเป้าฉีดวัคซีน ผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป จำนวน 1 ล้านคน ภายใน 1-2 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มความครอบคลุมวัคซีนกลุ่มนี้เป็น 85%

5.ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ในการป้องกันส่วนบุคคล การตรวจหาเชื้อ และการรักษาพยาบาล ให้มีประสิทธิภาพ

6.ให้ ศบศ. เร่งรัดกำหนดมาตรการเยียวยาสถานประกอบการหรือพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการกำหนดมาตรการในครั้งนี้ ตามความจำเป็นของแต่ละพื้นที่

การปฏิบัติในจังหวัดอื่น

1.กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ร่วมกันรับผิดชอบในการกำหนดมาตรการคัดกรองและมาตรการติดตามสำหรับบุคคลที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะบุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด

ทั้งนี้ พร้อมให้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.64 เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป โดยอาศัยอำนาจตามข้อกำหนด ฉบับที่ 25

2. ให้นำมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ระดับสถานการณ์ต่าง ๆ ข้อห้าม และข้อปฏิบัติตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 24, 25, 26) มาใช้บังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้


ทั้งนี้ มติที่ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุม ศบค. ครั้งนี้ จะบังคับใช้ 14 วัน โดยข้อกำหนดต่าง ๆ จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาอีกครั้ง