รัชดา-ไตรศุลี รองโฆษกรัฐบาล แย้ม ศบค.จ่อ คลายล็อกดาวน์ 1 กันยายนนี้ ไฟเขียวเดินทางข้ามจังหวัดในพื้นที่สีแดงเข้ม นั่งทานอาหารในร้าน 50% ปลดล็อกร้านเสริมสวย-นวดฝ่าเท้า กิจการเสี่ยง สถานบันเทิง ผับ-บาร์รอก่อน
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2564 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ “แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล” ถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) ในวันที่ 27 สิงหาคม 2564 เพื่อพิจารณาผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งมาตรการล็อกดาวน์จะครบกำหนดในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ ว่า ศบค.จะพิจารณาผ่อนคลายร้านอาหารให้สามารถนั่งรับประทานได้ 50 % หรือไม่
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
- อัพเดตชง ศบค. เปิดนั่งกินในร้าน เสริมสวย ร้านกลางแจ้ง เฟสแรก 1 ก.ย.นี้
- ศบค.ชุดเล็ก ชงเปิดห้างถึง 2 ทุ่ม ร้านอาหารนั่งกินได้ 50 %
ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะผ่อนคลายมาตรการของร้านอาหารและธุรกิจอื่น ๆ ทั้งนี้ต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข เช่น การเว้นระยะห่าง พนักงานต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม หรือตรวจคัดกรองโควิดด้วยชุดตรวจ ATK ทุก 3 วัน หรือ 7 วัน ขณะเดียวกันผู้รับบริการต้องแสดงหลักฐานใบรับรองการฉีดวัคซีนแล้ว
ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขจะเสนอมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ต่อที่ประชุม ศบค.เพิ่มเติม เช่น การอนุญาตเดินทางข้ามจังหวัดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม) รวมถึงปรับมาตรการในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าคอมมิวนิตี้มอลล์ โดยอนุญาตให้เปิดกิจการกิจกรรมบางประเภท เช่น ร้านเสริมสวย ร้านนวดฝ่าเท้า การปรับใช้อาคารสถานศึกษาและการเปิดใช้สนามกีฬา ทั้งนี้ทุกมาตรการจะต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข DMHTTA อย่างเคร่งครัด
“ที่สำคัญทุกพื้นที่ ทั้งพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่เฝ้าระวัง จะมีบริการที่ไม่อนุญาตให้เปิด คือ สถานบริการ สถานบันเทิง และสถานบริการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันจะไม่เปิดบริการในทุกพื้นที่” น.ส.ไตรศุลีกล่าว
น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า สำหรับการเปิดประเทศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีมติการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย เปิดในบางพื้นที่ตามความพร้อม เช่น ประชาชนต้องฉีดวัคซีนครบจนมีภูมิคุ้มกันหมู่ รวมถึงการตรวจ CCRT การปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) เพื่อเตรียมการในช่วงเปลี่ยนผ่านโรคโควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ เพื่อใช้ชีวิตร่วมกับโควิด–19