2 ผู้เสียหายแจ้งความรองหัวหน้าพรรค ทนายตั้มเปิดหลักฐานพรุ่งนี้

ภาพจากมติชน

ทนายตั้ม พา 2 ผู้เสียหาย 1 พยานเข้าแจ้งความ-ให้ปากคำตำรวจเพิ่ม กรณี “ปริญญ์” ก่อนแย้มปล่อยหลักฐานเพิ่มพรุ่งนี้ 

วันที่ 14 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการกระจายข่าวในโลกโซเชียลมีเดีย จากเพจเฟซบุ๊กทนายตั้ม หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ภาพและเนื้อหาระบุว่าได้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากหญิงสาวคนหนึ่ง ถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ลวนลามทางเพศ โดยไม่ได้สมยอม

โดยนักการเมือง รองหัวหน้าพรรคดังกล่าว เป็นพรรคฝ่ายรัฐบาล มีพ่อเป็นคนดังระดับโลก ภายหลังปรากฎชื่อของนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย และผอ.เลือกตั้งผู้ว่า กทม.ของพรรคตกเป็นบุคคลในข่าวที่ถูกกล่าวหา ซึ่งต่อมานายปริญญ์ก็แถลงลาออกจากทุกตำแหน่ง เพื่อพิสูจน์ตัวองตามกระบวนการยุติธรรมต่อไปนั้น

พาผู้เสียหาย 2 รายแจ้งความ

ล่าสุด มติชน รายงานว่า ทนายตั้มได้พาผู้เสียหายอีก 2 รายเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมที่ สน.ลุมพินี โดย 1 คนเป็นภรรยาไฮโซชื่อดัง และอีกคนหนึ่งเป็นอดีตทีมงานหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์

ในเคสของอดีตทีมงานหาเสียงนั้น ทนายตั้มระบุว่า เหตุเกิดที่ จ.เพชรบุรี แต่ตนมาแจ้งความที่นี่เพื่อให้ส่งเรื่องไปยังท้องที่เกิดเหตุใน จ.เพชรบุรี เหยื่อรายนี้ทำงานในพรรคเดียวกับผู้ก่อเหตุ มีหน้าที่ช่วยหาเสียงภายในพรรค ซึ่งเจ้าตัวได้เล่าว่าขณะเกิดเหตุผู้ก่อเหตุไม่มีอาการเมาแต่อย่างใด

โดยผู้เสียหายเล่าว่า เมื่อปี 2563 เข้าร่วมงานเลี้ยงของทางพรรค มีช่วงหนึ่งที่กำลังจะเลิกงานเลี้ยง ตนนำของไปเก็บท้ายรถ ผู้ก่อเหตุได้เข้ามาข้างหลัง ทำการบีบหน้าอกของตนอย่างแรง จับก้น และล้วงของสงวน จึงปัดป้องและบอกให้หยุด ผู้ก่อเหตุก็หยุดเพราะมีคนเดินเข้ามา ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ตนตกใจมากและบอกว่าเจ็บ

จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป ยืนยันว่ารู้จักกันในฐานะพี่น้อง เคยคุยกันปกติ ไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว โดยหลังเกิดเหตุผู้ก่อเหตุก็ไลน์มาและโทรศัพท์มาชักชวนตนให้ไปที่คอนโดในกรุงเทพฯ แต่เมื่อตนปฏิเสธไปก็ไม่ได้ชวนอีก

“การที่ผู้ก่อเหตุแถลงข่าวในวันนี้ตนมองว่าเป็นการโกหก ตั้งแต่เกิดเหตุ ไม่เคยปรึกษาคนในพรรคการเมืองดังกล่าวเลย ได้แต่เล่าให้เพื่อนสนิทฟัง เพราะเราเป็นเพียงคนตัวเล็ก ๆ อาจทำอะไรไม่ได้ และเมื่อก่อนตนเป็นทีมงานพรรคแต่ได้ลาออกมาแล้ว อยากให้ผู้ใหญ่ของพรรคเชื่อพวกตนบ้าง ต้องคืนความยุติธรรมให้กับเหยื่อด้วย” ผู้เสียหายกล่าว

ทนายตั้มและผู้เสียหายที่เป็นอดีตทีมหาเสียง ภาพจากมติชน

ส่วนอีกเคสหนึ่ง ผู้เสียหายเล่าว่า เมื่อต้นปี 2564 ผู้ก่อเหตุได้นัดคุยเรื่องงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ผู้ก่อเหตุอ้างเป็นเจ้าของ ผู้ก่อเหตุบอกตนว่ามีออฟฟิศอยู่บริเวณใกล้เคียง แต่เมื่อไปถึงกลับเป็นคอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิท 3 เมื่อตนเข้าไปก็ถูกผู้ก่อเหตุข่มขืน ซี่งตนมีน้ำหนักตัวเพียง 39 กิโลกรัม แม้จะพยายามขัดขืนไม่สามารถสู้แรงได้

“ก่อนเกิดเหตุก็เพิ่งเสียน้องชายไปและเพิ่งเลิกรากับแฟนที่วางแผนจะแต่งงานกัน จึงอยากเริ่มอะไรใหม่ ๆ ผู้ก่อเหตุก็เข้ามาหลอกล่อเรื่องธุรกิจ ให้ลองมาพูดคุยกัน โดยบอกว่าตนมีศักยภาพ สาเหตุที่ตนหลงเชื่อ เป็นเพราะได้พบกันในงานรวมตัวของนักธุรกิจ” ผู้เสียหายกล่าวตอนหนึ่ง

ทั้งนี้ ผู้เสียหายระบุว่า การที่ออกมาเปิดเผยตัวตนในวันนี้ เพื่อให้เหยื่อรายอื่นกล้าที่จะออกมา ช่วงแรกรู้สึกว่าตนเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ทำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อทราบว่ายังมีผู้เสียหายอีกเยอะ จึงต้องการออกมาพูด และสามีตนก็สนับสนุน อย่างไรก็ตาม มองว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนที่สามารถทำทุกอย่างได้โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย หากผู้ก่อเหตุไม่มีเส้นสายตนก็คงไปแจ้งความตั้งแต่แรกแล้ว โดยหลังเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุไม่มีการข่มขู่ แต่ได้พูดเชิงโอ้อวดให้ตนรู้สึกยำเกรง

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากผู้เสียหายทั้ง 2 คนแล้ว ตำรวจยังได้สอบปากคำคนขับรถแท็กซี่ที่รับผู้เสียหายวัย 18 ปี จากโรงแรมที่เกิดเหตุมาส่งยัง สน.ลุมพินี เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะพยานด้วย

โดยคนขับแท็กซี่เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา พนักงานโรงแรมออกมาเรียกให้ตนเข้าไปรับผู้โดยสาร เมื่อผู้เสียหายขึ้นมาบนรถตนเห็นว่ามีอาการฟูมฟาย ร้องไห้ไม่หยุด ก่อนจะโทรศัพท์หาแม่ ซึ่งตนจับใจความการพูดคุยได้ว่า ผู้เสียหายมาที่โรงแรมเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดหลังจากถูกกระทำชำเรา ก่อนจะบอกกับตนอีกครั้งว่าขอเปลี่ยนจุดหมายมาเป็นที่ สน.ลุมพินี เพื่อแจ้งความ

อย่างไรก็ตาม การออกมาเป็นพยานของตนก็รู้สึกกลัว และเป็นห่วงความปลอดภัย แต่เนื่องจากสงสารผู้เสียหาย และตนเห็นว่าเป็นเพศแม่ จึงตัดสินใจออกมาให้ปากคำ

ภาพจากมติชน

แย้มปล่อยหลักฐานเด็ดมัดตัวพรุ่งนี้

ต่อมานายษิทรากล่าวว่า วันนี้ได้ประสานให้มาแจ้งความที่ สน.ลุมพินี พร้อมนำหลักฐานเป็นรูปภาพขณะเกิดเหตุ และเพื่อนของเหยื่อมาให้ปากคำ นอกจากนี้ยังมี เหยื่ออีกรายที่เคยเป็นนางแบบ มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จัก เตรียมตัวเข้าแจ้งความเช่นกัน ซึ่งตนมีภาพที่เตรียมจะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ (15 เม.ย.65)

ทั้งนี้ เหตุที่เหยื่อไม่กล้าแจ้งความเพราะเหยื่อหลายคนอยู่กับผู้ก่อเหตุในลักษณะสองต่อสอง กลัวว่าจะไม่มีหลักฐาน แต่ตนจะให้รวบรวมสำนวน เพื่อให้เหยื่อเป็นพยานซึ่งกันและกัน อายุความของคดีนี้มีระยะเวลา 15 ปี ทั้งนี้ ตนทราบมาว่าสาเหตุที่ผู้ก่อเหตุนัดพบเหยื่อหลายรายที่ร้านอาหารแห่งนี้ เพราะคอนโดของผู้ก่อเหตุอยู่ใกล้กัน