เทเลนอร์ เอเชีย เผย 5 เทรนด์ พฤติกรรมใช้มือถือพุ่ง คนไทยนำโด่งทุกมิติ

เล่นเทคโนโลยี
Nicolas ASFOURI / AFP

“เทเลนอร์ เอเชีย” เจาะพฤติกรรมคนใช้มือถือใน 8 ประเทศเอเชีย พร้อมเผย 5 เทรนด์สำคัญผลักดันการใช้งานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง “คนไทย” นำโด่งทุกมิติ “ติดมือถือมากสุด-กังวลเรื่องความปลอดภัยน้อยสุด” เชื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและปิดช่องว่างทางดิจิทัล

วันที่ 7 กันยายน 2565 เทเลนอร์เอเชีย เปิดเผยผลการศึกษา “Digital Lives Decoded” เกี่ยวกับบทบาทและผลกระทบที่โทรศัพท์มือถือมีต่อวิถีชีวิตของผู้คนใน 8 ประเทศแถบเอเชีย โดยมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพชีวิต ความสัมพันธ์ การเข้าถึง และความเท่าเทียม รวมถึงแนวโน้มในอนาคต พบว่าผู้คนทั่วเอเชียเชื่อว่า พลังของการเชื่อมต่อจากมือถือช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจมากขึ้น ให้ความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน และสามารถเข้าถึงบริการที่จำเป็นมากขึ้น

การสำรวจดังกล่าวดำเนินการในวาระครบรอบ 25 ปีของเทเลนอร์ในเอเชีย โดยสำรวจผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือกว่า 8,000 ราย ใน 8 ประเทศ (บังกลาเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม) ในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

และเปิดเผยให้เห็นถึงความตระหนักในประโยชน์ของชีวิต ซึ่งการเชื่อมต่อมือถือช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และมอบความสะดวกสบาย ทำให้ผู้คนมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัลได้ง่ายขึ้น

คนไทยรู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือทำคุณภาพชีวิตดีขึ้น

สำหรับผลสำรวจของประเทศไทยพบว่า คนไทยรู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (68%) เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 58% สำหรับทุกตลาดที่ทำแบบสำรวจ

คนไทยมีความกังวลน้อยที่สุดในเรื่องปัญหาความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานมือถือ (27%) เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 58% อีกทั้งยังแสดงความมั่นใจสูงสุดเมื่อเทียบกับผู้ตอบแบบสำรวจในประเทศอื่น ๆ ว่าจะสามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในอนาคต โดยมีเพียง 63% ที่มีความกังวลในด้านนี้ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 85%

นอกจากนี้ คนไทยยังเห็นประโยชน์และมีแนวโน้มที่จะใช้งานมือถือเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า (49%) เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยโดยรวมที่ 37% และมากกว่าครึ่งของคนเมือง (55%) คาดว่าจะใช้งานมือถือเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้ (55%) เทียบกับค่าเฉลี่ย 41% ของคนที่อาศัยอยู่นอกเมือง

ผู้ตอบแบบสำรวจ 93% เชื่อว่าการใช้งานโทรศัพท์มือถือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยรวมแล้ว ผู้หญิงเป็นผู้นำเทรนด์นี้ โดย 63% กล่าวว่าคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับผู้ใช้งานเพศชายที่ 52% แนวโน้มนี้ชัดเจนที่สุดในประเทศไทย (75%) และอินโดนีเซีย (71%) ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้งานเพศหญิงที่เชื่อมต่อกับ “ชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” ผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นจำนวนสูงที่สุด

หลังโควิด ยอดใช้ดาต้าบนมือถือเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในเอเชีย

นายเยอเก้น โรสทริป ผู้บริหาร เทเลนอร์เอเชีย กล่าวว่า หลายครั้งที่มีการรายงานว่าอุปกรณ์พกพาทำให้ผู้ใช้เสียสมาธิจากคนรอบข้าง และสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์ และทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคล แต่ความคิดเช่นนี้ได้หมดไป เมื่อเทียบกับก่อนเกิดการระบาดใหญ่ ยอดการใช้งานดาต้าบนมือถือเพิ่มสูงขึ้นกว่าเท่าตัวในตลาดเอเชีย และได้เปลี่ยนวิธีการสื่อสารทั้งในที่ทำงานและที่บ้าน

“แบบสำรวจนี้ยังชี้ให้เห็นด้วยว่า ผู้คนต้องการให้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับการใช้งานดิจิทัลและชีวิตประจำวันของพวกเขาคงอยู่ต่อไป และแม้จะมีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ด้านการเดินทางและการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมแล้ว แต่การใช้งานดิจิทัลนั้นยังคงอยู่ในระดับสูง”

และในยามที่การเชื่อมต่อทำให้อำนาจอยู่ในมือของผู้คน การศึกษานี้ยังเผยให้เห็นว่าช่องว่างทางดิจิทัลยังมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชากรในชนบท และผู้สูงอายุ เมื่อการเชื่อมต่อทางมือถือเปลี่ยนสถานะจากสิ่งที่ “ควร” มี ไปเป็นสิ่งที่ “ต้อง” มี การทำความเข้าใจช่องว่างเหล่านี้จึงมีความสำคัญมากขึ้น ทั้งในระดับผู้กำหนดนโยบาย องค์กรธุรกิจ และปัจเจกบุคคล

5 เทรนด์ การใช้มือถือ

ข้อมูลเชิงลึกจากการศึกษานี้ ทำหน้าที่เป็นเสมือนแผนที่ที่ชี้ให้เห็นว่า ช่องว่างทางดิจิทัลในจุดใดบ้างที่ควรได้รับการเติมเต็มมากที่สุด และนำไปสู่ 5 เทรนด์สำคัญที่ทำให้ผู้คนใช้งานโทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้น

  1. ไถฟีด ไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง

ผู้ตอบแบบสำรวจเกือบทั้งหมดพกโทรศัพท์มือถือติดตัวเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งวัน และ 1 ใน 5 พกโทรศัพท์ติดตัวตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่รู้สึกว่าตนเองใช้เทคโนโลยีได้อย่างสมดุล (76%) ผู้คนในฟิลิปปินส์และไทยมีชีวิตที่พึ่งพาอยู่กับโทรศัพท์มือถือมากที่สุด โดย 29% และ 26% ตามลำดับ

กล่าวว่าพวกเขาพกโทรศัพท์มือถือติดตัวตลอดเวลา และการใช้ชีวิตที่พึ่งพาโทรศัพท์มือถือนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้น โดยเกือบ 3 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถาม (74%) คาดว่าการใช้งานมือถือของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แนวโน้มดังกล่าวนั้นสูงที่สุดในกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามในประเทศไทย (82%)

  1. ชีวิตดิจิทัลที่ล้ำหน้า

ความแตกต่างระหว่างวัย เกี่ยวกับความรู้สึกของผู้คนต่อการใช้เวลาบนโลกออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นนั้นชัดเจน โดยคน Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจที่อายุน้อยที่สุด มีแนวโน้มที่จะรู้สึกว่าพวกเขากำลังใช้เทคโนโลยีมากเกินไป

ผู้ตอบแบบสำรวจ Gen Z ยังมีความกังวลมากที่สุดเกี่ยวกับการมีทักษะที่เหมาะสมในการก้าวให้ทันเทคโนโลยี เช่นเดียวกับคนวัยมิลเลนเนียล นี่เป็นข้อกังวลที่เกิดขึ้นร่วมกันในทุกวัย โดย 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามกังวลว่าทักษะด้านดิจิทัลของพวกเขาจะก้าวไม่ทันกับสภาพแวดล้อมทางดิจิทัลที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งในบรรดาประเทศที่สำรวจ ประเทศไทยมีความกังวลในเรื่องนี้น้อยที่สุด (63% ของผู้ตอบแบบสอบถาม)

  1. (ขาด) ความไว้วางใจในโลกดิจิทัล

ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 93% จากทั่วทั้งภูมิภาค มีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยจากการใช้งานมือถือและอุปกรณ์เคลื่อนที่ ท่ามกลางอัตราการใช้งานดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในบรรดาผู้ที่ลดการใช้มือถือลงในปีที่ผ่านมา 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามชาว Gen Z ในมาเลเซียกล่าวว่า ความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ที่ทำให้พวกเขาใช้งานมือถือลดลง ในทางกลับกัน คนในประเทศไทยมีความกังวลน้อยที่สุด โดยเกือบ 1 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถาม (27%) ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

  1. เข้าถึงการดำรงชีวิตที่ยั่งยืน

การศึกษายังเผยให้เห็นถึงมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับศักยภาพของเทคโนโลยีมือถือในการพัฒนาความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม 3 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสำรวจ เชื่อว่าการเข้าถึงดิจิทัล “สำคัญมาก” สำหรับพวกเขาในการดำเนินชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขในประเทศไทยนั้นอยู่ในระดับต่ำที่สุด (63%) มาเลเซีย (57%) และสิงคโปร์ (41%)

ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า การใช้งานเทคโนโลยีมือถือก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในด้านการลดการใช้กระดาษ ขยะ และไฟฟ้า (70% ของผู้ตอบแบบสอบถาม) สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (67%) และช่วยให้เข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้ดีขึ้นด้วยข้อมูลที่มากขึ้น (55%)

  1. เทคโนโลยีมือถือกำลังปิดช่องว่างทางดิจิทัล

การศึกษายังชี้ว่า ผู้หญิงเห็นศักยภาพในการใช้มือถือมากขึ้น โดยผู้ตอบแบบสอบถามเพศหญิงกล่าวว่า การเชื่อมต่อผ่านมือถือได้เพิ่มทางเลือกในการทำงานและสร้างรายได้ และทำให้เข้าถึงข้อมูลและโอกาสทางการศึกษาได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ตอบแบบสอบถามเพศชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย โดยที่ผู้หญิง 3 ใน 4 (75%) กล่าวว่าการใช้มือถือทำให้ชีวิตดีขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ชายที่ครึ่งหนึ่ง (49%)

ผู้ตอบแบบสอบถามยังตระหนักด้วยว่า การเชื่อมต่อมือถือนั้นเป็นตัวช่วยสร้างความเท่าเทียม ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงบริการที่จำเป็นได้มากขึ้น ซึ่งช่วยยกระดับชีวิตประจำวันของพวกเขา เช่น การศึกษา (88%) และบริการด้านสุขภาพ (88%)

เทเลนอร์ เทรนด์มือถือ

อย่างไรก็ตาม บริการทางการเงินเป็นจุดที่โทรศัพท์มือถือนั้นช่วยสร้างความเท่าเทียมอย่างมีนัยสำคัญ โดย 92% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า การมีอุปกรณ์มือถือช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงิน ในขณะที่มากกว่าครึ่งหนึ่ง (57%) เชื่อว่าการเข้าถึงบริการทางการเงินของพวกเขานั้น “ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”

อย่างไรก็ดี ผลสำรวจในข้อนี้ชี้ให้เห็นความแตกต่างด้านมุมมองในการเข้าถึงระหว่างผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง (60%) และพื้นที่ชนบท (50%) ซึ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นอย่างต่อเนื่อง ในการขยายการเข้าถึงบริการเหล่านี้ไปยังผู้ที่อาศัยอยู่นอกเขตเมือง

“การเชื่อมต่อผ่านมือถือกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานในชีวิตประจำวันของเรา การขาดทักษะและความตระหนักรู้ที่เหมาะสม รวมถึงปัญหาด้านความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว หรือการอยู่นอกเครือข่ายการใช้งาน อาจจำกัดการเข้าถึงการศึกษา การดูแลสุขภาพ เศรษฐกิจ และโอกาสในการจ้างงานอย่างรุนแรง ความจำเป็นในการทำความเข้าใจช่องว่างทางดิจิทัล และการลดช่องว่างดังกล่าวนั้น มีความสำคัญมากขึ้น ในยามที่เราทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างอนาคตที่การเชื่อมต่อผ่านมือถือจะเสริมสร้างศักยภาพและความยั่งยืนสำหรับทุกคน” นายเยอเก้น กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับการศึกษาดังกล่าว ดำเนินการในเดือนกรกฎาคม 2565 โดยสำรวจผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือ 8,227 คน ที่มีอายุมากกว่า 18 ปี และกระจายไปทั่ว 8 ประเทศในเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งบังกลาเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ผู้ตอบแบบสอบถามแบ่งตามเพศเท่า ๆ กัน อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และข้าม 4 รุ่น คือ Gen Z (เกิดปี 2540-2555) คนรุ่นมิลเลนเนียล (เกิด ปี 2524-2539 ; Gen X (เกิด ปี 2508-2523) และเบบี้บูมเมอร์ (เกิดปี 2489-2507)