จีน แบน คริปโต ลุยตั้งศูนย์บล็อกเชนแห่งชาติ

คริปโตฯ จีน

จีนตั้งศูนย์วิจัยบล็อกเชนกลางกรุงปักกิ่ง หลังแบนคริปโตเคอร์เรนซีที่กระทบอุตสาหกรรมการเงิน เพื่อศึกษา สร้างและพัฒนาบล็อกเชนของตัวเองให้เป็นพื้นฐานของอุตสาหกรรมการเงินในปี 2573

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้อนุมัติการจัดตั้ง “ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีบล็อกเชนแห่งชาติ” ในกรุงปักกิ่ง

South China Morning Post รายงานว่า ศูนย์วิจัยดังกล่าว มีเป้าหมายบรรลุความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีหลักที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชน ซึ่งสอดคล้องกับความพยายามอย่างต่อเนื่องของปักกิ่งในการทดลองเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (Distributed Ledger Technology: DLT) คือบันทึกข้อมูลและธุรกรรมแบบออนไลน์ (เทคโนโลยีพื้นฐานของบิตคอยน์-คริปโตเคอร์เรนซี) ในขณะที่ยังคงห้ามใช้สกุลเงินดิจิทัล

ศูนย์จะมุ่งเน้นไปที่พื้นที่ของ blockchain เกี่ยวกับทฤษฎีพื้นฐาน ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีหลักที่เกี่ยวข้องและแอปพลิเคชั่นทางอุตสาหกรรม

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนได้ให้การสนับสนุนการพัฒนาบล็อกเชนมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เพิ่มการปราบปรามคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งรัฐบาลมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพทางการเงิน ในปี 2564 รัฐบาลชี้แจงว่าการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมดผิดกฎหมายในประเทศจีน

ถึงกระนั้นเมื่อ 2 ปีก่อน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวว่า บล็อกเชนจะมีบทบาทสำคัญต่อนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมในรอบต่อไป กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (MIIT) และ Cyberspace Administration of China (CAC) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลอุตสาหกรรมเทคโนโลยีหลักสองแห่งของประเทศ ยังกล่าวในแนวทางที่ตีพิมพ์ในปี 2564 ว่า จีนจะพยายามใช้บล็อกเชนในวงกว้างในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ภายในปี 2573

การยอมรับว่า “บล็อกเชน” เป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมการเงินในยุคต่อไป เป็นคำกระตุ้นการตัดสินใจสำหรับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่และบริษัทสตาร์ตอัพจำนวนมากในจีน ส่งผลให้มีการลงทุนในบล็อกเชนอย่างท่วมท้น เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว จีนมีบริษัทบล็อกเชน 1,821 แห่งที่จดทะเบียนกับ CAC ซึ่งครอบคลุมโครงการด้านกฎหมาย การเงิน เกษตรกรรม และทรัพย์สินทางปัญญา

เจ้าหน้าที่ของ MIIT กล่าวว่า จีนมีการยื่นขอสิทธิบัตรด้านบล็อกเชนมากที่สุดในโลก โดยคิดเป็นร้อยละ 84 ของสิทธิบัตรบล็อกเชนทั้งหมดของโลก

เครือข่ายบริการบนบล็อกเชน (BSN) ของรัฐ กำลังเดินหน้าอย่างรวดเร็ว มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ธุรกิจ “นอกประเทศจีน” แผ่นดินใหญ่หันมาใช้บล็อกเชนที่แยกขาดจาก “คริปโตเคอร์เรนซี” ซึ่งเป็นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน

ศูนย์นวัตกรรมบล็อกเชนแห่งใหม่นี้ เริ่มพัฒนาจาก Beijing Academy of Blockchain and Edge Computing ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเทศบาลนครปักกิ่ง สถาบันแห่งนี้เป็นที่รู้จักจากการพัฒนาบล็อกเชนสำหรับองค์กรที่เรียกว่า Chang’An Chain หรือ ChainMaker ที่เคยอ้างว่ามีเทคโนโลยีที่สามารถต้านทานการโจมตีจากทั้งคอมพิวเตอร์คลาสสิกและคอมพิวเตอร์ควอนตัม