“Builk” ขยับรับอนาคตไล่ล่า Climate Tech โอกาสใหม่

ไผท ผดุงถิ่น

กว่า 13 ปีในวงการสตาร์ตอัพ “Builk” ก่อร่างสร้างธุรกิจจากความต้องการแก้เพนพอยต์ให้วงการก่อสร้าง ด้วย Builk.com แพลตฟอร์มบริหารจัดการงานด้านการก่อสร้าง เป็นพื้นที่ให้ร้านค้าอุปกรณ์ก่อสร้าง ผู้รับเหมา และช่าง มาเจอกัน ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ บนความตั้งใจที่จะพลิกโฉมวงการก่อสร้างไปสู่โลกดิจิทัล

ปรับใหญ่ในรอบ 13 ปี

ล่าสุดถึงเวลาขยับใหญ่ด้วยการประกาศปรับโมเดลธุรกิจ หันมาเริ่มเก็บค่าบริการ “ไผท ผดุงถิ่น” ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอ บิลค์ วัน กรุ๊ป บอกกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทเดินมาถึงจุดที่จะต้องทรานส์ฟอร์มตนเอง

“ผมเป็นสตาร์ตอัพมา 13 ปี แต่วันนี้ไม่ค่อยเรียกตัวเองว่าเป็นสตาร์ตอัพแล้ว ปีหน้าจะเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ การเก็บเงิน ไม่ได้มาจากเหตุผลว่าเพราะจะเข้าตลาด แต่เพราะหลายสิ่งเปลี่ยนไป 10 ปีที่แล้ว อีโคซิสเต็มหรือการปรับตัวทางเทคโนโลยี ถือเป็นเรื่องใหม่มาก โดยเฉพาะในวงการก่อสร้าง เมื่อ 13 ปีที่แล้ว เราเลือกให้ใช้ฟรีมีรายได้จากค่าโฆษณาบนเว็บ คงเหมือนเว็บข่าวที่หาคนอ่านได้มากพอ โฆษณาก็มาลงแต่วันนี้เปลี่ยนไป แพลตฟอร์มมีมากขึ้นอย่าง เอสซีจี หรือแบรนด์วัสดุก่อสร้างต่าง ๆ มีทางเลือกใหม่ ๆ ในการทำการตลาดมากขึ้น เราจึงต้องกลับมาทบทวนตัวเอง”

จากวันแรกจนถึงปัจจุบัน Builk.com มีผู้ใช้บริการมากขึ้นมาก และแทบกลายเป็นโครงการ CSR เพราะให้บริการฟรี โดยผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นร้านค้าระดับเอสเอ็มอีทั่วไป ๆ จึงไปถามผู้ใช้ว่าถ้าจะขอคิดค่าบริการเป็นรายโปรเจ็กต์ เช่นปกติงานก่อสร้างแต่ละโปรเจ็กต์อาจใช้เวลา 10-12 เดือน คิดโปรเจ็กต์ละ 800 บาท ถ้าหาร 10 เดือน เท่ากับเดือนละ 80 บาท ก็ยังถูกมาก

การมาถึงของคลื่นลูกใหม่ “เอไอ”

“ตอนเริ่มต้น เราแหวกที่สุดในฐานะสตาร์ตอัพ ด้วยความที่คนไทยไม่ค่อยกล้าให้ใช้ฟรี ผมก็โดนปรามาสว่าจะให้ใช้ฟรีได้จริง ๆ หรือมาถึงตอนนี้พอเคยประกาศว่าจะให้ใช้ฟรี ก็เป็นเรื่องยากที่จะเก็บเงิน แต่เมื่อคุยกันแล้วคิดใหม่ว่า การที่ Builk.com เป็นเหมือนแพลตฟอร์มซีเอสอาร์ ก็มีข้อจำกัดเยอะ ถ้าจะพัฒนาไปให้ไกลกว่านี้ได้ อุตสาหกรรมนี้กำลังตอบรับเรื่องดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นมาก การนำเทคโนโลยี เอไอ มาใช้พัฒนาแอปพลิเคชั่นใหม่ ๆ ถ้ายังเป็นแค่โปรเจ็กต์ซีเอสอาร์ คงไม่กล้าทำอะไรแล้วก็รอวันตาย”

ขณะที่ผู้ใช้บริการยังเลือกได้ว่ารับได้กับการจ่ายเงินเพียงเล็กน้อยเพื่อสนับสนุนการพัฒนาแพลตฟอร์ม ทำให้มีเงินไปลงทุนพัฒนาต่อทำให้ดีขึ้นได้ก็จะเป็นโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน

“เรากำลังทำแอปใหม่ ชื่อ Builk Pop จะนำข้อมูลมาวิเคราะห์ โดยใช้เอไอมาช่วย ตอนนี้ใครไม่ใช้เอไอจะตามไม่ทันโลก เราก็ต้องทำ ถ้าแพลตฟอร์มอยู่กับที่ก็จะมีคนใหม่ที่เกิดมาด้วยเอไอ มาแทน ของที่ใหม่กว่า สดกว่า และมีเอไอ ลูกค้าก็จะไปหาเขา วันนี้เราจึงเลือกว่าจะลงทุนด้านเอไอเพื่อไปช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีในวงการก่อสร้างทำงานดีขึ้น เขาก็แบ่งจ่ายให้เราเล็กน้อยเพื่อพัฒนาเอไอ”

และรายได้ 5% จากเว็บไซต์ยังจะนำกลับไปทำโครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเด็ก ที่อยู่ในไซต์ก่อสร้างทั่วประเทศด้วย

“ตอนที่ประกาศว่าจะเก็บเงินที่ Builk.com ก็มีคนถามว่าจะเหมือนบริษัทเทค อื่น ๆ ไหม คือต้องหารายได้เพิ่ม ส่วนหนึ่งคือใช่ เพราะจะมีคลื่นลูกใหม่ คือเรื่องเอไอเข้ามาก็ต้องหารายได้เพิ่ม เพื่อพัฒนาตนเองให้ทันคลื่นลูกใหม่ แต่ไม่ใช่ เพราะอยู่ในวิกฤตฟองสบู่เทค ทั้งรายได้จาก Builk.com ก็ไม่ได้เยอะถ้าเทียบกับรายได้จากโปรดักต์อื่นในกลุ่ม และเรายังสวนทางกับบริษัทเทคอื่นที่มีแต่รับคนเพิ่ม”

ตอบโจทย์ดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม

“อย่างที่บอกตอนนั้นว่า เราไม่อยากเรียกตัวเองว่าเป็นสตาร์ตอัพแล้ว เราเป็นบริษัทที่ต้องเอาตัวเลขรายได้และกำไรเป็นที่ตั้งเพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้ ซึ่งไม่ใช่แค่ Builk.com แต่ยังมีซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่มีโมเดลธุรกิจเพื่อสร้างรายได้อีกมาก”

“ในช่วงโควิด ธุรกิจเราเติบโตดี มีรายได้ราว 100 ล้านบาท เพราะคนตระหนักว่าต้องทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น หลังโควิดก็ยังมีโมเมนตัมอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก จากปีก่อนโควิดมีรายได้ราว ๆ 90 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าน่าจะเกิน 100 ล้านบาท เนื่องจากหลายอย่างกลับมาเป็นปกติแล้ว ซึ่งปกติอุตสาหกรรมก่อสร้างจะโตราว 5% ต่อปี เราคือคนที่ช่วยธุรกิจก่อสร้างทำทรานส์ฟอร์เมชั่น ทำให้เราเติบโต”

ปัจจุบันใน 1 ปี จะมีไซต์งานก่อนสร้างทั่วประเทศหลายแสนไซต์ แต่มีคนใช้ซอฟต์แวร์ของบริษัทราว 20,000 ไซต์ ใช้มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป ซึ่งโมเดลธุรกิจของการให้บริการซอฟต์แวร์เหล่านี้เป็นการใช้แบบจ่ายต่อโครงการอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งซอฟต์แวร์ของ Builk One Group เข้าไปอยู่ในโครงการทุกขนาด ตั้งแต่ระดับร้านชานมไข่มุกไปจนถึงโครงการใหญ่อย่าง “วันแบงค็อก” หรือ “ฟอเรสเทียร์”

โดยเฉพาะแอปพลิเคชั่นในกลุ่ม construction tech เพราะนอกจากแรงงานจะหายากแล้วในแง่ค่าแรงยังจะสูงขึ้นอีก ผู้ประกอบการจึงต้องหันมาหาเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในไซต์งานก่อสร้าง เช่น กล้อง 360 องศา ไว้ตรวจไซต์งาน ไม่ต้องไปเอง Builk 360 หรือใช้ตรวจสอบเรื่องดีเฟ็กต์ปัญหาของงาน ด้วย Builk Insight เป็นต้น

“ซอฟต์แวร์ต่างประเทศราคาสูงเกินไป เหมือนเรากินเบอร์เกอร์ยี่ห้อดังในไทยก็จะแพงเมื่อเทียบค่าแรงขั้นต่ำ เป็นภาพเดียวกันกับอุตสาหกรรมก่อสร้างวิศวกร สถาปนิก ซื้อซอฟต์แวร์ราคาแพงจากอเมริกา จากญี่ปุ่น แต่ค่าแรงวิศวกรไทยถูกกว่า 10 เท่า เพราะผลิตเองไม่ได้ เราเติบโตมาได้ เพราะวิธีคิด อยากทำโมเดลราคาให้เหมาะกับประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย และซอฟต์แวร์ที่ทำต้องถูกกว่าซอฟต์แวร์นำเข้าจากต่างประเทศ 5-10 เท่า คุณไม่ต้องซื้อรถเบนซ์มาไถนา เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมในระดับราคาที่เหมาะสม”

Climate Tech-ESG มาแรง

“ไผท” ยังชวนมองถึงอนาคตด้วยว่าไม่ใช่แค่ “เอไอ” ที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนวิธีคิด และการทำงาน แต่มีปัญหาใหม่ โจทย์ใหม่ ๆ อีกมาก ซึ่งเป็น “โอกาส” ของสตาร์ตอัพ รวมถึง Builk One Group เองก็ต้องเร่งจับโอกาสเหล่านั้นไว้

และมองว่าต่อไปจะเป็นยุคของ climate tech, เรื่อง ESG และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ทำให้เริ่มเห็นการสนับสนุนหรือเปิดระดมทุนที่เฉพาะทางเรื่อง ESG มากขึ้น เพราะเป็นกลไกของโลกเศรษฐกิจที่บังคับให้ทำ

“ใน 1-2 ปีข้างหน้าสายเขียวมาแน่นอนเราได้ยินเรื่องดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นมา 5 ปีแล้ว ต่อไปคือ Green-transformation จะเปลี่ยนระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม มีดิจิทัลเป็นพื้นฐาน เพราะมีดิจิทัลเลยเก็บข้อมูลได้เยอะ รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ ทำให้เขียวขึ้นด้วยความยั่งยืน”

ต่อยอด-เพิ่มโอกาสโต

ซีอีโอ Builk One Group ย้ำว่า ความสามารถในการปรับตัว คือภูมิคุ้มกันอย่างหนึ่ง ประสบการณ์ 13 ปีทำให้มองเห็นโอกาสใหม่ ๆ โดยในปลายปีนี้จะขยับขยายออกจากอุตสาหกรรมก่อสร้างไปยังอุตสาหกรรมอื่นต่อยอดความชำนาญเดิมที่ให้บริการแบบ Project Base มีวันเริ่มต้น และสิ้นสุดชัดเจน

“เราเริ่มมีฐานลูกค้ากลุ่มอื่น ๆ เพิ่มขึ้น และทำอะไรที่ไม่ใช่ก่อสร้างเลย แต่การควบคุมโครงการ จะมีลักษณะคล้ายกัน คือคุมงบประมาณ ควบคุมแผนงาน ควบคุมต้นทุน ควบคุมคุณภาพ และบริหารจัดการให้ได้ เราโตมากับสายนี้ อย่างเรื่องกรีนทรานส์ฟอร์เมชั่น เป็นโปรเจ็กต์ที่อยู่ในใจมานานเลยกระโดดเข้ามาทำ ประกอบกับเทรนด์การปรับปรุงอาคาร อายุ 30 ปี เริ่มมาไม่งั้นแข่งขันไม่ได้ เพราะผู้เช่าจะหนีออกเลยต้องปรับปรุงเครื่องปรับอากาศ การจัดการพลังงานรีโนเวตต่าง ๆ เราจะเข้าไปช่วยวัดคาร์บอน วัดการใช้พลังงาน”


“ไผท” มั่นใจว่านี่เป็นโอกาสเติบโตของ Builk One Group