ทำไม มูลค่าบริษัท Apple ถึงเพิ่มขึ้นเฉียด 100 ล้านล้านบาท

ราคาหุ้น Apple ทำจุดสูงสุดตลอดกาล ในรอบหนึ่งปี หลังเปิดตัวแว่น “Vision Pro” ดันมูลค่าบริษัทเฉียด 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สัญญาณการเติบโตเหนือตลาดของ “บิ๊กเทค” นักวิเคราะห์ชี้ นักลงทุนยอมรับแผนการคืนทุน งบดุลแข็งแกร่ง กระแสรายได้เป็นบวกและมั่นคง

วันที่ 13 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ราคาหุ้น AAPL ของบริษัท แอปเปิล อิงก์ ได้ไต่ระดับมาปิดตลาดที่ 183.79 เหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ทำจุดสูงสุดใหม่ จากเดิมที่หุ้น AAPL ทำจุดสูงสุดตลอดกาลที่ราคา 182.9 เหรียญสหรัฐ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 หรือเป็นการทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 1 ปีของแอปเปิล ที่เกิดขึ้นหลังจากการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเฉพาะแว่นตา Vision Pro ที่หวังลุยตลาด AR/VR โลกเสมือน

สำนักข่าว บลูมเบิร์ก รายงานว่า การที่หุ้นของ Apple Inc. จบลงที่ระดับสูงสุดตลอดกาลเป็นครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งปี เป็นสัญญาณล่าสุดว่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หรือ “บิ๊กเทค” ได้ยึดความเป็นผู้นำในการเติบโตเหนือตลาดทุนกลับคืนมา

โดยราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 1.6% ปิดเซสชั่นที่ 183.79 ดอลลาร์ ทำให้ Apple มีมูลค่าที่เติบโตขึ้น 41% ในปี 2566 ในขณะที่ภาพรวมของดัชนี Nasdaq 100 เติบโตเพียง 35% เท่านั้น 

สาเหตุที่หุ้นของแอปเปิลเติบโตอย่างโดดเด่นกว่า 41% ตั้งแต่ต้นปี บลูมเบิร์ก อธิบายว่า หุ้นของ Apple เป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุนที่ไม่คำนึงถึงสภาวะตลาด เมื่อต้นปีนี้ AAPL ถูกมองว่าเป็นที่หลบภัยท่ามกลางความวุ่นวายในภาคการธนาคาร ซึ่งนักลงทุนยอมรับความแข็งแกร่งของงบดุล แผนการคืนทุน และกระแสรายได้เป็นบวกและมั่นคง

ขณะที่ผลประกอบการล่าสุดของ Apple เหนือความคาดหมายและคลายความกังวลเกี่ยวกับการเติบโต นักลงทุนยังมองว่าแผนการที่จะขยายและฟื้นฟูห่วงโซ่การค้าปลีกของผลิตภัณฑ์แอปเปิลจะฟื้นตัวได้ดี

โดยบลูมเบิร์กอ้างอิงจากการวิเคราะห์ของนายเวนย์ คอฟแมน หัวหน้านักวิเคราะห์การตลาดของ Phoenix Financial Services ที่กล่าวว่า Apple มีแผนงานที่ชัดเจน มีกระแสเงินสดที่ดี Apple เป็นหนึ่งในหุ้นที่นักลงทุนสบายใจที่จะเป็นเจ้าของ ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง เพราะพวกเขามั่นใจว่าจะทำเงินได้ในระยะยาว นั่นทำให้ราคาหุ้นเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Apple เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดใน Wall Street คิดเป็นสัดส่วน 7.5% ของดัชนี S&P 500 และกำไรของหุ้นในปีนี้ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 2.89 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเข้าใกล้มูลค่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 100 ล้านล้านบาท เป็นบริษัทแรกในประวัติศาสตร์