กลุ่มรัตนากรนำโรงงานปุ๋ยอินทรีย์เคมี “มุกมังกร” รับออร์เดอร์ทะลัก 1 ล้านตัน ยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว-บริษัทข้ามชาติ-เกษตรกร แห่ซื้อทดแทนปุ๋ยเคมีที่ขาดตลาด เผยเตรียมทบทวนแผนลงทุนโรงงานใหม่เพิ่ม รับดีมานด์ล้น
นายจักรรัตน์ เรืองรัตนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท รัตนากร แอสเซท จำกัด จ.ชลบุรี โรงงานผู้ผลิตปุ๋ยอินทรีย์เคมี ภายใต้แบรนด์ “มุกมังกร” เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรณีประเทศผู้ผลิตแม่ปุ๋ยรายใหญ่ระงับการส่งออก กระทบต่อโรงงานผลิตปุ๋ยเคมีภายในประเทศไทยขาดแคลนวัตถุดิบไปทั่วโลก ส่งผลให้ปุ๋ยเคมีขาดตลาด และราคาปรับสูงขึ้น 250-300% หลายคนหันมาสั่งซื้อปุ๋ยอินทรีย์เคมีไปขาย และไปใช้ทดแทน ทำให้ขณะนี้บริษัทมียอดสั่งซื้อปุ๋ยอินทรีย์เคมีเข้ามาเกือบ 1 ล้านตัน แต่ปัจจุบันโรงงานในประเทศไทย 3 แห่งมีกำลังการผลิตรวมเพียง 180,000 ตันต่อปี ทำให้ไม่สามารถรองรับออร์เดอร์ได้ทั้งหมด
ดังนั้นจึงต้องคัดเลือกลูกค้าโดยปรับเงื่อนไขการสั่งซื้อจากเดิมต้องวางมัดจำ 30-70% แล้วแต่จะตกลงกัน และให้เครดิต 10-15 วันเปลี่ยนเป็นต้องวางมัดจำ 100% จึงจะส่งมอบสินค้าให้ สำหรับยอดขาย 5 เดือนแรกของปี 2535 เติบโต 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าปี 2565 ยอดขายจะเติบโตประมาณ 55% เมื่อเทียบกับปี 2564 ยอดขายประมาณ 1,300-1,4000 ล้านบาท โดยสิ้นปี 2565 คาดว่ายอดขายจะเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันพยายามเร่งการก่อสร้างโรงงาน 3 แห่งใหม่ กำลังการผลิตรวม 150,000 ตัน มูลค่าเงินลงทุน 1,500 ล้านบาท ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2564 ถ้าก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปลายปี 2565 จะทำให้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 3.2 แสนตันต่อปี และในช่วงไตรมาส 3/2565 จะทบทวนแผนการลงทุนของบริษัทใหม่อีกครั้ง คิดว่าภายในปี 2566 อาจจะมีการลงทุนก่อสร้างโรงงานปุ๋ยแห่งที่ 7 ขึ้นภายในประเทศไทย เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น เพราะจากการประเมินเบื้องต้นตอนนี้ยอดขายปุ๋ยอินทรีย์เคมีมีโอกาสเพิ่มขึ้นเกิน 55% เพราะราคาผันผวนมาก แต่ทั้งหมดต้องขอประเมินสถานการณ์ภาพรวมทางเศรษฐกิจก่อน ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า จะลงทุนเพิ่มหรือไม่
“ความผันผวนของราคาปุ๋ยเร็วมาก ช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 64 ยอดขายของบริษัทปกติ แต่ราคาขายเริ่มปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่เดือน ธ.ค. 64 พอเข้าช่วงต้นปี 2565 ตั้งแต่เดือน ม.ค. 65 ราคาปุ๋ยปรับตัวสูงขึ้นเร็วมากประมาณ 50% ยอดขายชะงัก หายไปเลย ทุกคนรอดูสถานการณ์ราคาปุ๋ยจะปรับตัวสูงขึ้นอีกหรือไม่ พอเข้าเดือน ก.พ. 65 ราคาปุ๋ยยิ่งปรับขึ้นจากเดือน ม.ค. 65 ไปอีก 30% หรือเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ยิ่งทำให้ออร์เดอร์ยิ่งชะงักเข้าไปใหญ่
พอเดือน มี.ค. 65 ราคาปุ๋ยปรับตัวสูงขึ้นอีก ตอนนี้ทุกคนเริ่มซื้อกักตุนแล้ว กลัวไม่มีของ ทำให้ยอดขายเดือน มี.ค. 65 พุ่งขึ้นสูงมาก เดือน เม.ย. 65 ยอดขายพุ่งขึ้นไปอีก เพราะจะเริ่มฤดูกาล เดือน พ.ค. 65 ยอดขายพุ่งขึ้นเยอะมาก กลายเป็นเดือน ม.ค.-ก.พ. 65 ยอดขายตกลง แต่มาถัวเฉลี่ย 3 เดือนหลัง มี.ค.-เม.ย.-พ.ค. 65 ภาพรวม 5 เดือนยอดขายเติบโต 35%”
“ถึงตอนนี้ราคาแม่ปุ๋ยเคมีทะยานขึ้นสูง 250-300% หรือเกือบ 3 เท่า และขาดแคลน ขณะที่ราคาปุ๋ยอินทรีย์เคมีของเราปรับขึ้นประมาณ 80% จากปัจจัยต้นทุนพลังงาน แรงงานที่ขาดแคลน แต่เรามีแหล่งซื้อวัตถุดิบจากหลายแห่งควบคุมราคาได้
ส่งผลให้เกษตรกรทั้งพืชไร่ พืชสวน ผัก ผลไม้ ไม้ดอก อ้อย ยาง ปาล์ม มันสำปะหลัง ต่างหันมาซื้อปุ๋ยอินทรีย์เคมีทดแทน แต่กำลังการผลิตของโรงงานมีจำกัด ทำให้ไม่สามารถรับออร์เดอร์ที่มีเข้ามาได้ ตอนนี้เรารับออร์เดอร์ได้เพียง 1 ใน 4 ดังนั้น ลูกค้าที่ต้องการสินค้าต้องจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้า 100% ใครจองมาปากเปล่า เราไม่รับผลิตให้” นายจักรรัตน์กล่าว
นายจักรรัตน์กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ถือว่า ปุ๋ยมุกมังกรถือเป็นโรงงานแห่งเดียวที่สามารถผลิตวัตถุดิบปุ๋ยอินทรีย์เคมีได้เองตั้งแต่ต้นทางยันปลายทางภายในประเทศไทย ไม่ต้องนำเข้าจึงมีความได้เปรียบกว่าโรงงานอื่น ถือว่าอนาคตธุรกิจปุ๋ยอินทรีย์เคมีสดใสที่สุดในรอบหลายสิบปี เป็นโอกาสและจังหวะที่ดี เพราะตอนนี้ปุ๋ยเคมีหายาก ทุกคนต้องการสินค้า แต่ไม่มีใครมีสินค้า ขาดแคลนวัตถุดิบ
สำหรับการทำตลาดตอนนี้สัดส่วนระหว่างตลาดภายในประเทศ และตลาดส่งออกเท่ากัน 50 : 50 โดยตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ กลุ่มประเทศ CLMV กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม เอเชียใต้ และจีน ซึ่งในส่วนของประเทศจีนนั้นที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมทุนกับโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์เคมีที่ประเทศจีนอยู่แล้ว 4 แห่ง ตั้งอยู่ที่เมืองกว่างโจว 2 แห่ง และกว่างสี 2 แห่ง กำลังการผลิตรวม 60,000 ตันต่อเดือน หรือประมาณ 720,000 ตันต่อปี แต่ตอนนี้มีปัญหาโรงงานปุ๋ยที่จีนผลิตสินค้าได้ไม่เพียงพอกับความต้องการเช่นเดียวกับในประเทศไทย เพื่อรักษาฐานลูกค้าในประเทศจีนไว้ จึงต้องส่งสินค้าจากประเทศไทยเข้าไปสนับสนุน ไม่อย่างนั้นจะเสียตลาดไป
ส่วนประเทศในกลุ่ม CLMV เป็นลักษณะบริษัทข้ามชาติเข้ามาสั่งซื้อเป็นลอตใหญ่ เพื่อนำเข้าไปกระจายขายต่อให้ลูกค้าภายในประเทศนั้น ๆ ส่วนตลาดภายในประเทศไทยมีทั้งลักษณะยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ดิสทริบิวเตอร์ รวมถึงการที่บริษัทรับจ้างผลิต (OEM) ให้แบรนด์สินค้าอื่น แต่ต่อไปจะรับลักษณะ OEM น้อยลง และพยายามกระจายแบรนด์มุกมังกรเข้าสู่ตลาดมากขึ้น
นายจักรรัตน์กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ได้นำผลิตภัณฑ์ปุ๋ยมุกมังกร ขนาด 1 กก.เพื่อใช้ในสวนภายในบ้านทั่วไป มาวางขายผ่านระบบออนไลน์ของร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น เพื่อสร้างชื่อเสียงของปุ๋ยตรามุกมังกรให้เป็นที่รู้จักและจดจำได้ในวงกว้าง (brand awareness) รวมถึงกำลังจะออกผลิตภัณฑ์ปุ๋ยน้ำสูตรใหม่