
“ภูริต ภิรมย์ภักดี” ให้สัมภาษณ์สื่อเป็นครั้งแรกพร้อมเปิดเผยวิสัยทัศน์ หลังรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอร์รี่ จำกัด
วันที่ 11 ตุลาคม 2565 “ภูริต ภิรมย์ภักดี” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอร์รี่ จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า
ตำแหน่งซีอีโอของทั้งเครือบริษัทนั้นกว้างใหญ่และซับซ้อนมาก โดยมีบริษัทภายใต้การดูแลถึง 159 บริษัท ต่างจากเมื่อครั้งบริหารบุญรอดเทรดดิ้งที่มีบริษัทในการดูแลประมาณ 20 บริษัท ซึ่งก็นับว่าซับซ้อนแล้ว
ดังนั้นในช่วงแรกนี้จึงจะมุ่งศึกษางานในตำแหน่งใหม่นี้ ก่อนจะกระจายงานให้กับผู้ที่เหมาะสมต่อไป เพราะเชื่อว่าจุดนี้ไม่ใช้งานที่จะทำคนเดียวได้แน่นอน
ด้านแนวทางการบริหารนั้น จะยังเน้นความรวดเร็วและยืดหยุ่น ซึ่งต่อเนื่องมาจากการปรับตัวช่วงโรคโควิด-19 ระบาดอย่าง การทำแผนธุรกิจแบบรายสัปดาห์ แทนรายปี-เดือนเพื่อให้ทันเกมของตลาดอยู่ตลอด การเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและช่องทางจำหน่าย เพราะโควิดทำให้รู้ว่าจะ ธุรกิจต้องเร็วและมองแต่ช่องทางเดิมๆ ไม่ได้แล้ว มีช่องทางไหนที่ไปได้ก็ต้องไป
ขณะเดียวกันการตัดสินใจต่าง ๆ จะต้องใช้การวิเคราะห์ข้อมูลมาประกอบมากขึ้น จะใช้เพียงสัญชาติญาณอย่างเดียวไม่ได้แล้ว พร้อมกับต้องคิดเสมอว่า ไม่มีอะไรที่เป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป นอกจากคอร์แวลูหรือแกนของบริษัท อย่างการพัฒนาคนทั้งในและนอกองค์กร ที่เหลือต้องปรับปรุง-เปลี่ยนแปลง รวมถึงอัพสกิล รีสกิลคนตลอด
ส่วนเรื่องที่ต้องจับตามีเพียงสภาวะต้นทุนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่า ปี 2566 ต้นทุนโดยรวมของบริษัทจะเพิ่มอีก 1.3-1.5 พันล้านบาท จากราคาขวด มอลต์ ฯลฯ หลังปี 2565 ต้นทุนเพิ่มขึ้นไปแล้ว 1.3-1.5 พันล้านบาทเช่นกัน ยืนยันว่าจะพยายามตรึงราคาจำหน่ายไว้ให้นานที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของทิศทางของเครือในปี 2566 นั้น กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอด ระบุว่ายังต้องอาศัยเวลาอีกสักระยะในการศึกษาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อดูว่าจะสามารถเติบโตได้ในทิศทางใดบ้าง ส่วนปี 2565 นี้ยืนยันว่ามีการเติบโตทุกตัวและโตในระดับที่ไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านๆ มาอีกด้วย
ด้านแนวโน้มเศรษฐกิจไทยนั้น “ภูริต” มองว่า มีแนวโน้มดีขึ้นจากการเปิดประเทศทำให้มีการจับจ่ายจากทั้งนักท่องเที่ยวและชาวไทยเอง และมีเม็ดเงินหมุนเวียนมากขึ้น แต่ธุรกิจก็ยังต้องปรับตัวเพราะเกิดความเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น หรือกระแสอีคอมเมิร์ซ ตัวอย่างเช่น การขายแบบพบตัวกันอาจไม่เป็นที่นิยมแล้ว การเจอหน้ากันอาจลำบากมากขึ้น เป็นต้น