RS หวนลุยธุรกิจเพลง ดัน 6 บริษัทเข้าตลาดหุ้น

สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์

ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้สถานการณ์โควิด-19 ที่แผลงฤทธิ์จะส่งผลกระทบไปทั่ว แต่ อาร์เอส เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่ไม่เพียงแต่จะผ่านวิกฤตมาได้เท่านั้น อีกด้านหนึ่งกลับมีความเคลื่อนไหวในเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากผลการดำเนินงานตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งยอดขายและกำไรที่สวนกระแส

เริ่มจากปี 2563 ที่โควิดมาเยือนปิดบัญชีด้วยยอดขายกว่า 3,700 ล้านบาท กำไรกว่า 500 ล้านบาท หรือโตกว่า 54% ถัดมาปี 2564 ก็มียอดขายราว ๆ 3,500 ล้านบาท กำไร 127 ล้านบาท ส่วนปี 2565 (9 เดือนแรก) ยอดขายรวมอยู่ที่ 2,630 ล้านบาท และกำไร 149 ล้านบาท

อาจกล่าวว่า หัวใจของความสำเร็จดังกล่าวมาจากการปรับตัวครั้งใหญ่ เมื่อช่วงปี 2561-2562 ที่เป็นการล้างภาพธุรกิจค่ายเพลงเพื่อสู่ธุรกิจใหม่ ที่เรียกว่า Multi-Platform Commerce (MPC) เป็นการเปลี่ยนโมเดลธุรกิจจากธุรกิจสื่อและบันเทิงมาสู่ธุรกิจคอมเมิร์ซ ที่นำเอาจุดแข็งของทั้งธุรกิจ entertainment และ commerce มารวมกันเป็น entertainmerce

วิชั่นใหม่รับเศรษฐกิจดีดกลับ

ล่าสุด เปิดศักราชใหม่ 2566 ขึ้นมา “เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ประกาศตั้งเป้าเป็น “Life Enriching” มุ่งมั่นในการยกระดับทุกมิติการใช้ชีวิตของลูกค้าผ่านทุกธุรกิจในเครือ พร้อมปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ที่แบ่งเป็น 6 กลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตยั่งยืน รวมทั้งการเตรียมความพร้อมเพื่อจะนำบริษัทในเครือเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

“เฮียฮ้อ-สุรชัย” กล่าวว่า ปี 2023 เป็นปีที่สำคัญที่สุด โลกผ่านการถูกปิดมา 3 ปีเต็ม การฟื้นตัวในปีนี้จะกลับมาดีกว่าเดิม สิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ คือ การหาเวลาที่ใช่ให้เจอ ผมคิดว่า ปี 2023 เป็นปีที่ใช่ และได้กำหนดวิชั่นใหม่ของอาร์เอส ด้วยการวางยุทธศาสตร์ 3 ด้าน

คือ มุ่งมั่นตั้งใจที่จะยกระดับทุกชีวิต ของลูกค้าเราผ่านทุกธุรกิจของอาร์เอส, มีการจัดกลุ่มธุรกิจใหม่ แบ่งเป็น 6 กลุ่มบริษัท เพื่อความชัดเจน และมีความเชื่อมโยง และเพิ่มศักยภาพในแต่ธุรกิจ และภายใน 3 ปีนี้ จะนำทุกธุรกิจในเครือเข้าจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ และตั้งเป้ามาร์เก็ตแคปให้ถึง 1 แสนล้านบาท

สำหรับทั้ง 6 กลุ่มบริษัท ประกอบด้วย 1.RS Multimedia ประกอบด้วย ช่อง 8 และ COOLfahrenheit ที่ปีนี้จะเน้นเรื่องของการออนแอร์ ทางออนไลน์ และออนกราวนด์ เพื่อตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์ของผู้ฟัง และจะจัด 4 คอนเสิร์ตใหญ่ และมิวสิก เฟส ถึง 4 งาน ปีนี้รวมทั้งหมด 8 งาน

2.RS Music ประกอบด้วย ค่ายเพลง RSIAM, kamikaze, RoseSound และบริษัท โฟร์ท แอปเปิ้ล ซึ่งปีนี้จะเป็นปีแรกที่จะกลับมาให้ความสำคัญกับธุรกิจเพลงอีกครั้งหนึ่ง เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดดิจิทัล และจะมาพร้อมกับพาร์ตเนอร์ใหม่ ที่จะได้เห็นภาพชัดในไตรมาส 1 นี้

3.RS LiveWell ธุรกิจคอมเมิร์ซที่ประกอบด้วย RS Mall ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ well u, Vitanature+, Lifemate และ Camu C

4.RS Connect ที่เป็นการต่อยอดจากการซื้อธุรกิจขายตรง ยูไลฟ์ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา จะเป็นการทำธุรกิจขายตรง มีผลิตภัณฑ์ 2 แบรนด์ คือ ULife และ De Beste

5.RS Pet All ธุรกิจครบวงจรสำหรับสัตว์เลี้ยง ตั้งแต่โรงงานผลิตอาหารสัตว์ ร้านค้าปลีกสำหรับสัตว์เลี้ยง สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึงธุรกิจเวลเนสสำหรับสัตว์เลี้ยง ที่จะเห็นภาพชัดขึ้นในไตรมาส 1 ปีนี้

และ 6.R Alliance ดูแลด้านการลงทุน ตามกลยุทธ์การควบรวมกิจการ (M&A) และกิจการร่วมค้า (joint venture) เพื่อเป็นการสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง

กางแผนเจาะตลาดแมส

แม่ทัพใหญ่ อาร์เอส ย้ำด้วยว่า สำหรับปีนี้ อาร์เอส จะยังคงขับเคลื่อนธุรกิจด้วยโมเดล entertainmerce พร้อมมุ่งสู่การเป็น life enriching โดยโฟกัสที่การเจาะตลาดแมส และเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น ด้วยช่องทางการจำหน่ายและพาร์ตเนอร์ที่หลากหลาย

รวมทั้งมีการตั้งสายงานใหม่ มีเดีย เซล มาร์เก็ตติ้ง เพื่อรวมศูนย์เรื่องของสื่อหลาย ๆ ช่องทางของอาร์เอสไว้ด้วยกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการซื้อโฆษณาอย่างสูงสุดเพื่อเพิ่มศักยภาพในการตลาด

สำหรับการเจาะตลาดแมส หลัก ๆ จะเป็นการนำเสนอรูปแบบธุรกิจใหม่เพื่อสร้างความหลากหลายในการขายและการเข้าถึงลูกค้า รวมถึงการมีสินค้าใหม่ ยกตัวอย่าง กรณีของ RS Connect ที่จะมีการออกสินค้าใหม่ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ทั้ง Gen-X และ Gen-Y ด้วยคอนเทนต์หลากหลายและรายการต่าง ๆ มากขึ้น เช่น ยูไลฟ์ จะมีการลอนช์โมเดลใหม่ 2 โมเดล ที่ชื่อว่า ปิ่นโต เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า

ส่วนอีกโมเดลหนึ่ง ชื่อว่า Prompt โมเดลสำหรับดีลเลอร์ออนไลน์ แม่ค้าออนไลน์ เป็นธุรกิจเครือข่าย เป็นทางเลือกหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับพาร์ตเนอร์ หรือในส่วนของ RS LiveWell ที่ปีนี้แบรนด์ต่างๆ จะมีการนำเสนอสินค้าใหม่รวมมากกว่า 40 เอสเคยู รวมทั้งมีแผนจะขยายช่องทางจำหน่ายเพิ่มขึ้น ด้วยการจับมือกับร้านค้าหรือร้านขายยา

เช่นเดียวกับ ช่อง 8 ที่จะมีทั้งละครใหม่ ซีรีส์ต่างประเทศทั้ง อินเดีย จีน เกาหลี และที่เป็นไฮไลต์ของช่อง คือ ปีนี้จัดมีรายการมวยถึง รายการ และจะมีข่าวตลอดทั้งวันอย่างเข้มข้น ขณะที่ RS Music ที่ปีนี้จะเป็นปีไฮไลต์ของธุรกิจเพลง ซึ่งอาร์เอสจะกลับมาลุยอย่างจริงจัง ด้วยการนำศิลปินนักร้องดาราที่ได้รับความนิยมกลับมาทำดนตรีใหม่ และพัฒนาหรือสร้างศิลปินหน้าใหม่ เป็นต้น

“จากแนวทางดังกล่าว คาดว่าจะผลักดันรายได้ปี 2566 ให้ไปสู่เป้าหมายที่ 5,500 ล้านบาท หลัก ๆ จะมาจากธุรกิจคอมเมิร์ซ 3,100 ล้านบาท และธุรกิจมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ 2,400 ล้านบาท”

นี่เป็นการเปิดเกมรุกเพื่อรับศักราชใหม่หลังสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายลงแล้ว ของ อาร์เอส ที่แม่ทัพใหญ่ “เฮียฮ้อ” เคยย้ำอยู่เสมอ ๆ ว่า

“…ปัจจุบัน ธุรกิจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนสูงมาก เนื่องจากภาวะตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อาร์เอส จึงต้องมีความตื่นตัวและตื่นรู้ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถปรับตัวและแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว”