หุ่นยนต์เสิร์ฟฮิตดีมานด์ทะลัก “ไอดิโอเทค” บุกเจาะโรงงาน-SME แห่ใช้

นภดล พันธุ์ปัญญาเลิศ

ตลาดหุ่นยนต์เสิร์ฟยังฮอตฮิต เอสเอ็มอีหันใช้งานหลังราคาลดลง “ไอดิโอ เทค” ดิสทริบิวเตอร์รายใหญ่ ลุยขยายฐานขนทัพหุ่นรุ่นใหม่ทั้งรุ่นขึ้นลิฟต์-ทำความสะอาดเจาะโรงงาน โรงพยาบาล คอนโดฯ ตอบโจทย์ด้านราคา-ความสะดวก พร้อมเดินสายออกอีเวนต์สร้างการรับรู้ หวังสร้างการเติบโตต่อเนื่อง

กระแสความต้องการหุ่นยนต์ในภาคบริการอย่างร้านอาหารไม่เพียงมีอย่างต่อเนื่อง แต่ยังขยายไปถึงร้านอาหารระดับเอสเอ็มอี หลังราคาลดลงจนจับต้องได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ไอดิโอ เทค หนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ ยังเดินหน้าส่งหุ่นยนต์รุ่นใหม่รุกวงการอุตสาหกรรม และธุรกิจบริการ เพื่อจับดีมานด์ใหม่ ๆ มาสร้างการเติบโต

นายนภดล พันธุ์ปัญญาเลิศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอดิโอ เทค จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายหุ่นยนต์บริการ อาทิ เสิร์ฟอาหาร ส่งของ ทำความสะอาด ฯลฯ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันเทรนด์การใช้งานหุ่นยนต์บริการ อย่างการเสิร์ฟอาหาร ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เพียงเชนร้านบุฟเฟต์รายใหญ่จะนำไปใช้ แต่ร้านบุฟเฟต์แบบแฟรนไชส์หลายราย เช่น ข้าน้อยขอชาบู และอีก 1-2 ราย เริ่มเพิ่มแพ็กเกจการขายแฟรนไชส์ร้านแบบคู่กับหุ่นยนต์เสิร์ฟเพื่อช่วยให้แฟรนไชซีสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและบุคลากรได้ง่ายขึ้น

 

บุฟเฟต์เอสเอ็มอีหันฮิตหุ่นยนต์

รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการระดับเอสเอ็มอี เริ่มหันมาสนใจใช้งานหุ่นยนต์เสิร์ฟมากขึ้น โดยเฉพาะในรูปแบบการเช่าซื้อ เนื่องจากขณะนี้ราคาหุ่นปรับลดลง หลังบริษัทเข้าเป็นดิสทริบิวเตอร์รายหลักที่ติดต่อโดยตรงกับผู้ผลิตในจีนทำให้สามารถลดราคาค่าเช่า-ขายหุ่นลงได้ 15-20% หรือเริ่มต้นประมาณ 1.3-1.5 หมื่นบาทต่อเดือน จากเดิมอยู่ที่ 1.5-1.7 หมื่นบาทต่อเดือน ช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ง่ายขึ้น

เช่นเดียวกับราคาของหุ่นยนต์ชนิดอื่น ๆ มีแนวโน้มลดลงเช่นเดียวกันด้วยผลของขนาดตลาดทั่วโลกที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ผู้ผลิตมีการประหยัดต่อขนาด หรือ economies of scale ดีขึ้น จนสามารถจำหน่ายหุ่นยนต์ในราคาถูกลงได้ ตัวอย่างเช่น หุ่นรุ่นขึ้นลิฟต์ได้นั้น เมื่อก่อนราคาสูงหลักล้านกว่าบาท ปัจจุบันลดลงมาครึ่งหนึ่ง เช่น จาก 1.2 ล้านบาท ตอนนี้สามารถซื้อได้ในราคาแสนกลาง

ADVERTISMENT

ขณะเดียวกันแนวโน้มค่าแรงที่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้การใช้หุ่นยนต์มีความคุ้มค่ามากขึ้น เมื่อเทียบกับการจ้างพนักงานเพิ่ม อีกทั้งยังมีข้อได้เปรียบทางอ้อมอย่าง การลดภาระงานของพนักงานลง ช่วยให้พนักงานให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น และเมื่อลูกค้าได้รับบริการดีขึ้น รายได้จะเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับอัตราการลาออกของพนักงานลดลง ผู้ประกอบการจึงมีต้นทุนด้านบริหารลดลงตามไปด้วย

ทั้งนี้ สะท้อนจากผลของการเข้าไปทำตลาดในภาคอีสาน ซึ่งมีธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟต์ระดับเอสเอ็มอี ให้ความสนใจและเริ่มเช่าซื้อหุ่นยนต์ไปใช้หลายราย

“จากการสำรวจ-พูดคุยกับลูกค้า บรรดาร้านที่นำหุ่นไปใช้หลายแห่งไม่ได้ลดพนักงานลง เพราะนำหุ่นไปใช้สนับสนุนการทำงานของพนักงานมากกว่า สอดคล้องกับฟีดแบ็กของพนักงานที่เมื่อหุ่นขัดข้องต่างต้องการให้ทีมรีบเข้าไปซ่อม เช่นเดียวกับข้อมูลของหุ่นที่ทำงานในร้านสุกี้สไตล์บุฟเฟต์แห่งหนึ่งมีระยะเดินไกลถึงวันละ 10 กิโลเมตร”

ขณะเดียวกันด้านการแข่งขันนั้นเริ่มมีผู้เล่นเข้ามาในตลาดมากขึ้น ทั้งผู้ผลิตหุ่นที่เพิ่มจาก 2 ยี่ห้อ เป็น 3-4 ยี่ห้อ มาจากหลายประเทศ ซึ่งมีระดับราคาและจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไป เช่นเดียวกับดิสทริบิวเตอร์ที่เริ่มผุดขึ้นตามภาคต่าง ๆ ของประเทศเพื่อรองรับดีมานด์ในพื้นที่รวมประมาณ 3-4 ราย เช่น ดิสทริบิวเตอร์ของหุ่นยนต์แบรนด์ PUDU มีกระจายในภาคต่าง ๆ ของไทย

อย่างไรก็ตาม คาดว่าดีมานด์ในเซ็กเมนต์ร้านอาหารอาจไม่เติบโตหวือหวาเหมือนช่วงที่ผ่านมาแล้ว เนื่องจากเชนขนาดใหญ่ที่มีสาขาเยอะได้นำหุ่นยนต์ไปใช้งานกันเกือบครบทุกรายและทุกสาขาที่ใช้งานได้แล้ว ส่วนกลุ่มเอสเอ็มอีที่เป็นลูกค้าใหม่นั้น ด้วยขนาดของธุรกิจอาจมีมูลค่าการซื้อไม่สูงนัก ทำให้หลังจากนี้ต้องมองหาโอกาสสร้างการเติบโตในเซ็กเมนต์อื่น ๆ เพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้เริ่มเจาะเซ็กเมนต์ใหม่ ๆ แล้ว

 

ขนทัพหุ่นรุ่นใหม่รุกโรงงาน-โรงพยาบาล

นายนภดลกล่าวถึงทิศทางธุรกิจหุ่นยนต์ของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 นี้ และปี 2567 ว่า จะโฟกัสการเจาะเซ็กเมนต์ใหม่ ๆ พร้อมเดินสายทำตลาดแบบออฟไลน์อย่างการออกบูทในอีเวนต์ต่าง ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างการเติบโตเช่นเดียวกับช่วงแรกของเซ็กเมนต์ร้านอาหาร โดยจะโฟกัสไปที่โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ที่อยู่อาศัย และอาคารสำนักงาน ด้วยทัพหุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่มีฟังก์ชั่นแตกต่างจากการใช้งานในร้านอาหาร เช่น หุ่นยนต์ที่สามารถขึ้นลิฟต์ได้ หุ่นยนต์ทำความสะอาดเชิงพาณิชย์ เป็นต้น

โดยโรงงานอุตสาหกรรมนั้น แม้จะมีการใช้งานหุ่นยนต์ขนส่ง หรือ automated guided vehicle (AGV) อยู่แล้ว แต่มีค่าใช้จ่ายสูง ราคาเริ่มต้นระดับหลักล้านบาท รวมถึงออกแบบมาใช้ในการขนวัสดุอุปกรณ์น้ำหนักมากระดับหลายร้อยถึงหลายพันกิโลกรัม ทำให้หลายโรงงานที่สินค้า-วัตถุดิบน้ำหนักไม่มากนัก อาจไม่คุ้มค่าที่จะนำมาใช้และเกิดเป็นช่องว่างของตลาด

ด้วยเหตุนี้ บริษัทจะส่งหุ่นยนต์ขนส่งแบบรองรับน้ำหนักระดับ 80-100 กิโลกรัม เข้าไปตอบโจทย์ของโรงงานผลิตชิ้นส่วน-อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โรงงานผลิตเลนส์แว่นตา ฯลฯ ด้วยจุดแข็งอย่างราคาและค่าใช้จ่ายในการติดตั้งที่จับต้องได้ง่ายกว่า รวมถึงใช้ข้อได้เปรียบของการมีทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ ช่วยให้มีความยืดหยุ่นในการเทเลอร์เมดการทำงานของหุ่นยนต์ตามโจทย์ของโรงงานแต่ละแห่งด้วย เช่น เรียก-สั่งงานหุ่นด้วยการสแกนบาร์โค้ดแทนการสั่งงานผ่านแอป เป็นต้น

ส่วนเซ็กเมนต์โรงพยาบาล ที่อยู่อาศัยและอาคารสำนักงาน จะส่งหุ่นยนต์ขนของที่สามารถใช้งานลิฟต์ในอาคารได้ ซึ่งปัจจุบันราคาลดลงมาในระดับที่จับต้องง่ายขึ้น เช่นเดียวกับหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่สามารถถู-ขัดพื้นได้ ซึ่งจะตอบโจทย์การลดภาระงานและความสะดวกในการส่งอุปกรณ์หรือสินค้าต่าง ๆ และการทำความสะอาดในโรงพยาบาล คอนโดมิเนียมและสำนักงาน

ด้านการทำตลาดจะเดินสายออกบูทและเปิดให้ทดลองใช้งานหุ่นยนต์ในงานอีเวนต์เชิงธุรกิจต่าง ๆ โดยวางแผนไว้อย่างน้อย 2 งาน ที่ไบเทค บางนา ทั้งนี้ เพื่อเข้าถึงลูกค้าที่มีศักยภาพได้ตรงกว่าออนไลน์ พร้อมกับจับมือพันธมิตรจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องมาช่วยโปรโมต อาทิ ปัจจุบันในโชว์รูมลิฟต์ของมิตซูบิชิบางสาขาจะมีหุ่นยนต์รุ่นขึ้นลิฟต์ได้ของบริษัทอยู่ด้วย

สำหรับเป้าหมายในปี 2566 นี้ กรรมการผู้จัดการ ไอดิโอ เทค ย้ำความมั่นใจว่า จากการเดินหน้าทำการตลาดเพื่อเจาะเซ็กเมนต์ใหม่และทัพสินค้าใหม่ จะช่วยให้สามารถมียอดขาย-เช่าหุ่นยนต์ได้อย่างน้อย 50 ตัวขึ้นไปแน่นอน หลังปัจจุบันมียอดสั่งแล้วประมาณ 20 ตัว และมีลูกค้าที่กำลังทดลองใช้งานอีกหลายราย