MK กางตำราสู้ดิสรัปต์ ปรับแผนตั้งรับ-ระวังเกมบุก

บนเส้นทางของธุรกิจร้านอาหารมูลค่า 4 แสนล้านบาท ถือเป็นตลาดที่ใหญ่และมีช่องว่างอีกมาก แต่หากพูดถึงสุกี้ ใครหลายคนต้องนึกถึง “เอ็มเค” เป็นชื่อแรก ๆ ซึ่งปัจจุบัน เอ็มเค สุกี้ ก้าวเข้าสู่ 34 ปี หลังเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลลาดพร้าว และวันนี้ ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอาหารรายนี้มีร้านแบรนด์ต่าง ๆ ในความดูแลมากกว่า 10 แบรนด์ อาทิ เอ็มเค, ยาโยอิ, มิยาซากิ, ร้านอาหารไทย ณ สยาม, ร้านอาหารไทย เลอสยาม, ร้านกาแฟเบเกอรี่เลอเพอพิท และร้านขนมหวานเอ็มเคฮาร์เวสต์ ล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมา ได้เข้าซื้อกิจการของแหลมเจริญซีฟู้ด และยังไม่หยุดขยายสาขาเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“ฤทธิ์ ธีระโกเมน” ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน ติดอาวุธ Startup&SMEs เศรษฐกิจสร้างสรรค์ จัดโดยทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ปีที่ยากลำบากของร้านอาหารประธานบริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป เริ่มต้นสนทนาว่า ในปี 2563 ถือว่าเป็นปีที่ธุรกิจร้านอาหารต้องเผชิญกับความลำบาก จากปัจจัยลบที่มีมากกว่าปัจจัยบวก จะเห็นว่าปีที่ผ่านมา ภาคอุตสาหกรรมต่างได้รับผลกระทบจากการค้าระหว่างประเทศ และค่าเงินบาทแข็ง ทำให้กำลังซื้อยังไม่กลับมา มิหนำซ้ำในปีนี้ยังต้องเผชิญกับสงครามการค้าระหว่างอิหร่านกับสหรัฐอเมริกา รวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าทำให้นักเที่ยวลดลง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารที่มีสาขาในแหล่งท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

ดังนั้น ผู้ประกอบการร้านอาหารต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่ต้องแข่งขันกับใคร ต้องแข่งกับตัวเอง ชูเรื่องคุณภาพ การให้บริการ รวมถึงควบคุมต้นทุนอย่างรัดกุม และพัฒนาต่อยอดธุรกิจไปอย่างต่อเนื่อง

ยกตัวอย่าง เช่น เอ็มเคต้องปรับตัวตลอดเวลา และจะใช้วิธีการก๊อบปี้ไอเดียจากร้านอาหารต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ต่อยอดในการทำธุรกิจ เพราะโลกนี้คือโลกของการก๊อบปี้ พร้อมปรับแนวคิดองค์กร ระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ ผ่านการอบรมเพื่อรับรู้ถึงเป้าหมายให้มองไปในทิศทางเดียวกัน

เดินหน้าขยายสาขา-แบรนด์ใหม่

“ฤทธิ์” ขยายความต่อไปว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันมีความหลากหลาย และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และรองรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

สำหรับยุทธศาสตร์ของเอ็มเค จากนี้ไปจะมีทั้งการพัฒนาแบรนด์ขึ้นมาเอง การซื้อแฟรนไชส์มาบริหาร และการซื้อกิจการ ไปจนถึงการร่วมทุนต่าง ๆ สามารถไปได้ทุกรูปแบบ ไม่มีข้อจำกัด เนื่องจากมองว่าตลาดร้านอาหารยังมีช่องว่างอีกมาก แต่ต้องใช้เวลาศึกษาตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค

“อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า ปีนี้ต้องเตรียมตัวตั้งรับในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ปีบุกเหมือนที่ผ่านมา เพราะต้องระมัดระวังในการขยายธุรกิจ”

ขณะเดียวกัน สิ่งที่ยังต้องทำ คือ เดินหน้าขยายสาขาของแบรนด์ที่มีความแน่นอนสูง ได้แก่ เอ็มเค และยาโยอิ ซึ่งเป็นหัวหอกในการสร้างการเติบโต โดยหลัก ๆ จะเน้นเข้าไปเปิดในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงน้อย ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เช่น ศูนย์การค้า หรือตามแหล่งชุมชนหนาแน่น เป็นต้น ควบคู่กับทำแคมเปญพิเศษทางการตลาด ร่วมกับพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ

ล่าสุดได้ร่วมมือกับแบรนด์ชานมไข่มุกเสือพ่นไฟ นำ 2 เมนู คือ นมสดพี่เสือพ่นไฟ และชานมพี่เสือพ่นไฟ เข้ามาจำหน่ายในร้านเอ็มเคทุกสาขาทั่วประเทศ เป็นระยะเวลา 2 เดือน และต่อไปก็จะมีแคมเปญใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนร้านอาหารเอ็มเค บุฟเฟต์ ปัจจุบันมี 10 สาขา เป็นสาขาที่ไม่ได้ทำกำไร และไม่ตรงกับคอร์แวลูของบริษัท ที่กินเอ็มเคเพื่อสุขภาพ แต่เป็นร้านที่เปิดมาเพื่อศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น ชอบทานเมนูไหนมากสุด หรือไม่ชอบเมนูไหน จะได้นำมาวิเคราะห์เพื่อปรับเมนูให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค

นอกจากนี้ เอ็มเคยังต้องปรับตัวเพื่อรับมือการแข่งขันในยุคดิจิทัล ในปีที่ผ่านมาเริ่มปรับตัวนำเทคโนโลยีมาใช้ อาทิ แอปพลิเคชั่นสำหรับการจองคิวเพิ่มความสะดวกและรวดเร็ว ถือว่าได้รับการตอบรับจากคนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี และหลังจากนี้ มีแผนจะพัฒนาระบบเอไอเข้ามาช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค เพื่อให้นำมาปรับปรุงและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคได้

เตรียมเปิดสาขาแหลมเจริญ

แม่ทัพใหญ่เอ็มเคเล่าให้ฟังว่า ในปีที่ผ่านมาหลังจากได้เข้าลงทุน 65% ในบริษัท แหลมเจริญซีฟู้ด จำกัด ซึ่งทำธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม มีมูลค่าลงทุนประมาณ 2,060 ล้านบาท ได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนความคิดกับเจ้าของร้านอาหารแหลมเจริญ ใช้ระยะเวลาคุยนานกว่า 1 ปี ปัจจัยหลักเกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างเอ็มเค กับแหลมเจริญฯ ที่มีวิสัยทัศน์และไลฟ์สไตล์ตรงกัน และมองว่าร้านอาหารแหลมเจริญฯเป็นร้านอาหารซีฟู้ดที่มีคุณภาพ มีสาขากว่า 26 สาขา สามารถขยายธุรกิจได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

อีกทั้งเอ็มเคจะมีหน้าที่ขยายสาขาให้ได้อย่างครอบคลุม รวมถึงการใช้เครือข่ายครัวกลาง ระบบขนส่ง โลจิสติกส์ต่าง ๆ ร่วมกันได้ ตลอดจนอำนาจการต่อรองในเรื่องของทำเล ค่าเช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้า และการแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน เพื่อนำไปปรับใช้ทำการตลาด และกิจกรรมส่งเสริมการขาย

โดยปีนี้เตรียมขยายสาขาร้านอาหารแหลมเจริญซีฟู้ด ประมาณ 6-7 สาขา และวางเป้าหมายภายใน 3 ปี จะขยายเพิ่มเป็นเท่าตัว พร้อมเตรียมความพร้อมระบบโลจิสติกส์ เนื่องจากวัตถุดิบของแหลมเจริญฯเป็นอาหารทะเล เป็นของสดต้องมีระบบการจัดการที่ดี คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี เพื่อที่จะซัพพลายอาหารและวัตถุดิบไปทุกสาขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เบรกขยายสาขาใน ตปท.

ปัจจุบันบริษัทใช้ 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ เอ็มเค สุกี้ ยาโยอิ และมิยาซากิ เป็นหัวหอกในการทำตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เวียดนาม และลาว มีทั้งในรูปแบบของการไปลงทุนเอง และขายแฟรนไชส์ให้กับนักลงทุน หรือผู้ประกอบการที่สนใจ ส่วนปี 2563 ต้องหยุดการขยายสาขาไว้ 1 ปี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังชะลอตัวอยู่

ส่วนอนาคตหากมีโอกาสขยายสาขาไปต่างประเทศจะต้องคิดโมเดลและเมนูใหม่ ให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศนั้น ๆ เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคในแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน พร้อมควบคุมคุณภาพเมนูให้ได้มาตรฐานเดียวกัน โดยจะมีทีมงานโอเปอเรชั่นและเจ้าหน้าที่ฝ่ายคิวซีเข้าไปทดสอบอย่างต่อเนื่อง

“หัวเรือใหญ่ เอ็มเค กรุ๊ป ย้ำว่า ณ วันนี้ เราไม่ได้ถูกดิสรัปต์ด้วยโปรดักต์ แต่ถูกดิสรัปต์กับสิ่งรอบข้าง ทำให้ต้องสปีดตัวเองอย่างต่อเนื่อง”

“ถือว่ายาก แต่ต้องเริ่มทำ”