ราชบัณฑิตยสภาออกแถลงการณ์แสดงจุดยืน พร้อม 3 ข้อเสนอมาตรการควบคุมกัญชา
วันที่ 25 กรกฎาคม 2565 ราชบัณฑิตยสภาแถลงการณ์จุดยืนของการใช้กัญชาและผลิตภัณฑ์
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
- กองทุนประกัน อนุมัติจ่ายเงิน 7.29 พันล้าน มี.ค.-เม.ย. รับรองมูลหนี้เพิ่ม 560 ล้าน
- ล้งกระหน่ำทุบราคามังคุด จากโลละ 200 เหลือ 60 บาท
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 29 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ. 2565 (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565)
ข้อ 1 (3) กำหนดให้ “สารสกัดจากทุกส่วนของกัญชาหรือกัญชง ซึ่งเป็นพืชในสกุล Cannabis ยกเว้นสารสกัดดังต่อไปนี้
(ก) สารสกัดที่มีสารเตตระไฮโดรแคนนาบินอล (ทีเอชซี) [tetrahydrocannabinol, (THC)] ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนักเฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้สกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชงที่ปลูกภายในประเทศ
(ข) สารสกัดจากเมล็ดของพืชกัญชาหรือกัญชงที่ได้จากการปลูกภายในประเทศ” เป็นผลให้ทุกส่วนของพืชกัญชาไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 อีกต่อไป ทั้งนี้ มีผลเมื่อครบกำหนด 120 วัน ตั้งแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตรงกับวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา
ราชบัณฑิตยสภาในฐานะองค์กรปราชญ์ของแผ่นดิน “เป็นสถานที่บำรุงสรรพวิชา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสถาปนาขึ้น
มีวัตถุประสงค์ที่จะค้นคว้าและวิจัยเพื่อเผยแพร่ ส่งเสริม แลกเปลี่ยนความรู้ พัฒนา อนุรักษ์ และให้บริการทางวิชาการให้เป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศและประชาชน”
สำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสภา ได้เฝ้ามองและติดตามผลจากการออกประกาศดังกล่าวด้วยความห่วงใยต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชน
โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต ประกอบกับในช่วงสุญญากาศที่รัฐสภากำลังพิจารณาร่างกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ราชบัณฑิตยสภาจึงขอเสนอ
1.ให้รัฐมีมาตรการควบคุมการใช้กัญชาและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาเฉพาะในทางการแพทย์เท่านั้น และจัดให้มีมาตรการป้องปรามมิให้มีการนำไปใช้เพื่อนันทนาการโดยเด็ดขาด
และขอให้รัฐออกมาตรการควบคุมการโฆษณาในสื่อต่าง ๆ ทุกรูปแบบ เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างหรือเป็นภาพชินตาของการใช้กัญชาและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาต่อเด็กและเยาวชน ตลอดจนประชาชนทั่วไปในระยะยาว
2.การใช้กัญชาและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาในทางการแพทย์ ควรมีผลการวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และให้มีหลักฐานเชิงประจักษ์สนับสนุนด้านประสิทธิศักย์ (efficacy) ความปลอดภัย (safety) และคุณภาพ (quality) อย่างแท้จริงก่อนที่จะอนุญาตให้มีการใช้ในวงกว้าง
นอกจากนั้น การผลิตวัตถุดิบกัญชาที่ใช้ทางการแพทย์ รัฐควรจัดให้มี “แนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับเกษตรกรรมและการเก็บเกี่ยว (จีเอซีพี) [Good Agricultural and Collection Practice (GACP)]” เพื่อประกันคุณภาพและความปลอดภัยของวัตถุดิบกัญชา
3.ให้รัฐจัดให้มีการติดตามและเฝ้าระวังเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์และผลข้างเคียงของกัญชาและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาตามหลักวิชาการที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติอย่างเคร่งครัด
และควบคุมการใช้ในทางที่ผิด เพื่อป้องกันปัญหาระยะยาวอันเกิดจากกัญชาที่มีต่อสุขภาพ สังคม และประเทศชาติในอนาคต