เบนซ์เอาแน่ประกอบ “มายบัค” ลั่นมีแค่ 2 ประเทศมั่นใจตลาดมีดีมานด์

เบนซ์ มายบัค

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ใช้ไทยเป็น 1 ใน 2 ฐานประกอบรถยนต์อัลตราลักเซอรี่ “เมอร์เซเดส-มายบัค” หลังใช้เวลาศึกษาตลาดพักใหญ่ พบลูกค้าไทยมีความต้องการจำนวนมาก ประเดิมรุ่นปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นแรก พร้อมประกาศทิศทางใหม่ในการสร้างสรรค์บูทแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ ในมอเตอร์เอ็กซ์โป

นายโรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทใช้ระยะเวลาศึกษาความต้องการตลาดรถยนต์ในกลุ่มอัลตราลักเซอรี่ในประเทศไทย พบว่า ลูกค้าชาวไทยให้การตอบรับเป็นอย่างดี ล่าสุดบริษัทมีแผนจะใช้ประเทศไทยเป็นฐานประกอบรถยนต์ เมอร์เซเดส-มายบัค ซึ่งจะเป็น 1 ใน 2 ประเทศ คือไทยและจีน ที่ได้ขึ้นไลน์ประกอบ นอกประเทศเยอรมนี

เบนซ์ตามแผนงานจะเริ่มขึ้นไลน์ประกอบได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 โดยรถที่จะใช้ประกอบรุ่นแรก จะเป็นรถในกลุ่มปลั๊ก-อิน ไฮบริด ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเรื่องจำนวนเงินลงทุน รวมทั้งกำลังการผลิตได้ แต่จากการศึกษาพบว่ามีลูกค้าชาวไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ส่วนการประกอบครั้งนี้เบื้องต้นจะเป็นการประกอบเพื่อรองรับความต้องการของตลาดในประเทศเป็นหลักก่อน ส่วนแผนประกอบเพื่อส่งออกนั้นคงอีกสักระยะ เมอร์เซเดส-มายบัค ได้รับความนิยมจากกลุ่มประเทศภูมิภาคอาเซียนและเอเชียด้วย

เบนซ์ “ก่อนหน้านี้ เมอร์เซเดส-มายบัค ได้เปิดตัวเอสยูวีระดับอัลตราลักเซอรี่รุ่น GLS 600 4MATIC Premium ที่ถือเป็นที่สุดแห่งนวัตกรรมจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงการแนะนำ มายบัค S 580 4MATIC Premium รุ่นประกอบนอก โดยที่ผ่านมาได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม วันนี้เรายังจะเพิ่ม มายบัค S 680 4MATIC Premium เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกใหม่ของยนตรกรรมสุดหรูหราในตระกูลนี้ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับเฟิรสต์คลาสและความสะดวกสบายเหนือระดับให้กับลูกค้าอีกหนึ่งรุ่น”

โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้แต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการแบบเอ็กซ์คลูซีฟทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ เบนซ์บีเคเค กรุ๊ป, ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์, สตาร์แฟลก และทีทีซี มอเตอร์

สำหรับ เมอร์เซเดส-มายบัค ถือเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมที่ทั้งหรูหรา สะดวกสบาย และพร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ตอบรับทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริงแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดรถยนต์ระดับอัลตราลักเซอรี่ในประเทศไทยนั้นเติบโตไปในทิศทางที่ดี และด้วยความพรั่งพร้อมในทุก ๆ ส่วน ทั้งในด้านการผลิต การจัดเตรียมอะไหล่ ตลอดจนการบริการหลังการขายจากทีมงานที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างเข้มข้นภายใต้มาตรฐานระดับสากล

ด้านนายบีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด กล่าวถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของเราภายในการจัดงานแสดงรถยนต์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 39 ที่กำลังจะมาถึงในช่วงเดือนธันวาคมนี้ เริ่มตั้งแต่การเลือกใช้ “ดิจิทัลไกด์” เพื่อให้คำแนะนำและนำเสนอข้อมูลรถยนต์ด้วยความเชี่ยวชาญในรูปแบบดิจิทัล โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเพศใด การนำเสนอบูทเมอร์เซเดส-เบนซ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Vision of the Beyond” ในรูปแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่ลูกค้าสามารถเข้ามาโต้ตอบกับ AI Artist โดยจะแสดงข้อความต้อนรับเข้าสู่บูทแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ดื่มด่ำกับประสบการณ์ใหม่ของการเลือกชมรถยนต์รุ่นใหม่ได้อย่างสอดคล้องกับตัวตน และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนอย่างเต็มที่ผ่านแพลตฟอร์ม Midjourney

เบนซ์โดยมีไฮไลต์ของรถยนต์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นมากมายมาให้ลูกค้าได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นยนตรกรรมไฟฟ้า 100% ที่ประกอบในประเทศอย่าง “EQS 500 4MATIC AMG Premium” รวมถึง “Mercedes-AMG SL 43” ยานยนต์สปอร์ตพลังแรงตามแบบฉบับรถยนต์เอเอ็มจีที่แฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตัวจริงรอคอย และ “Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic” ยานยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นใหม่ในตระกูล C-Class ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้และได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม