10 เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

อุตสาหกรรมรถอีวี- สถานีชาร์จ
ภาพ : ซิตี้แบงก์

กระแสความร้อนแรงของรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ทำให้หลายคนที่อยากเปลี่ยนความจำเจจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันมาเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของรถอีวีสักคัน ต้องดูปัจจัยอะไรบ้าง

“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวม 10 เรื่องต้องรู้ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

1. ดูเงินในกระเป๋า ว่าระดับราคาใดเหมาะกับเราที่สุด เพราะรถยนต์ไฟฟ้ามีระดับราคาตั้งแต่ 5 แสนบาทไปจนถึง 5-6 ล้านบาท

2. ดูความต้องการใช้งาน เรื่องนี้ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อน เราใช้รถแบบไหน เช่น

– ใช้ในชีวิตประจำวันขับจากบ้านไปที่ทำงาน กลางวันอาจะออกไปกินข้าวกับเพื่อนบ้าง เย็นขับกลับจากที่ทำงานแวะร่วมโต๊ะอาหารกับแม่ เสร็จแล้วตรงกลับบ้านระยะทางไม่เกิน 100 กม. แบบนี้รุ่นไหนก็ได้เพราะปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้ามีระยะทางการวิ่งตั้งแต่ 200 กม.ขึ้นไปจนถึง 500 กม.

– ถ้ามีอาชีพเซลล์หรืออื่นๆ ใช้งานเยอะวิ่งวันหนึ่ง 300-400 กม. อยากเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แบบนี้ต้องเลือกแบตเตอรี่ที่มีความจุเยอะหน่อยสามารถใช้งานได้ครอบคลุมกับระยะทางการวิ่ง

– หรือมีเป็นคันที่สอง ที่สามของบ้าน อยากตอบโจทย์รักษ์โลก ใช้รถแบบชิลๆ ไม่รีบร้อน เงื่อนไขเปิดแบบนี้ เลือกรุ่นที่ชื่นชอบได้เลย

3. พิจารณาสเป็กของรถ เช่น ระยะการขับขี่ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ขนาดมอเตอร์ขับเคลื่อน และขนาดความจุแบตเตอรี่ รวมถึงระบบระบายความร้อนของแบตเตอร์รี่ ซึ่งสามารถหาได้จากโปรชัวร์การขาย หรือเว็บไซต์ของแบรนด์ต่างๆ

4. การรับประกัน โดยเฉพาะตัวอุปกรณ์ต่างๆ และแบตเตอรี่ ส่วนใหญ่ตัวรถและอุปกรณ์มีวอร์แรนตี 5 ปี 100,000 กม. ขณะที่แบตเตอรี่ 5-10 ปีแล้วแต่ยี่ห้อ

5. ออปชัน และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เดี๋ยวนี้การซื้อสินค้าควรมองเรื่องความคุ้มค่า รถอีวีบางรุ่นใส่ออปชั่นมากเกินไป ทำให้ระดับราคารถสูงจนเอื้อมถึงยาก วิธีเลือกให้ดูตามความจำเป็น เช่น ระบบความปลอดภัย Adaptive Cruise Control หรือระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ, ซันรูฟ, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ, กล้องรอบคัน 360องศา ส่วนออโตไพลอต บ้านเรายังไม่มีความจำเป็น ยิ่งการจราจรบ้านเรายังไงคงต้องใช้ความระมัดระวังจากผู้ขับขี่เองจะโอเคกว่า

6. เซอร์วิส ข้อนี้สำคัญ แบรนด์ไหนมีศูนย์บริการเยอะย่อมได้เปรียบ อย่างไปเชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้าไม่เสีย แบรนด์ที่มีศูนย์บริการไม่เยอะ เวลามีปัญหาขึ้นมาไมเกรนถามหาแน่

7. หาความรู้เพิ่มเติมเรื่องการชาร์จ เนื่องจากเครื่องชาร์จมีทั้งแบบ AC และ DC  ปกติแนะนำให้ชาร์จแบบ AC (Normal Charge) หรือไฟฟ้ากระแสสลับเป็นระบบไฟฟ้าแรงดัน 220 โวลต์ ที่ใช้กันในบ้านทั่วไปผ่าน Wallbox ระยะเวลาการชาร์จก็ประมาณ 7-8 ชม. กลางคืนเสียบ เช้าเต็มใช้งานต่อได้เลย ส่วนเครื่องชาร์จแบบ DC (Quick Chrge) หรือไฟฟ้ากระแสตรง ชาร์จได้เร็วกว่าปกติ แต่ไม่ควรชาร์จบ่อยเพราะระหว่างชาร์จแบตเตอรี่จะเกิดความร้อนทำให้อายุการใช้งานสั้นลง ขณะที่หัวชาร์จที่มีหลากหลายแบบ เดี๋ยวนี้แต่ละตู้ชาร์จมีมาให้ครบ

8.อัตราการชาร์จไฟ เรียนรู้ไว้ครับ ค่ายไหนคิดเท่าไหร่อย่างไร ถ้าชาร์จที่บ้านตัวเอง ช่วงออนพีค ราวๆ ยูนิตละ 5 บาท ออฟพีค 2.5 บาท ส่วนของอีวีสเตชั่น (ปตท) ออนพีค 7. 5 บาท ออฟพีค 4.5 บาท ของ PEA พอๆ กับปตท.

9. เบี้ยประกันภัย เรื่องใหญ่เลยครับควรศึกษาให้ดี เนื่องจากเบี้ยประกันรถอีวีมีราคาที่สูงกว่ารถใช้น้ำมัน เพราะอุปกรณ์บางชิ้นเช่นแบตเตอรี่มีราคาแพง แต่ส่วนใหญ่คนซื้อรถจะไม่สนใจเพราะเดี๋ยวนี้เกือบทุกแบรนด์แถมฟรีประกันภัยแต่แค่ปีแรกนะครับ  หลังจากผ่านไป 1 ปีต้องจ่ายเบี้ยประกันเองจะรู้สึกว่ากระทบเงินในกระเป๋ามากเลย

10. รถยนต์ไฟฟ้าสามารถลุยน้ำได้ลึกแค่ไหน บ้านเราฝนตกนิดหน่อยน้ำท่วมแล้ว ต้องตรวจสอบให้ดีครับ อย่างลืมการลุยน้ำกับการแช่น้ำต่างกัน ในสเป็กของแต่ละยี่ห้อจะบอกรายละเอียดไว้ครบถ้วน รถอีวีนั้นส่วนประกอบสำคัญคือ มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ทั้งนี้ได้มีการทดสอบ IP Rating (Ingress Protection) ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานในการป้องกันของแข็งและของเหลวเล็ดลอดเข้าไปภายในแบตเตอรี่ เพื่อไม่ให้เกิดการรั่วไหลของไฟฟ้าแรงสูงในกรณีที่รถจมอยู่ใต้น้ำ รถยนต์ไฟฟ้าโดยทั่วไประดับการทดสอบอยู่ที่ IP67 การันตีว่าสามารถป้องกันความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมไม่เกิน 1 เมตรได้ภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไรเพราะอยู่สูงระดับฝากระโปรงหน้ารถ