
ค่ายรถเพิ่มกลยุทธ์เข้มบริการหลังการขาย หวังดึงดูดใจลูกค้า ชูจุดแข็ง “เซอร์วิส” แน่น การันตีมาตรฐาน ศูนย์บริการครอบคลุม เตรียมพร้อมก่อนตลาดฟื้น ด้านโตโยต้าเผยลูกค้ายังมั่นใจรถกลุ่มไฮบริด ยอดขายสูงต่อเนื่อง ลั่นดูแลตั้งแต่วันแรกจนตลอดอายุการใช้งาน อีซูซุย้ำคุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่น ซูซูกิตุนอะไหล่ให้บริการยาวไม่น้อยกว่า 10 ปี มาสด้ายึดลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง
เผยยอดขายรถ 3 เดือนแรก
แหล่งข่าวจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ หอการค้าญี่ปุ่น เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงยอดขายรถยนต์ในเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมาว่า มียอดขายประมาณ 55,230 คัน แบ่งเป็น โตโยต้า 21,700 คัน, อีซูซุ 7,000 คัน, ฮอนด้า 7,950 คัน, มิตซูบิชิ 2,823 คัน, มาสด้า 675 คัน, เอ็มจี 1,670 คัน, นิสสัน 593 คัน, ฟอร์ด 1,734 คัน, ซูซูกิ 401 คัน, เกรท วอลล์ฯ 1,003 คัน, เนต้า 237 คัน, บีวายดี&เดนซ่า 3,500 คัน, เทสล่า 310 คัน, ฉางอาน 600 คัน, จีเอซี 1,091 คัน, เอ็กซ์เผิง 134 คัน, เชอรี่ 276 คัน, จีลี 312 คัน และอื่น ๆ 3,221 คัน
ขณะที่ยอดขายประมาณการในไตรมาสแรกอยู่ที่ 152,625 คัน โดยตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาจะเห็นว่าตลาดรถยนต์ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว มาตรการปล่อยสินเชื่อความเข้มข้น เป็นผลต่อเนื่องมาจากปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งการเข้ามาทำตลาดและการแข่งขันด้านราคาจำหน่ายของค่ายรถยนต์จีน
เน้นกลยุทธ์ดูแลหลังการขาย
ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมาชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในปี 2567 ไทยมีปริมาณการผลิตรถยนต์ในปีที่ผ่านมา มีจำนวน 1.47 ล้านคัน แบ่งเป็นในประเทศ 4.6 แสนคัน ลดลง 32.9% และตลาดส่งออก 1.01 ล้านคัน ลดลง 12% ยอดขายตลาดรถยนต์ ปี 2567 ทำได้ 572,000 คัน ลดลง 26.2% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 340,000 คัน ลดลง 16.4% ปิกอัพ 160,000 คัน ลดลงถึง 38.3% รถปิกอัพดัดแปลง หรือพีพีวี 37,000 คัน ลดลง 38.9% รถประเภทอื่น ๆ 32,000 คัน ลดลง 25.9%
จากสภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวม บวกกับบสภาพของตลาดรถยนต์ ส่งผลให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ต่างหันมาปรับกลยุทธ์ในการดูแลลูกค้า และการส่งเสริมการขาย รวมไปถึงการรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ให้ได้อย่างเหนียวแน่น และพยายามสร้างรายได้ให้กับตัวแทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่ถือเป็นนโยบายหลักในการดูแลและให้บริการหลังการขายลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลลูกค้าให้สมบูรณ์ทั้งห่วงโซ่
โตโยต้าชี้ไฮบริดแรงไม่ตก
นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และคณะผู้บริหารระดับสูง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลง ปีที่ผ่านมายอดขายกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) อยู่ที่กว่า 200,000 คัน เติบโตขึ้น 10% คิดเป็น 35% ของยอดขายรถยนต์รวม โดยการเติบโตดังกล่าวมาจากยอดขายรถยนต์ HEV โตขึ้น 29% ส่วนยอดขายรถ BEV ลดลง 8% สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับจากลูกค้าชาวไทยที่เลือกรถยนต์ไฮบริด โดยคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งานจริง
โตโยต้ามียอดขายสูงสุดในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า xEV และกลุ่มตลาดรถยนต์ไฮบริด ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในรถยนต์ไฮบริดโตโยต้า หรือ “Trusted HEV” ที่เป็นจุดแข็ง นอกจากนี้ลูกค้ายังให้ความเชื่อมั่นการบริการหลังการขาย ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึง
เน้นดูแลตลอดอายุการใช้งาน
โตโยต้าเล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ เดินหน้าสู่การเป็นองค์กรแห่งการขับเคลื่อน Mobility Company ผ่านการดูแลลูกค้าอย่างครบวงจร เพื่อให้ผู้ใช้รถเกิดความมั่นใจ อุ่นใจ ตลอดการใช้งาน หรือเรียกอีกอย่างว่า “Toyota Trusted Services” ประสบการณ์แห่งการบริการในการสร้างความเชื่อมั่นและความอุ่นใจให้แก่ลูกค้า นับตั้งแต่ก้าวแรกที่เป็นลูกค้าโตโยต้าไปตลอดการใช้งาน
“โตโยต้า สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าเมื่อต้องเดินทางไปทั่วไทย คือ Physical Touchpoint การบริการหลังการขายที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน เพื่อให้ลูกค้าใช้รถได้อย่างมั่นใจในทุกเส้นทาง ด้วยศูนย์บริการมาตรฐานกว่า 450 แห่ง ทั่วประเทศ ศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีกว่า 250 แห่ง ด้วยทีมช่างผู้ชำนาญที่ผ่านการอบรมและรับรองจากโตโยต้า ฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ในหลักสูตรมาตรฐานญี่ปุ่น ให้บริการด้วยอะไหล่แท้ (Toyota Genuine Parts) ในราคาที่เหมาะสม และไม่ต้องรอนาน”
นายโนริอากิกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ โตโยต้ายังมีศูนย์บริการทางเลือก FIX FIT ศูนย์บริการซ่อมรถยนต์ทางเลือกใหม่ ให้บริการทุกยี่ห้อ และ T-OPT อะไหล่ทางเลือก คุณภาพมาตรฐานระดับ OEM
“อีซูซุ” ตอกย้ำคุณภาพญี่ปุ่น
นายทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า แบรนด์อีซูซู ภายใต้แนวคิด Isuzu Trusted Buddy อีซูซุเคียงข้างคุณ เพื่อตอกย้ำแบรนด์อีซูซุที่ผู้ใช้ชาวไทยไว้วางใจตลอด 68 ปีที่ผ่านมา ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงตามแบบฉบับญี่ปุ่น สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ชาวไทยอย่างแท้จริง คือ คุณภาพดีที่สุด ประหยัดน้ำมันมากที่สุด ทนทานที่สุด คุ้มค่าเงินสูงสุด พร้อมการบริการดูแลและสร้างความพอใจแก่ผู้ใช้ตลอดอายุการใช้งานอย่างต่อเนื่อง
ซูซูกิชู “Suzuki Worry Free”
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ซูซูกิมีแผนที่จะยกระดับงานบริการในทุกด้าน เพื่อดูแลลูกค้าด้วยความจริงใจ และสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
หลังจากเดินหน้าแผนงานเพื่อยกระดับงานบริการและอะไหล่ในหลายด้าน
ทั้งการแนะนำแคมเปญ “Suzuki Worry Free” โดยลูกค้ารับฟรีค่าแรงเช็กระยะ สูงสุด 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร, ขยายการรับประกันงานซ่อมและอะไหล่แท้ทุกชิ้น นานถึง 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร (โดยอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) จากเดิมที่รับประกันเพียง 3 เดือน หรือ 5,000 กิโลเมตร, บริการพิเศษรถสำรองใช้ระหว่างซ่อม
เร่งขยายศูนย์ครบ 100 แห่ง
รวมทั้งเดินหน้าพัฒนาศูนย์บริการ 91 แห่ง และขยายให้ครบ 100 แห่งภายในปีนี้ ควบคู่ไปกับการขยายเปิดศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานซูซูกิ จาก 41 แห่ง เป็น 50 แห่งในปีนี้ และซูซูกิจะยังคงพัฒนาการยกระดับงานบริการแบบ S-Solution เพื่อสร้างความมั่นใจในงานบริการแก่ลูกค้าทุกขั้นตอนผ่าน Hello Suzuki Application เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในด้านต่าง ๆ
ทั้งเตรียมระบบจัดการอะไหล่รถยนต์ทุกรุ่นที่จำหน่ายภายในประเทศ จากคลังอะไหล่ 2 แห่ง คืออ่อนนุช กรุงเทพฯ และ จ.ระยอง รวมถึงมีคลังอะไหล่ของผู้จำหน่ายทั่วประเทศ มีอะไหล่จัดเก็บรวมมากถึง 741,000 ชิ้น มีเป้าหมายรองรับความต้องการของลูกค้าได้ไม่น้อยกว่า 10 ปี นับจากวันที่สิ้นสุดการผลิตและมีบริการจัดส่งอะไหล่แบบเร่งด่วนภายใน 24 ชั่วโมง ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และพื้นที่อื่น ๆ ภายใน 48 ชั่วโมง
มาสด้ายึดลูกค้าจุดศูนย์กลาง
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหาร & ซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ใช้กลยุทธ์ Joy Drives Lives มาใช้กับการทำตลาด เน้นการนำลูกค้ามาเป็นศูนย์กลางของการทำงานของมาสด้า ตามแนวทาง Management Policy ประกอบด้วย ผู้จำหน่าย พนักงาน และที่สำคัญสูงสุด คือลูกค้า ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ (Customer Centric)
แม้ว่ามาสด้าใช้นโยบายปรับพื้นฐานรื้อโครงสร้างเครือข่ายการจัดจำหน่าย เพื่อเตรียมความพร้อมกับยอดขายที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยพยายามรักษาฐานลูกค้าและสร้างเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่แข็งแรง
ปัจจุบันมาสด้ามีโชว์รูมทั้งสิ้น 84 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็น กรุงเทพฯ และปริมณฑล 19 โชว์รูม และต่างจังหวัด 65 แห่ง รองรับลูกค้า 250,000 คันต่อปี ควบคู่โดยจะใช้กลยุทธ์ PMA ใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึง
ฟอร์ดเน้นดูแลทั่วถึงทุกพื้นที่
เช่นเดียวกับ นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฟอร์ดมุ่งเน้นให้ความสำคัญการบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง โดยทำงานร่วมกับผู้แทนจำหน่าย หรือดีลเลอร์ เพื่อพยายามสร้างความแตกต่างในการให้บริการลูกค้า โดยเฉพาะ Service Convenient ที่ฟอร์ดทำต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 2 ปี
ปัจจุบันฟอร์ดมีโชว์รูมอยู่ที่ 148 แห่ง นโยบายให้ดีลเลอร์ดูแลลูกค้าและพยายามเพิ่ม Service Convenient เข้าไปมากขึ้น เช่น ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องการเข้าใช้งานบริการหลังการขายจะต้องใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที
เอ็มจี ชี้ซื้อรถแค่จุดเริ่มต้น
นายซู๋ว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด (MG) เปิดเผยว่า เอ็มจี เชื่อว่าการซื้อรถเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทาง และได้กำหนดนิยามใหม่ของการบริการลูกค้า e-Workshop ที่ทันสมัย และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการบริการหลังการขายด้วยการตรวจสอบแบบเรียลไทม์
“เราจะติดตามรถยนต์ลูกค้าตั้งแต่เข้ารับบริการจนถึงส่งมอบ ลูกค้าจะรับทราบความคืบหน้าของรถยนต์ได้ทุกที่ทุกเวลาผ่าน MG App หรือ MG LINE Official Account และสร้างช่องทางติดต่อโดยตรงระหว่างลูกค้าและสำนักงานใหญ่ของเอ็มจี ให้ทุกข้อเสนอแนะและความกังวลได้รับการดูแลและแก้ไขอย่างรวดเร็ว และเรารักษาจำนวนชิ้นส่วนอะไหล่สำรองให้ได้ถึง 99% การันตีว่าอะไหล่ที่คุณต้องการจะมีพร้อมใช้งานอยู่เสมอ รวมถึงมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมงด้วย”
อัพเดตโชว์รูมรถในเมืองไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันค่ายรถยนต์แต่ละแบรนด์มีโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ในประเทศไทย อัพเดตล่าสุด โตโยต้า มีกว่า 450 แห่ง, อีซูซุ 331 แห่ง, ฮอนด้า 224 แห่ง, นิสสัน 136 แห่ง, มิตซูบิชิ 190 แห่ง,
ซูซูกิ 91 แห่ง, มาสด้า 84 แห่ง, ฟอร์ด 148 แห่ง, เอ็มจี 141 แห่ง, GWM 68 แห่ง, NETA 56 แห่ง, AION 58 แห่ง, CHANGAN 38 แห่ง, ฮุนได 36 แห่ง, โอโมด้า แอนด์ เจคู 34 แห่ง, RIDDARA 18 แห่ง, ZEEKR 4 แห่ง, XPENG 11 แห่ง