Market-think : อีวีจีนมาแล้ว

BYD
คอลัมน์​ : Market-think 
ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์

ถ้าย้อนดูข่าวเก่า ๆ คนในวงการรถยนต์ไม่มีใครเชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี จะเข้ามาแย่งตลาดรถยนต์ที่ใช้น้ำมันได้

ส่วนใหญ่บอกว่าต้องใช้เวลาหลายสิบปี

เพราะเมื่อ 4-5 ปีก่อน รถยนต์อีวียังเป็นวุ้นอยู่เลยครับ

มีแต่กระแส มีแต่ความหวัง แต่ไม่เป็นความจริงเสียที

แต่ละค่ายขายกันแค่หลักสิบหลักร้อยคัน

ผมเคยถามคนในวงการรถยนต์เมื่อ 5 ปีก่อนว่า อีก 5 ปีข้างหน้า รถยนต์อีวีจะมีส่วนแบ่งการตลาดเท่าไร

ทุกคนส่ายหน้า ส่วนใหญ่จะฟันธงว่าไม่เกิน 10%

อยู่ในระดับเลขตัวเดียว

เจ้าตลาดที่เป็นค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น หรือรถยุโรป จึงไม่ยอมบุกตลาดนี้อย่างจริงจัง

เคยเอามาทดลองตลาดไม่กี่รุ่น แต่ขายไม่ได้ เพราะราคาสูงมาก

ในขณะที่โครงข่ายการชาร์จไฟก็ยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ

แต่ใครจะไปนึกว่าวันหนึ่งค่ายรถยนต์จากจีนจะเข้ามาบุกตลาดนี้อย่างรวดเร็ว

อย่าลืมว่าแม้ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ ครองตลาดมากที่สุดในโลก

แต่ก็เป็นเจ้าตลาดเฉพาะรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน
ไม่ใช่รถอีวี

“จีน” ต่างหากที่เป็นเจ้าตลาดรถอีวี

ดังนั้น เมื่อค่ายรถยนต์อีวีบุกเข้าตลาดเมืองไทยอย่างเต็มตัว และใช้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่ทำให้รถอีวีราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท

ยอดขายรถอีวีก็เริ่มขยับตัวสูงขึ้น

โดยมี MG เป็นหัวหอก

ตามมาด้วย เกรท วอลล์ และ BYD

ในงานมอเตอร์โชว์ที่เพิ่งจบไป น่าจะเป็นการประกาศศักดาของรถอีวีและค่ายรถยนต์จากเมืองจีนอย่างแท้จริง

ยอดจองรถยนต์ทั้งหมดในงาน 42,885 คัน

เป็นรถอีวี 9,234 คัน

หรือ 21.53%

และเกิน 80% เป็นรถยนต์จากจีน

น่าตกใจไหมครับ

รถยนต์ไฟฟ้ามียอดการจอง 1 ใน 4 ของยอดจองรถยนต์ทั้งหมด

แม้ไม่ได้บ่งบอกถึงส่วนแบ่งการตลาดที่แท้จริง

แต่เห็นตัวเลขแบบนี้ ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นก็คงหนาวเหมือนกัน

เพราะยอดจองในงานคือภาพสะท้อนความต้องการของผู้บริโภค

ครับ รถอีวีมาแล้ว

และมันมาจริง ๆ

ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็น 2 เรื่อง

เรื่องแรก คนไทยยอมรับรถยนต์จากเมืองจีนแล้ว

เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อรถยนต์จากค่ายเมืองจีน จะคล้าย ๆ กับที่เคยรู้สึกกับเครื่องใช้ไฟฟ้าจีนเมื่อ 20 ปีก่อน

ไม่มั่นใจ ไม่ไว้ใจ

แต่ตัวเลขยอดจองและยอดขายของค่ายรถยนต์จีนในงานบอกให้รู้ว่า คนไทยเปิดรับรถยนต์จากจีนแล้ว

ไม่ติดกับแบรนด์เดิม ๆ

เรื่องที่สอง การทำนายอนาคตต้องไม่ยึดติดกับอดีตมากเกินไป

เพราะถ้าดูกราฟยอดขายรถยนต์อีวีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เส้นกราฟจะเติบโตอย่างช้า ๆ

ค่อย ๆ กระดึ๊บขึ้นมาเหมือนหนอน

ถ้ามองกราฟแบบนี้ เจ้าตลาดจะวางใจเพราะคิดว่าอัตราการเติบโตจะประมาณนี้ไปเรื่อย ๆ

แบบนี้รถอีวีคงแทรกเข้ามาได้ยาก

แต่โลกยุคใหม่ที่กระแสดิสรัปต์มาแรง

กราฟที่ดูจากอดีต จะวัดอนาคตไม่ได้เลย

รถอีวีก็เช่นกัน เมื่อถึงจุดที่ “ใช่”

การเติบโตจะก้าวกระโดดเป็นเส้นกราฟแบบเอ็กซ์โพเนนเชียล

2-3 ปีนี้เห็นได้ชัดเจน

โลกธุรกิจยุคใหม่ “ผู้นำ” จึงต้องมีความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา

อย่าไว้ใจข้อมูลในอดีตและปัจจุบัน

ต้องไหวตัวให้เร็ว

เหมือนคนที่เห็นน้ำทะเลแห้ง

ต้องตระหนักรู้ว่า “สึนามิ” กำลังมา

จะทำอะไรก็รีบทำ