
คอลัมน์ : Market-think ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์
ถ้าย้อนดูข่าวเก่า ๆ คนในวงการรถยนต์ไม่มีใครเชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี จะเข้ามาแย่งตลาดรถยนต์ที่ใช้น้ำมันได้
ส่วนใหญ่บอกว่าต้องใช้เวลาหลายสิบปี
- จับตาธุรกิจเลิกจ้าง ปิดกิจการ ส่งออกสะดุด-บริษัทยักษ์ย้ายฐาน
- เช็กเงื่อนไขกู้ “ออมสิน” ปลดหนี้นอกระบบ คุณสมบัติผู้กู้ต้องมีอะไรบ้าง ?
- หุ้นกู้ออกใหม่เดือน ธ.ค. บริษัทแห่ระดมทุน จูงใจจ่ายดอกเบี้ยสูง 7%
เพราะเมื่อ 4-5 ปีก่อน รถยนต์อีวียังเป็นวุ้นอยู่เลยครับ
มีแต่กระแส มีแต่ความหวัง แต่ไม่เป็นความจริงเสียที
แต่ละค่ายขายกันแค่หลักสิบหลักร้อยคัน
ผมเคยถามคนในวงการรถยนต์เมื่อ 5 ปีก่อนว่า อีก 5 ปีข้างหน้า รถยนต์อีวีจะมีส่วนแบ่งการตลาดเท่าไร
ทุกคนส่ายหน้า ส่วนใหญ่จะฟันธงว่าไม่เกิน 10%
อยู่ในระดับเลขตัวเดียว
เจ้าตลาดที่เป็นค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น หรือรถยุโรป จึงไม่ยอมบุกตลาดนี้อย่างจริงจัง
เคยเอามาทดลองตลาดไม่กี่รุ่น แต่ขายไม่ได้ เพราะราคาสูงมาก
ในขณะที่โครงข่ายการชาร์จไฟก็ยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ
แต่ใครจะไปนึกว่าวันหนึ่งค่ายรถยนต์จากจีนจะเข้ามาบุกตลาดนี้อย่างรวดเร็ว
อย่าลืมว่าแม้ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ ครองตลาดมากที่สุดในโลก
แต่ก็เป็นเจ้าตลาดเฉพาะรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน
ไม่ใช่รถอีวี
“จีน” ต่างหากที่เป็นเจ้าตลาดรถอีวี
ดังนั้น เมื่อค่ายรถยนต์อีวีบุกเข้าตลาดเมืองไทยอย่างเต็มตัว และใช้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่ทำให้รถอีวีราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท
ยอดขายรถอีวีก็เริ่มขยับตัวสูงขึ้น
โดยมี MG เป็นหัวหอก
ตามมาด้วย เกรท วอลล์ และ BYD
ในงานมอเตอร์โชว์ที่เพิ่งจบไป น่าจะเป็นการประกาศศักดาของรถอีวีและค่ายรถยนต์จากเมืองจีนอย่างแท้จริง
ยอดจองรถยนต์ทั้งหมดในงาน 42,885 คัน
เป็นรถอีวี 9,234 คัน
หรือ 21.53%
และเกิน 80% เป็นรถยนต์จากจีน
น่าตกใจไหมครับ
รถยนต์ไฟฟ้ามียอดการจอง 1 ใน 4 ของยอดจองรถยนต์ทั้งหมด
แม้ไม่ได้บ่งบอกถึงส่วนแบ่งการตลาดที่แท้จริง
แต่เห็นตัวเลขแบบนี้ ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นก็คงหนาวเหมือนกัน
เพราะยอดจองในงานคือภาพสะท้อนความต้องการของผู้บริโภค
ครับ รถอีวีมาแล้ว
และมันมาจริง ๆ
ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็น 2 เรื่อง
เรื่องแรก คนไทยยอมรับรถยนต์จากเมืองจีนแล้ว
เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อรถยนต์จากค่ายเมืองจีน จะคล้าย ๆ กับที่เคยรู้สึกกับเครื่องใช้ไฟฟ้าจีนเมื่อ 20 ปีก่อน
ไม่มั่นใจ ไม่ไว้ใจ
แต่ตัวเลขยอดจองและยอดขายของค่ายรถยนต์จีนในงานบอกให้รู้ว่า คนไทยเปิดรับรถยนต์จากจีนแล้ว
ไม่ติดกับแบรนด์เดิม ๆ
เรื่องที่สอง การทำนายอนาคตต้องไม่ยึดติดกับอดีตมากเกินไป
เพราะถ้าดูกราฟยอดขายรถยนต์อีวีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เส้นกราฟจะเติบโตอย่างช้า ๆ
ค่อย ๆ กระดึ๊บขึ้นมาเหมือนหนอน
ถ้ามองกราฟแบบนี้ เจ้าตลาดจะวางใจเพราะคิดว่าอัตราการเติบโตจะประมาณนี้ไปเรื่อย ๆ
แบบนี้รถอีวีคงแทรกเข้ามาได้ยาก
แต่โลกยุคใหม่ที่กระแสดิสรัปต์มาแรง
กราฟที่ดูจากอดีต จะวัดอนาคตไม่ได้เลย
รถอีวีก็เช่นกัน เมื่อถึงจุดที่ “ใช่”
การเติบโตจะก้าวกระโดดเป็นเส้นกราฟแบบเอ็กซ์โพเนนเชียล
2-3 ปีนี้เห็นได้ชัดเจน
โลกธุรกิจยุคใหม่ “ผู้นำ” จึงต้องมีความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา
อย่าไว้ใจข้อมูลในอดีตและปัจจุบัน
ต้องไหวตัวให้เร็ว
เหมือนคนที่เห็นน้ำทะเลแห้ง
ต้องตระหนักรู้ว่า “สึนามิ” กำลังมา
จะทำอะไรก็รีบทำ