คอลัมน์ : Pawoot.com ผู้เขียน : ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ
เมื่อการเมืองกำลังเปลี่ยนไป แลนด์สเคปของการทำธุรกิจก็น่าจะเปลี่ยนด้วย ตอนนี้วิธีคิดของคนในสังคมเปลี่ยนไปแล้ว เห็นได้ชัดจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่ผ่านมา และธุรกิจเองก็เริ่มเปลี่ยนไปเยอะมากด้วย
ผมลองคิดเล่น ๆ ว่าในเชิงธุรกิจจะเป็นอย่างไรในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่ก่อนอื่นกว่าจะมาถึงวันนี้ ผมต้องย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน ราวปี 2013 ตอนนั้นน่าจะยังเป็นยุค 3G อยู่เลย อินเทอร์เน็ตยังไม่รวดเร็วแบบวันนี้ เฟซบุ๊กยังไม่มา ยังเป็น hi5 โซเชียลมีเดียยังเป็นของเล่นอยู่ ยังไม่ได้นำมาใช้ในเชิงธุรกิจ ในยุคนั้นคนยังไม่ได้แห่เข้ามาในโลกออนไลน์มากนัก
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
- ล้งกระหน่ำทุบราคามังคุด จากโลละ 200 เหลือ 60 บาท
- เงื่อนไข ธอส. จัดเงินฝากออมทรัพย์ “เก็บออม” ดอกเบี้ยสูง 1.95%
วันนี้ผมจึงอยากพาทุกท่านไปดูโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยลองถามใน ChatGPT ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไรบ้าง ผมก็ไปเจอบทความหนึ่งใน LinkedIn ที่เป็นบุคคลคนหนึ่งที่เป็น CEO ของบริษัทแห่งหนึ่งที่เหมือนกับของ ChatGPT เลย
7 เมกะเทรนด์ธุรกิจที่เจอแน่ในอีก 10 ปีข้างหน้า
- remote work เช่น การทำงานที่บ้าน ตอนนี้บริษัทเทคโนโลยีในโลกหลาย ๆ แห่งมีการเรียกร้องให้คนกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ แต่หลาย ๆ บริษัท หรือน้อง ๆ ที่ผมเห็นในวงการเทคโนโลยี เช่น บริษัท peek ทำเกี่ยวกับบัญชี หรือ wisesight ทำเกี่ยวกับ social listening ที่มีพนักงานเกือบ 200 คนก็มีนโยบายให้ทำงานที่บ้านสลับกับเข้าออฟฟิศ ส่วนออฟฟิศไม่สามารถจุคนเกือบสองร้อยคนได้ ถ้ามาพร้อมกันก็คงเกิดปัญหาได้
หรือส่วนตัวผมเองก็ทำงานที่บ้านเป็นหลัก เข้าออฟฟิศอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง แต่ประชุมกับทีมทางออนไลน์ทุกวันเช้า-เย็น ผมค่อนข้างเชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนวิธีการทำงานไปเลยโดยสิ้นเชิง
2. AI อันนี้ผมว่ามาแน่ ส่วนตัวถ้าใช้เป็นจะติดเลย อย่างตอนนี้ผมยังถาม AI เรื่องเทรนด์นี้เลย ล่าสุดผมไปประชุม การจะพรีเซนต์ต่าง ๆ ก็ต้องมีเทคนิค ผมใช้วิธีการเล่าเรื่องโดยให้ ChatGPT แต่งนิทานให้ โดยกำหนดให้มีหัวข้อต่าง ๆ เป็นภาษาไทย และอยากได้ภาพประกอบผมก็เข้าไปที่ Midjourney ให้สร้างภาพประกอบให้ เท่านี้ผมก็สามารถสร้างเรื่องราวออกมาได้เสร็จเรียบร้อย
หรือแม้แต่ต้องการแต่งเพลงของบริษัทโดยให้ข้อมูลและบริการที่ต้องการใส่ลงไป AI สามารถแต่งเพลงพร้อมคอร์ดมาให้เรียบร้อยได้เลย จะเห็นว่า ณ วันนี้ AI ที่ยังถือว่าเป็นแค่ขั้นเบสิกยังสามารถช่วยชีวิตคนทำงานได้มากขนาดนี้เลยทีเดียว
ในแต่ละวันจะมีน้อง ๆ มาแนะนำ AI กันมากมาย ล่าสุดผมลองใช้ ChatPDF ที่สามารถอัพโหลดไฟล์ PDF จำนวนมากเข้าไปแล้ว AI จะสรุปคำตอบออกมาให้ในเวลาอันสั้น ขนาดตอนนี้ตัว AI มันยังแยกกันอยู่ แล้วลองคิดดูว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า AI จะเก่งจะต่อยอดตัวเองออกไปเรื่อย ๆ แล้วจะเป็นอย่างไร แล้วจะกลายเป็นว่าต่อไปรอบ ๆ ตัวเราจะมี AI ทั้งหมดเลย
3. sustainability & circular economy อันนี้ผมค่อนข้างชอบและเห็นด้วยอย่างมาก ซึ่งวันนี้เริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ผมเองก็เพิ่งไปลงทุนเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิตมา จึงเริ่มมาสนใจ ตอนนี้ในฝั่งทางด้านยุโรปก็มีการพูดถึงเรื่องนี้มากขึ้น หรือ ESG แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน คนก็เริ่มพูดถึงเรื่องเหล่านี้มากขึ้นด้วยเหมือนกัน
ตอนนี้ทางฝั่งยุโรปจะเริ่มพูดถึงเรื่องของคาร์บอนเครดิต บริษัทไหนที่ส่งออก หรือผลิตสินค้าแล้วส่งไปที่ยุโรปก็ต้องมาดูเรื่องของคาร์บอนฟุตพรินต์กันแล้ว และล่าสุดผมไปถามน้อง ๆ ที่ทำสตาร์ตอัพที่ทำเรื่องของคาร์บอนฟุตพรินต์ เป็นแพลตฟอร์มที่มีเครื่องมือในการแทร็กติดตามได้ เช่น เดือนหนึ่งเราผลิตคาร์บอน 100 ตัน เราจะหา carbon offset ตัวไหนที่มาชดเชยออกไป ฯลฯ
ตอนนี้เรื่องของ sustainability และ circular economy คนกำลังเริ่มสนใจเรื่องของสภาพแวดล้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ และผมเชื่อได้เลยว่าต่อไปในแง่ของการคมนาคมต่าง ๆ รถที่ใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิลหรือน้ำมันใน 10 ปีข้างหน้าจะน้อยลงมาก แม้ว่าตอนนี้เราใช้รถที่เป็นไฟฟ้า แต่ก็เป็นไฟฟ้าที่เป็นแบตเตอรีจากแร่แรร์เอิร์ทต่าง ๆ อยู่ แต่ก็มีการผลิตแบตเตอรี่จากเกลือกันแล้ว หรือเทคโนโลยีหนึ่งที่ในยุโรปก็มีการใช้เตาปฏิกรณ์ขนาดเล็กใช้ปฏิกิริยาฟิวชั่นที่จะไม่เกิด waste
มองไปอีก 10 ปีข้างหน้าบอกได้เลยว่าพลังงานต่าง ๆ น่าจะเป็นพลังงานสะอาดเยอะขึ้นมาก พลังงานจะถูกลงมากเพราะมีหลายแหล่ง
4. personalized and experience based marketing การตลาดแบบเฉพาะเจาะจง วันนี้เราเริ่มเห็นกันแล้ว อย่างการยิงแอดที่เริ่มเห็นแอดต่างกัน จะเห็นโฆษณาที่ทาร์เก็ตเฉพาะกับแต่ละคนเลย เริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมันกำลังมีการใช้ข้อมูลมหาศาลเพื่อพยายามปรับแต่งข้อมูลทางการตลาดและสินค้าต่าง ๆ ให้ตรงกับเฉพาะบุคคล และนับวันยิ่งแม่นยำมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม้ช่วงที่ผ่านมาจะมีการพูดถึงกฎหมายต่าง ๆ ที่ปกป้อง PDPA ฯลฯ แต่เทคโนโลยีก็จะเก่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมเชื่อว่าในอนาคตโฆษณาจะแม่นยำแบบขายกำหนดคนได้เลย รู้ว่าคน ๆ นี้ต้องการอะไรและทำโฆษณาเพื่อคนคนนั้นโดยเฉพาะเลย
5. gig economy อย่างที่เราทราบกัน ใครอยากจะออกมาขับ Grab ก็ออกมา ใครอยากจะออกมาขายอาหารก็ขาย อยากจะทำอะไรก็ทำได้โดยเข้าไปใช้แพลตฟอร์ม เช่น อยากทำฟรีแลนซ์ก็เข้าไปในเว็บไซต์ Freelancebay.com หรือ Faskwork อยากรับงานก็กดเปิด ไม่อยากรับงานก็กดปิด
กลายเป็นว่า gig economy นับวันจะเริ่มโตมากขึ้นเรื่อย ๆ และดูแนวโน้มว่าหลายคนจะเข้าไปอยู่มากขึ้น และจะกลายเป็นอาชีพอีกสายหนึ่ง เพราะอนาคตแพลตฟอร์มจะโตขึ้นไปเรื่อย ๆ และจะเปิดโอกาสทำให้ดีมานด์และซัพพลาย หรือคนที่เป็น workforce ที่ทำงานได้เข้าสู่แพลตฟอร์มมากขึ้น และเป็นตัวกลางทำให้ผู้ซื้อและผู้ขาย หรือผู้ให้บริการเจอกันได้ง่ายมากขึ้น
6. space economy ในอีก 10 ปีข้างหน้าผมว่ามาแน่นอน เพราะตอนนี้เราเห็นแล้วว่าการส่งจรวดแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก เมื่อก่อนปีหนึ่งส่งได้ไม่กี่ลำ ตอนนี้กลายเป็นว่าอย่าง spaceX สามารถส่งจรวดติดต่อกัน 2 ลำ ใช้เวลาห่างกันเพียง 32 ชั่วโมงเท่านั้น
เรื่องอวกาศเป็นเรื่องที่เราจะได้ยินข่าวอวกาศมากขึ้นเรื่อย ๆ จะเริ่มมีเอกชนเข้าสู่ธุรกิจทางด้านอวกาศ อนาคตเราน่าจะเห็นธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องอวกาศมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนที่เราจะเห็นก็คือ space travel การท่องเที่ยวในอวกาศ ซึ่งเห็นแล้วคือ Virgin Galactic ของ Richard Branson ที่เปิดโอกาสให้คนซื้อตั๋วขึ้นไปอยู่ในชั้นบรรยากาศในสภาพไร้แรงดึงดูดได้
7. quantum computing ตอนนี้เราได้ยินคำว่า quantum มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่จะเห็นว่ามันยังอยู่ในแล็บ ยังอยู่กับบริษัทขนาดใหญ่ Google, Microsoft ทำควอนตัม
quantum เป็นอีกเทคโนโลยี จากเดิมที่เคยใช้ CPU ของอินเทล ใช้ Cal-Comp ในโทรศัพท์มือถือ CPU เหล่านี้จะใช้หลักการของดิจิทัล 0101 แต่ในควอนตัมจะเป็น 00 หลักการคำนวณของควอนตัมจะละเอียดกว่า เร็วกว่าไม่รู้กี่ร้อยเท่าพันเท่า ทำให้เราใช้เวลาในการคำนวณเร็วกว่ามาก ๆ
quantum computing กำลังจะเริ่มเข้ามาแล้ว และผมเชื่อว่าในอนาคตมันจะเริ่มเข้าสู่ภาคธุรกิจ และค่อย ๆ ไหลเข้าสู่บุคคล ฉะนั้นใน 10 ปีเราจะได้เห็นการใช้งาน quantum computing ในพวกเราแน่ ๆ