เกมชนะศึก…เทคโนโลยีที่เปลี่ยนการต่อสู้ในเมียนมา

drone
คอลัมน์ : Pawoot.com
ผู้เขียน : ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หากใครได้ติดตามข่าวสารเรื่องสงครามระหว่างกองกำลังผสมของชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่ถือว่าเป็นฝ่ายต่อต้านของรัฐบาลนั้น ได้มีการต่อสู้ปะทะกับกองทัพทหารเมียนมา สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากเรื่องของการเปลี่ยนแปลงในการสู้รบครั้งนี้คือ มีกองกำลังกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า “กองกำลังป้องกันประชาชน (PDF)” ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ฉะนั้นเมื่อเป็นคนรุ่นใหม่จึงมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือในการสู้รบสงครามในครั้งนี้ ผมจึงจะหยิบประเด็นเรื่องนี้เพื่อมาพูดคุยในบทความนี้

การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการสู้รบในเมียนมาได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการต่อสู้ และสร้างผลกระทบทั้งในแง่ของยุทธวิธีและผลลัพธ์ทางสงครามอย่างมากมาย ด้วยความขัดแย้งที่ยืดเยื้อและซับซ้อนในเมียนมา ทั้งกองกำลังของชาติพันธุ์และกองทัพรัฐบาลต่างก็มีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการทางทหาร และเพื่อการต่อสู้ที่มีประสิทธิผลมากขึ้น การใช้เทคโนโลยีในสงครามที่เมียนมาสามารถแบ่งออกเป็นหลายด้านต่าง ๆ ดังนี้ :

1.การใช้โดรน : มีการนำโดรนเข้ามาใช้เพื่อโจมตีเป้าหมายที่สำคัญ โดยติดระเบิดไปกับโดรน นอกจากนี้โดรนยังถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในการสำรวจและเฝ้าระวัง โดรนช่วยให้ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่อาจเป็นอันตรายหรือยากต่อการเข้าถึงได้ ทำให้สามารถเก็บข้อมูลข่าวกรองได้ทั้งก่อนและหลังการปฏิบัติการ อีกทั้งยังสามารถใช้ในการโจมตีเป้าหมายจากระยะไกลได้อย่างแม่นยำ

2.การใช้เทคโนโลยีในการสื่อสาร : การสื่อสารที่ปลอดภัย เป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำเนินการทางทหาร ทั้งชาติพันธุ์กะเหรี่ยง และกองทัพเมียนมาต่างใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่มีการเข้ารหัสลับเพื่อป้องกันการดักฟังจากฝ่ายตรงข้าม

นอกจากนี้ยังมีการใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายในการส่งข้อมูลและสั่งการที่เร็วขึ้น

3.การใช้เทคโนโลยีในการติดตามและเฝ้าระวัง : การใช้กล้อง CCTV และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ช่วยให้กองกำลังสามารถตรวจสอบพื้นที่ควบคุมได้ทั่วถึงและต่อเนื่อง ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการป้องกันและตอบโต้การโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามได้

ADVERTISMENT

4.การใช้เทคโนโลยีแม่นยำในการโจมตี : การพัฒนาและใช้เครื่องมือทางทหารที่มีความแม่นยำสูง เช่น ระบบนำวิถีของจรวดและอาวุธอัจฉริยะ ได้ทำให้การโจมตีเป้าหมายมีความเที่ยงตรงและลดโอกาสในการสร้างความเสียหายต่อพลเรือนได้

5.การใช้ 3D Print มาผลิตอาวุธปืน : ทางฝั่งของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลได้มีการนำ 3D Print มาใช้ผลิตอาวุธปืนอย่าง FGC-9 เพื่อใช้ในการต่อสู้กับกองกำลังทหารจากเมียนมา นอกจากการนำมาผลิตอาวุธปืนแล้ว ยังรวมไปถึงการนำมาใช้ผลิตอุปกรณ์ทางการรบต่าง ๆ จึงเป็นผลให้กลุ่มต่อต้านรัฐบาลมีแสนยานุภาพอาวุธใหม่ ๆ เพื่อมาใช้ต่อสู้ในครั้งนี้

ADVERTISMENT

การนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ในสงคราม ทำให้การต่อสู้มีความซับซ้อนและท้าทายยิ่งขึ้น แต่ละฝ่ายต้องพัฒนากลยุทธ์เพื่อเอาชนะเทคโนโลยีของอีกฝ่ายหนึ่ง การเข้าถึงและการควบคุมเทคโนโลยีเป็นส่วนสำคัญที่อาจกำหนดผลลัพธ์ของการสู้รบในอนาคต