30 กันยายน ชี้ชะตาประยุทธ์ บิ๊กแดง-บิ๊กแป๊ะ ขยับ พปชร. เขยื้อน

รอง

30 กันยายน 2565 เป็นวันชี้ชะตาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์พิพากษา-อ่านคำวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครบ 8 ปีหรือไม่

ถนนทุกสาย บทสนทนาทุกห้องประชุมคณะกรรมการระดับชาติ-ผู้บริหารพรรคการเมือง บอร์ดบริหารบริษัทธุรกิจหลายหมื่นล้าน-อาคารพาณิชย์ทุกคูหา ตลอดจนห้างร้าน-ตลาด-สภากาแฟ ระทึกไปกับผลทางกฎหมาย-ทางการเมือง

1 ตุลาคม 2565 อาจเป็นวันสิ้นสุดการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ หากศาลรัฐธรรมนูญสั่ง “ยุติบทบาท” นายกรัฐมนตรีไว้ที่ 8 ปี แต่เป็นวันแห่งการ “สิ้นสุดการรอคอย” ของนายทหาร-นายตำรวจนอกราชการที่พร้อมกระโดดลงสนามการเมืองเต็มตัว

บุคคลที่เร้นกาย-ถูกกล่าวขานว่าเป็น “ตัวละครหลังม่าน” การเมืองตลอด 2 ปีที่ผ่านมาจะออกมาเฉิดฉาย เป็น “ตัวละครสำคัญ” บนเวทีทางการเมือง และอาจจะกลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

บิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) หลังจากเกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 ชื่อนี้ยังคงก้องกังวานอยู่ในตลาดการเมือง

ด้วยข้อจำกัดทางกฎหมาย ขาดคุณสมบัติ-มีลักษณะต้องห้าม ไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เพราะเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หรือเคยเป็น ส.ว.และสมาชิกภาพสิ้นสุดลงยังไม่เกิน 2 ปี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (14)

ทำให้ “บิ๊กแป๊ะ” ต้อง “เว้นระยะห่าง” และได้รับมอบภารกิจอย่างลับ ๆ จากบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในพื้นที่ “อีสานเหนือ”

ทว่าการเจาะพื้นที่อีสานเหนือต้องเจอ “งานหิน” เพราะแคมเปญแลนด์สไลด์บวกกับฐานเสียงเก่าของพรรคเพื่อไทย ทำให้ “บิ๊กแป๊ะ” ต้องออกแรงมหาศาล

โจทย์ใหญ่ของผู้บริหารของพรรคพลังประชารัฐ คือ ทำอย่างไรให้รักษาเขตแดน-ฐานที่มั่นเดิมไว้ให้ได้-แฟนคลับ พล.อ.ประยุทธ์ 3 ล้านเสียงยังเหนียวแน่น-ไม่เปลี่ยนใจ

ยิ่งทุกกลุ่ม-ก๊วนในพรรคพลังประชารัฐรอลุ้นอนาคตทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ว่าจะ “รอด” หรือ “ร่วง” ทำให้ไม่มีนโยบายใหม่ที่จะไปสู้กับพรรคเพื่อไทย-นโยบายเฉพาะในแต่ละพื้นที่ให้ลงไปถึงโหวตเตอร์แต่ละช่วงอายุ

วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป หลังจากปลดล็อกจากพันธนาการ ส.ว.ครบ 2 ปี หาก “บิ๊กแป๊ะ” ยังคงปักหลักกับพลังประชารัฐ จะลงมาช่วยงานเต็มตัว และจะเป็น “จิ๊กซอว์” สำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้า

อีกคนหนึ่ง “อดีต ส.ว.” ที่กาชื่อออกจากกระดานอำนาจไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง คือ บิ๊กแดง-พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)

ปัจจุบัน “บิ๊กแดง” ดำรงตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการพระราชวัง-รองผู้อำนวยการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์

ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ชื่อ “บิ๊กแดง” จะถูกสปอตไลต์ส่อง-เรดาร์ทางการเมืองจับทุกความเคลื่อนไหว

ยิ่งหากวันที่ 30 กันยายน ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี “เป็นโทษ” กับ พล.อ.ประยุทธ์ อาจมีชื่อ “บิ๊กแดง” ถูกชูขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นตัวตายตัวแทน “ผบ.ทบ.รุ่นพี่”

โดยมี “พรรคเซนต์คาเบรียล” เป็นตัวเลือกแรก

อีก 1 คนที่รอแตะมือขึ้นสังเวียนการเมือง คือ “บิ๊กณัฐ” พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม “น้องเลิฟบิ๊กป้อม” ที่ติดสอยห้อยตาม พล.อ.ประวิตรไปทุกแห่งหนเป็นเงาตามตัว

แม้ “บิ๊กณัฐ” ยังติดกับดักพ้นจากตำแหน่ง ส.ว.ไม่ถึง 2 ปี แต่จะครบกำหนดในวันที่ 30 กันยายน 2566 ทำให้หลังการเลือกตั้งครั้งหน้าอาจจะได้เห็น “บิ๊กณัฐ” ออกมายืนอยู่แถวหน้าในพรรคพลังประชารัฐ

“วันนี้ทุกอย่างเหมือนกับหยุด เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ รอดู พล.อ.ประยุทธ์จะได้ไปต่อหรือไม่ ถ้าออกมาว่า อยู่ต่องานก็ไม่ได้บวกกับพลังประชารัฐมากนัก เพราะเป็นเรื่องของนโยบายและทิศทาง แต่ถ้าไม่ได้อยู่ต่อ พรรคก็ต้องหาทางเดินกันใหม่”

“ทุกคนรอวันที่ 30 กันยายน เพราะเป็นตัวแปรกำหนดทิศทางของแต่ละส่วนว่าจะเดินต่ออย่างไร ทุกอย่างนิ่งรอ ถ้าอยู่ต่อแล้วบ้านเมืองถูกปลุกกระแส ถ้าผลออกมาอยู่ต่ออีก 2 ปี จะเอา พล.อ.ประยุทธ์มาขายได้หรือไม่ หรือ พล.อ.ประยุทธ์จะมาเป็นหัวหน้าพรรคเอง ถ้าไม่ได้ไปต่อก็ต้องหาคนเล่นใหม่” ทุกองคาพยพในพรรคพลังประชารัฐกำลังรอทิศทาง-ครุ่นคิดไม่ว่าผลจะออกมาเป็นบวก-เป็นลบต่อ พล.อ.ประยุทธ์

หมากทุกตัวบนกระดานการเมืองรอขยับ-รอคำชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ชะตาวาระ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 30 กันยายนนี้