ครม.ไฟเขียวตั้งกองทุนพัฒนาวิสาหกิจ อุ้มเอสเอ็มอี 10 อุตสาหกรรม S-Curve

ทิพานัน ศิริชนะ
ทิพานัน ศิริชนะ

ครม.อนุมัติตั้งกองทุนพัฒนาวิสาหกิจ ยกระดับประสิทธิภาพกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ช่วยเหลือแหล่งทุน 10 อุตสาหกรรม S-Curve

วันที่ 18 ตุลาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการขอจัดตั้งกองทุนพัฒนาวิสาหกิจ ตามร่าง พ.ร.บ.กองทุนพัฒนาวิสาหกิจ พ.ศ. …. ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ โดยการจัดตั้งกองทุนพัฒนาวิสาหกิจ จะเป็นการยกระดับการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ (เดิม) ให้มีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

โดยจะเน้นการส่งเสริมสนับสนุนให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนและเพิ่มช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับวิสาหกิจที่มีศักยภาพ โดยมุ่งเน้นการให้กู้ยืมและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ SMEs ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และเป็นนิติบุคคลที่ไม่ใช่คนต่างด้าวเพื่อให้เพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถของผู้ประกอบการ รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและพัฒนาวิสาหกิจ

น.ส.ทิพานันกล่าวว่า กองทุนพัฒนาวิสาหกิจเป็นกองทุนที่ตั้งใหม่แทนกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ (เดิม) มีกลไกที่แก้ไขข้อขัดข้องของกองทุนเดิมให้หมดไป ซึ่งกองทุนนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาด้านมาตรฐาน การเพิ่มผลิตภาพและนวัตกรรมของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เป็นนิติบุคคลที่ประกอบกิจการ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (10 S-Curve) รวมถึงอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

“กองทุนจะส่งเสริมสนับสนุน ให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุน และเพิ่มช่องทาง เข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับวิสาหกิจที่มีศักยภาพ โดยมุ่งเน้นการให้กู้ยืมและให้ความช่วยเหลือแก่ SMEs ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายและเป็นนิติบุคคลที่ไม่ใช่คนต่างด้าวให้มีประสิทธิภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและพัฒนาวิสาหกิจตามที่ คกก.บริหารกองทุน เห็นสมควรด้วย” น.ส.ทิพานันกล่าว


น.ส.ทิพานันกล่าวว่า ในการบริหารงานและแหล่งเงินทุนจะมีความโปร่งใส ต้องมีการแสดงรายละเอียดของการบริหารทุนหมุนเวียน เช่น การบริหารกระแสเงินสดรับ-จ่ายจากการให้กู้ยืมแก่กลุ่มเป้าหมายในแต่ละปี หรือระบุให้ชัดเจนว่ามีแหล่งเงินทุนมาจากแหล่งใด และต้องช่วยเหลือแก่ SMEs อุตสาหกรรมเป้าหมายอย่างแท้จริง