จุดยืน สุดารัตน์ ไทยสร้างไทย ยอมเป็นฝ่ายค้าน ถ้าเพื่อไทยจับมือ พปชร.

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์”
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์”
คอลัมน์ : Politics policy people forum
ผู้เขียน : ณัฐวุฒิ กรัณยโสภณ

เป็นครั้งแรกที่ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง นำทัพผองเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ในนามพรรคไทยสร้างไทย ลงสนามเลือกตั้ง

หลังก่อนหน้านี้ “คุณหญิงสุดารัตน์” สมญานามเจ้าแม่ กทม. อยู่ใต้ชายคาพรรคพลังธรรม พรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย และในเงาของ “ทักษิณ ชินวัตร”

แต่วันนี้เธอแยกขาดไม่อยู่ใต้ร่มเงาของใคร เป็น “ไทยสร้างไทย” พรรคเดียวไม่เกี่ยวใคร “ประชาชาติธุรกิจ” สนทนากับ “คุณหญิงสุดารัตน์” ถึงจุดยืน จุดแข็งของพรรค หลังการเลือกตั้งจะจับมือกับใคร-ไม่จับมือกับใครร่วมรัฐบาล

ยอมเป็นพรรคฝ่ายค้านหรือไม่ จะทำอย่างไรให้คนรู้จักองคาพยพไทยสร้างไทย มากกว่ารู้จักแค่คำว่า “พรรคคุณหญิง”

จุดแข็งคน 3 กลุ่ม

“คุณหญิงสุดารัตน์” ฉายภาพองค์ประกอบพรรคไทยสร้างไทย อันเป็นจุดแข็งของพรรคอย่างแรกคือ “คน” 3 กลุ่ม ในพรรคแบ่งคนเป็น 3 กลุ่ม รุ่นใหญ่คิดตรงกัน เราต้องการแค่เป็น เสาเข็ม เป็นรากฐาน เป็นสะพานเชื่อมให้คนเก่ง ๆ แต่ละด้านเข้ามา เช่น ท่านโภคิน พลกุล ท่านอุดมเดช รัตนเสถียร และตัวเอง หลายคนจะอยู่ในกลุ่มนี้

กลุ่มที่ 2 คนที่เชี่ยวชาญในแต่ละด้านคือ คุณสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรค ซึ่งคุณสุพันธุ์มาจากธุรกิจ SMEs การจะแก้เศรษฐกิจได้ในวันนี้ ต้องทำให้ SMEs เป็นวาระแห่งชาติ ต้องทำให้ SMEs เข้มแข็ง เพราะ SMEs 3 ล้านราย จ้างงาน 17 ล้านคน ทั้งในและนอกระบบ มากกว่าอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ

ดังนั้น เราต้องแก้ pain point ของประเทศ คือต้องเอาคนรู้จริงที่จะสร้างพลังของคนตัวเล็ก SMEs และคุณฐากร ตัณฑสิทธิ์ อดีตเลขาธิการ กสทช. จะมาทำเรื่อง digital economy

กลุ่มที่ 3 คือคนรุ่นใหม่ จะทำอย่างไรให้คนรู้จัก ก็ต้องอาศัยสื่อ ต้องอาศัยการพูด ทั้งโซเชียลมีเดีย สื่อมาสัมภาษณ์ให้คนเห็นไอเดีย นโยบายทุกอย่างเราเตรียมไว้ครบ เป็นนโยบายทำได้ ทำจริง ไม่ขายฝัน และไม่เพียงแต่นโยบายทำได้ ทำจริง เราลงมือทำไปแล้ว เสนอร่างกฎหมายเข้าสภาไปแล้ว 4 ฉบับ กำลังเสนออีก 10 ฉบับ เป็นกฎหมายที่จะไปขจัดอุปสรรคการทำมาหากินของประชาชน เป็นร่างกฎหมายที่มาเพิ่มโอกาสให้ประชาชนโดยเฉพาะคนตัวเล็ก

“คนต้องมีฝีมือ นอกจากเรื่องนโยบาย เราต้องทำให้ประชาชนเห็นว่าเรามาเสียสละ เป็นทางออกให้ประเทศ เป็นทัพหน้าที่พาประชาชนออกจากสงครามความขัดแย้งการเมือง 2 ขั้ว โดยเฉพาะ 17 ปีที่ผ่านมา หลังการรัฐประหาร 2549”

“นโยบายดีแค่ไหนจะทำไม่ได้เลย ถ้าไม่สามารถทำให้ประชาชนออกจากสงครามนี้ได้ มีสงครามประชาชนแพ้ทุกครั้ง วันนี้เราขอเป็นกองหน้าพาประชาชนออกจากสงครามนี้ และเราจะเริ่มแคมเปญนี้ จะเลือกแบบเดิมคือ จบการเลือกตั้งนี้คือจุดเริ่มต้นของวิกฤตชาติมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเป็น last war ของทั้งสองฝ่าย”

ไม่ตั้งเป้าจำนวน ส.ส.

คุณหญิงสุดารัตน์บอกว่า ไม่ตั้งเป้าจำนวน ส.ส.เพื่อมาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีเหมือนพรรคอื่น แต่ขอแข่งกับตัวเอง

“ทำข้อสอบให้ดีที่สุด โดยมือ เท้าไม่ไปถีบคนอื่น ไม่ต้องทะเลาะกับใคร วันนี้บ้านเมืองบอบช้ำพอแล้ว เรากำลังพาประชาชนออกจากสงครามนี้”

“แน่นอน เราอยากได้คะแนนมากที่สุด แต่วันนี้พรรคมีหลายพรรค เราต้องสร้างความแตกต่าง ความแตกต่างของเรามาจากดีเอ็นเอของเรา เราบอกว่าเป็นภารกิจสำคัญครั้งสุดท้ายในการสร้างทางรอดให้กับประเทศ สร้างโอกาสที่ดีที่สุดให้กับลูกหลาน นี่คือความตั้งใจของเรา”

“วันนี้ไม่ได้มาคิดทำการเมืองแบบพรรคการเมืองอื่น ว่าถึงเวลานี้ฉันต้องได้เท่านี้เสียง เพื่อจะต้องได้รัฐมนตรีกี่คน แต่ถ้าแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นมาเพื่อพาประชาชนออกจากสงคราม ทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ถ้าแพลตฟอร์มนี้สำเร็จเกิดขึ้นได้ เราถึงจะทำได้ กี่คนใน กทม. กี่คนในต่างจังหวัด ทำให้ได้มากที่สุด ต้องตั้งเป้าสูงไว้ก่อน แต่

“ไม่ได้พูดกับใครเรื่องตัวเลข แม้ตอนอยู่พรรคเดิม (พรรคเพื่อไทย) จะไม่เป็นคนที่ไปดูถูกประชาชนว่าฉันจะเอาเท่านี้”

“เรากำลังทำให้ประชาชนเห็นด้วยกับเราไหมว่า เรากำลังอยู่ในสงครามการเมือง 2 ขั้ว ถ้าเลือกแบบเดิม 2 ขั้วแบบเดิม ประเทศตีกันต่อแบบเดิม อาจดีขึ้นมาได้ปีสองปี แต่เกิดรัฐประหารแบบ 8 ปีนี้จะเอาหรือเปล่า ถ้าไม่เอาก็เลือกพรรคไทยสร้างไทย เลือกให้มากที่สุด”

ทสท.ไม่เอาเผด็จการ

คุณหญิงสุดารัตน์บอกจุดยืนพรรคในการจะจับมือร่วมงานกับใครว่า แน่นอนเราไม่เอาเผด็จการ คนที่ทำรัฐประหารมาเราคงไม่เป็นบันไดให้เขาเหยียบยืนต่อไป เพราะเขาสร้างความเสียหายให้กับประเทศเยอะแล้ว และไม่เห็นด้วยกับระบบนี้

และนักการเมืองที่อ้างประชาธิปไตย อ้างประชาชน แต่ท้ายที่สุดทำเพื่อตัวเอง ทุน พรรคพวก ร่ำรวยกันมหาศาล มันคือวงจรเลวร้าย และแย่งอำนาจกันโดยอ้างประชาชน ระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตยที่อ้างประชาชน แต่ทำเพื่อตัวเอง

ส่วนการร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย ก็ต้องดูว่าพรรคเพื่อไทย คนที่อยู่ฝั่งประชาธิปไตย เราสนับสนุนทุกคน แม้อยู่ต่างพรรคเราก็สนับสนุน แต่บริบทวันนั้นเขาจะร่วมรัฐบาลกับใคร และเขาจะทำอะไรให้กับประเทศ

“เขาเอาไหมที่เราชูเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ให้โอกาสคนตัวเล็ก หรือ SMEs ฟื้นเศรษฐกิจไทย เมกะโปรเจ็กต์ที่จะมารีสตาร์ตเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยที่ประกาศไปแล้วจะเอาด้วยไหม เรื่องดูแลคนตั้งแต่เกิดจนแก่ รวมถึงเรื่องปราบทุจริตคอร์รัปชั่น มันต้องทำจริงจัง และเขาไม่จับมือกับเผด็จการ เราก็ไม่มีปัญหา เพราะเราไม่เป็นศัตรูกับใคร”

“เราไม่ได้ปิดทาง แต่ไปตอบแทนเขาไม่ได้ ถูกไหม ถ้าฟันธงว่าร่วมกับเพื่อไทย ร่วมกับประชาธิปัตย์ มันไม่ใช่ บริบทมันมากกว่านั้น ฟันธงอย่างนั้นไม่ได้ เพราะหลังเลือกตั้งเราไม่รู้ว่าเขาจะไปร่วมรัฐบาลกับใคร แล้วแพลตฟอร์มของเรา 4-5 เรื่องที่เราอยากทำ ปราบโกง แก้จน แก้รัฐธรรมนูญ สร้างให้ SMEs แข็งแรง พวกนี้เขาทำไหม”

“ถ้าเกิดไปร่วมรัฐบาลเสร็จ เขาไม่ทำแบบนี้ แต่ไปร่วมกับคนที่ทำรัฐประหารมา ตัวเองก็ลำบากใจในการไปทำ ถ้าเป็นอย่างนั้น เลือกที่จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านดูแลผลประโยชน์ประชาชน เป็นหมาเฝ้าบ้านให้กับประชาชนดีกว่า”

ยอมเป็นฝ่ายค้าน

ถามคุณหญิงสุดารัตน์ว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคพลังประชารัฐตั้งรัฐบาล ไทยสร้างไทยจะเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ เธอตอบว่า “เสียสละให้ เป็นฝ่ายค้าน และจะตรวจสอบการทำงานอย่างเข้มข้น รักษาประโยชน์ของประชาชน และจะทำให้คนโกงชาติล้มลงเร็วที่สุด ไม่ได้รังเกียจอะไร”

“แต่คิดว่าถ้าเราปล่อยให้แนวคิดวัฒนธรรมอำนาจนิยมแบบนี้อยู่ต่อ ว่าไม่เป็นไรเขาเป็นคนที่ทำรัฐประหาร แล้วเขามาลงเลือกตั้งแปลว่าเขาเป็นประชาธิปไตยแล้วหรือ ใครอยู่ฝั่งนี้ ย้ายฝั่งกันไปย้ายฝั่งกันมา จนไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายประชาธิปไตย”

“เขาเป็นคนที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วถึงวันหนึ่งเราต้องไปสนับสนุนเขาต่อเหรอ ไทยสร้างไทยจะไม่เป็นที่เหยียบยืนให้เผด็จการ ไม่ว่าเผด็จการคนนั้นเป็นใคร”

ถามย้ำถึงกระแสข่าวที่พรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐจับมือกันเป็นไปได้หรือไม่ “คุณหญิงสุดารัตน์” ที่อยู่ในวงการการเมืองมา 3 ทศวรรษ มีจุดแข็งเรื่องการวิเคราะห์การเมือง อ่านเกมนี้ว่า “อาจมีความเป็นไปได้ที่พรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทยจับมือกัน เหมือนกับที่สื่อวิเคราะห์ว่าอาจเป็นไปได้ ถึงวันนั้น มันเกิดได้ทุกอย่าง”

พรรคพี่พรรคน้อง

เกือบทุกเวทีหาเสียงเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย มักปราศรัยว่าพรรคเพื่อไทยพรรคเดียวไม่มีพรรคพี่-พรรคน้อง มองว่าวาทกรรมพรรคพี่-พรรคน้อง เป็นการเอ่ยถึงพรรคไทยสร้างไทยหรือไม่ “คุณหญิงสุดารัตน์” ตอบว่า

“ไม่ทราบหรอกค่ะ เราไม่เคยไปด่าเขา เราก้าวข้ามมาแล้ว การที่ไม่ด่า ไม่ว่าคนอื่น กลายเป็นว่านับพี่นับน้อง มันไม่ใช่ หรือต้องด่ากับทุกคน พี่ว่าวันนี้บ้านเมืองทะเลาะกันจนเละ อยากทะเลาะกันต่อเหรอ ไม่ทะเลาะกับใคร มาพาผู้คนออกจากสงคราม ไม่ได้มาสร้างสงคราม”

“ไทยสร้างไทยเป็นพรรคเดียวไม่เกี่ยวกับใคร ส่วนเขา (พรรคเพื่อไทย) คิดว่าพรรคนั้นเป็นศัตรู ซึ่งไม่ใช่กับพรรคไทยสร้างไทยอย่างเดียว ก็เป็น (ศัตรู) กับพรรคก้าวไกล เป็นกับทุกพรรค ก็แล้วแต่เขา ไปบังคับไม่ได้ แต่เราไม่คิดอย่างเขา เราคิดมาสร้าง ไม่ได้คิดมาทำลายกัน”

“อย่างลุง 2 ลุง ไม่ได้โกรธเกลียด โกรธส่วนตัว แต่คิดว่าหลักการของประเทศ ของประชาชน ในเมื่อเขาทำรัฐประหาร แล้วถึงเวลาจะให้เป็นบันไดให้เขาเหยียบยืน พี่ไม่เสียอะไร อาจได้ร่วมรัฐบาล ได้เสวยสุข แต่คนที่แพ้คือประชาชน ประชาชนแพ้ต่อไปอีก”

“คนที่ประสบความสำเร็จจากภาคธุรกิจก็ไม่ใช่บริหารประเทศได้ มันเป็นเรื่องประสบการณ์ที่จะต้องเอารัฐราชการให้อยู่ พรรคที่ใหญ่ที่สุดคือพรรคข้าราชการ ไม่ใช่ไปทะเลาะกับข้าราชการ แต่เราต้องเปลี่ยนไมนด์เซต เปลี่ยนวิธีการทำงาน ใช้เทคโนโลยีมาช่วยให้เขาเบาขึ้น ให้เขาได้รู้ ได้เปลี่ยนไมนด์เซตว่าข้าราชการหรือนักการเมืองคือนายประชาชน มาเป็นผู้สนับสนุนประชาชนให้ทำมาหากินได้สะดวก รวดเร็ว ประชาชนหากินได้สะดวก ถึงจะทำรายได้เป็นภาษีมาเพิ่มเงินเดือนให้กับข้าราชการ”

ออกจากเงาทักษิณ

คำถามสุดท้าย การลงเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการออกจากเงา “ทักษิณ” ชัดเจน-แน่นอนหรือไม่ เจ้าแม่ กทม.ตอบว่า

“ใช่ ๆ ถ้าให้ความเป็นธรรมกับพี่ เข้าการเมืองตั้งแต่พรรคพลังธรรมก่อนคุณทักษิณ วันนี้ไม่มีปัญหาอะไรกับคุณทักษิณเลย มีความปรารถนาดีต่อท่านทักษิณและพรรคเพื่อไทยอยู่ ในฐานะที่เราเคยอยู่ในองค์กรนั้นมา ออกมาไม่เคยไปแซะ หรือเคยไปด่าใคร ถึงแม้จะโดนแซะก็ไม่เคยด่า วันนี้ก็ชื่นชมในสิ่งที่เราทำกันมาในสมัยพรรคไทยรักไทย หลายคนที่เป็นมือทำงานก็อยู่ในพรรคไทยสร้างไทย”

อะไรที่เป็นสิ่งที่ดีเราทำต่อ อะไรที่เราคิดดี คนอื่นไปทำต่อก็ดี ไม่คิดร้ายกับใคร ออกจากเงาคุณทักษิณ เหมือนไปเหยียบเขา ไม่เคยคิดอย่างนั้น แต่อยากทำในสิ่งที่อายุ 60 แล้วไม่อยากคิดแบบเดิม มีลูกที่กำลังเริ่มทำงาน แม้เราเลี้ยงเขาได้ เขายังเจอปัญหาสารพัด แล้วลูกคนอื่นเราไม่ช่วยเขาเหรอ

“พรรคไทยสร้างไทยไม่ได้อิงกับพรรคไหน พรรคเดียวไม่เกี่ยวกับใคร แต่ไม่ด่าใคร ไม่ทะเลาะกับใคร”