เปิดนโยบายเศรษฐกิจก้าวไกล 6.5 แสนล้าน นำธุรกิจไทยบุกตลาดโลก

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

พรรคก้าวไกลประกาศจัดตั้งรัฐบาล 6 พรรค 310 เสียง ร่วมกับพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคไทยสร้างไทย และพรรคเป็นธรรม

ดัน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายกรัฐมนตรี อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยวัย 42 ปี ประกาศความพร้อมในการเป็นรัฐบาล มีแผนปฏิบัติการ 100 วันแรก แผน 1 ปี และแผน 4 ปี ชัดเจนที่สุดในบรรดาพรรคการเมืองที่ลงสนามเลือกตั้ง

หากพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จตามแผน นโยบายเศรษฐกิจพรรคก้าวไกลจะถูกนำมาปฏิบัติ นโยบายแรก ๆ ที่พรรคก้าวไกลตั้งเป้าเรื่องแก้ปัญหาที่ประชาชนเดือดร้อนที่สุด สาหัสที่สุดคือ “ค่าไฟ” เพื่อลดต้นทุนการใช้ชีวิต และผลักดันทุกนโยบาย ภายใต้ MOU ร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล ดังนี้

รื้อบอร์ดพลังงาน

แก้ไขกฎหมายแข่งขันทางการค้า เพิ่มแต้มต่อให้ SMEs ช่วยลดปัญหาการผูกขาด กลุ่มทุนขนาดใหญ่ถูกจำกัดสิทธิในการประกอบกิจการบางประเภทเพิ่มมากขึ้น เพิ่มการแข่งขันในธุรกิจ โดยเฉพาะ virtual bank อย่างน้อย 3 เท่า

“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมั่นใจว่าจะแก้ปัญหาค่าไฟแพงได้

อันดับแรกถ้าเป็นรัฐบาล เข้าไปเปลี่ยนแปลงนโยบายคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ เพราะตอนหลังรัฐประหารสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำแรก ๆ คือใช้ประกาศ คสช.เปลี่ยนตัวกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติทั้งหมด และแต่งตั้งตนเองเข้าไป ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าประเทศไทยจะมีโรงไฟฟ้าเกิดขึ้นเท่าไหร่ แบบไหน ใช้เชื้อเพลิงแบบไหนมาผลิตไฟ

งบฯสวัสดิการ 6.5 แสนล้าน

พรรคก้าวไกลปักธงให้ไทยเป็น “รัฐสวัสดิการ” ภายใต้งบประมาณ 6.5 แสนล้านบาท ทั้งนี้ นโยบายสวัสดิการพรรคก้าวไกล แบ่งเป็น ให้ของขวัญแรกเกิดถึง 6 ขวบ คนละ 3,000 บาท ใช้งบประมาณ 2,100 ล้านบาท ให้เงินเลี้ยงดูเด็กเล็กคนละ 1,200 บาทต่อเดือน ใช้งบประมาณ 32,000 ล้านบาท และสิทธิลาคลอดได้ 6 เดือน โดยได้เงินช่วยเหลือจากกองทุนประกันสังคม 5,000 บาทต่อเดือน ศูนย์เลี้ยงเด็กอ่อน เด็กก่อนวัยเรียนใกล้บ้าน ห้องปั๊มนมในที่ทำงาน ใช้งบฯในก้อนนี้ทั้งหมด 5 หมื่นล้านบาท

จัดทำประกันสังคมถ้วนหน้า เจ็บป่วยได้เงินชดเชย ได้ค่าเดินทางหาหมอ โดยให้ทุกคนจ่ายเงินสมทบเพื่อเข้าสู่ระบบประกันสังคม มาตรา 40 ส่วนใครที่ไม่มีกำลังจ่ายเองได้ รัฐบาลจะจัดสรรงบฯจ่ายให้แทน ตั้งวงเงินไว้ปีละ 35,000 ล้านบาท ด้านเด็กได้เรียนฟรี อาหารฟรี มีรถรับ-ส่ง ใช้งบประมาณ 33,000 ล้านบาท

สำหรับค่าแรงขั้นต่ำจะปรับขึ้นทุกปี เริ่มต้นวันละ 450 บาท โดยรัฐเข้าไปช่วยเหลือธุรกิจ SMEs ใน 6 เดือนแรก ใช้งบประมาณ 16,000 ล้านบาท ผู้สูงวัยได้เงินเดือนละ 3,000 บาท และสร้างระบบดูแลผู้ป่วยติดเตียง ใช้งบฯ 420,000 ล้านบาท คนพิการได้เดือนละ 3,000 บาท ใช้งบฯ 72,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ มีโครงการบ้านตั้งตัว โดยรัฐช่วยค่าเช่าบ้าน 1,000 บาทต่อเดือน ส่วนผู้ที่มีรายได้ 15,000 บาท และต้องการซื้อบ้านในราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท รัฐจะช่วยผ่อนบ้านให้ 2,500 บาทต่อเดือน รวม 350,000 หลัง ใช้งบฯ 6,000 ล้านบาท เป็นต้น

อุ้ม SMEs – แก้ปัญหาหนี้สิน

นโยบายด้านเศรษฐกิจที่ต้องทำควบคู่กับการขึ้นค่าแรง เพื่อช่วย SMEs คือ ลดรายจ่าย SMEs บรรเทาผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน ลดภาษีเงินได้นิติบุคคล SMEs รวมถึงหักค่าใช้จ่ายเหมาภาษี เพิ่มแต้มต่อให้ SMEs ด้วยหวยใบเสร็จ ซื้อของร้านค้ารายย่อย ทั้งคนซื้อ คนขายได้หวยลุ้นรวยเงินล้าน

ลดหย่อนภาษีให้ธุรกิจที่ซื้อจาก SMEs, ให้โควตาชั้นวางสำหรับสินค้า SMEs ในห้างใหญ่ มีคูปองแลกซื้อสินค้าท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังมีทุนแสนตั้งตัว 2 แสนราย และทุนล้านตั้งตัว 2.5 หมื่นราย จัดตั้งสภา SMEs ทุกจังหวัด

วงเงินที่ใช้ 44,000,000,000 บาท โดยอุดหนุนงบประมาณให้กับ บสย.เพื่อค้ำประกันความเสี่ยงในการกู้เงินของ SMEs และเพื่อดำเนินการตามหวยใบเสร็จ

ลดการผูกขาดทางการค้า ด้วยการแก้ไขกฎหมายแข่งขันทางการค้า และเพิ่มการแข่งขันในธุรกิจการเงิน โดยเฉพาะ virtual bank

ขณะเดียวกัน พรรคก้าวไกลมีนโยบายแก้ปัญหาหนี้สินคือ นโยบายจ่ายดี ลดดอกเบี้ย, ดอกเบี้ยเงินกู้เป็นธรรม ผ่านการใช้ข้อมูลการชำระเงิน, ประกาศสงครามหนี้นอกระบบ ตั้งงบประมาณ 1 หมื่นล้านบาท, หนี้ราชการไม่ท่วมหัว หักไม่เกิน 70% ของเงินเดือน โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี วงเงิน 500,000,000 บาท เป็นการชดเชยดอกเบี้ยให้กับธนาคารออมสิน

นโยบายท่องเที่ยว – เศรษฐกิจสร้างสรรค์

ปฏิเสธไม่ได้ว่ารายได้จากการท่องเที่ยวคือรายได้หลักของประเทศ พรรคก้าวไกลคิดนโยบายส่งเสริมและยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวสีเขียว การท่องเที่ยว-ทำงาน workcation แก้กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว เปลี่ยนงบฯ event เป็นงบฯ influencer

อาหารไทย Champion, 1 เมือง 1 พิพิธภัณฑ์ จัดให้มีเทศกาลตลอดปี from local to global และ metaverse Thailand as advertising tool

สำหรับนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญ ด้วยการตั้งงบประมาณกว่า 5,000,000,000 บาท แบ่งเป็นนโยบายคุ้มครองเสรีภาพทางศิลปะ ยกเลิกการเซ็นเซอร์, เพิ่มความหลากหลายทางศิลปะ รัฐไม่แทรกแซง-ไม่ทำตัวเป็นตำรวจศีลธรรม-ไม่แช่แข็งวัฒนธรรม, เปลี่ยนกระทรวงวัฒนธรรม เป็นกระทรวงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมสร้างสรรค์

เพิ่มงบฯสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 10 เท่า, ส่งออกได้รัฐให้ “bonus” รัฐส่งเสริมงานสร้างสรรค์ที่เจาะตลาดเวทีโลกได้, รื้อระเบียบ ใบอนุญาต เพิ่มความสะดวกให้กองถ่ายที่มาถ่ายทำในไทย ตั้งเงื่อนไขโดยมียุทธศาสตร์ส่งเสริมคนไทย, เพิ่มพื้นที่ผลิตและแสดงงานสร้างสรรค์ เช่น co-studio แกลเลอรี่, ให้มีกองทุนภาพยนตร์ เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตหน้าใหม่, ทลายการผูกขาดในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์

กระจายอำนาจขนส่งสาธารณะ

พรรคก้าวไกลจัดงบประมาณ 10,000,000,000 บาทไว้สำหรับอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะและอุดหนุนค่าโดยสาร

โดยลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่, รถไฟทั่วถึงทุกจังหวัดทั่วไทย, ออกแบบระบบถนนหนทางเพื่อลดรถติด-ลดอุบัติเหตุ, กระจายงบฯซ่อมถนนอย่างเป็นธรรม, กระจายอำนาจการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ ผนวกความต้องการด้านการขนส่งเข้ากับการพัฒนาอุตสาหกรรม

พัฒนาระบบตั๋วร่วม ใช้บัตรใบเดียวเดินทางได้ทุกระบบขนส่งสาธารณะทั่วไทย, รถเมล์และรถไฟฟ้า 8-45 บาทตลอดสาย ใช้บัตรใบเดียวครอบคลุมทั้ง กทม. รถเมล์ไฟฟ้าทุกคันภายใน 7 ปี

บ่อนถูกกฎหมาย

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังมีแผนเปลี่ยนส่วยเป็นภาษี เพิ่มธุรกิจถูกกฎหมาย เศรษฐกิจโปร่งใส คือ กาสิโนของรัฐถูกกฎหมาย เปิดกาสิโนออนไลน์ของรัฐ, อาชีพให้บริการทางเพศถูกกฎหมาย ปลดล็อกเซ็กซ์ทอย และหนังผู้ใหญ่ ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า

ทีมเศรษฐกิจก้าวไกล

สำหรับหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล มี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจก้าวไกล เคยเป็น ผอ.ฝ่ายนโยบาย พรรคอนาคตใหม่ โดยเป็นประธานกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจของสภา

นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองศาสตราจารย์จาก National Graduate Institute for Policy Studies (GRIPS) มหาวิทยาลัยด้านนโยบายสาธารณะ ประเทศญี่ปุ่น ทำงานวิจัยเรื่องเสือเศรษฐกิจแห่งเอเชีย และกับดักรายได้ปานกลาง เขียนหนังสือ เศรษฐกิจสามสี เศรษฐกิจแห่งอนาคต จะมาผลักดันเรื่องซัพพลายเชนอุตสาหกรรมไฮเทคโลก

นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล กรรมการบริษัทเอกชนสินค้าไลฟ์สไตล์แบรนด์ไทย Moshi Moshi เป็นผู้พิพากษาสมทบในศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศ โดยจะเสนอแนวทาง 5 ต. มีนโยบาย เช่น หวยใบเสร็จ และเพิ่มแต้มต่อ เพื่อพัฒนา SMEs ไทยให้เติบโต

นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จะเสนอนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ที่มีจุดเด่นต่างจากพรรคอื่น ด้วยแนวทางลดค่าใช้จ่ายให้กับคนธรรมดาและภาคธุรกิจ ผ่านการปรับนโยบายพลังงานของไทยอย่างเป็นระบบ

นายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เคยเป็นประธานคณะกรรมการสำนักการตลาด กทม. มีบทบาทผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เป็นอดีต ผอ.ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA)

นายชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทางการเงิน และนักยุทธศาสตร์ด้านข้อมูล อดีตรอง ผอ.กลุ่มงานยุทธศาสตร์องค์กร มีส่วนผลักดันโครงการพัฒนาเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) สำหรับชำระเงินระหว่างประเทศ

นายเดชรัต สุขกำเนิด ผอ.ศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) ของพรรคก้าวไกล อดีตอาจารย์ ม.เกษตรศาสตร์ จะนำเสนอนโยบายปลดล็อกชีวิตเกษตรกรไทย และหยุดแช่แข็งชนบทไทย

สำหรับทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล จะนำเสนอในประเด็น 7 วาระเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย ประกอบไปด้วย Made with Thailand เปิดโอกาส เปิดตลาด SMEs ทลายทุนผูกขาด ลดค่าครองชีพ unlock เศรษฐกิจสร้างสรรค์ แปลงข้อมูลเป็นขุมทรัพย์ หยุดแช่แข็งชนบทไทย ยกเครื่องภาครัฐ นำเศรษฐกิจไทยก้าวหน้า วางรากฐานชีวิตคนไทยให้มั่นคง สร้างกติกาการแข่งขันที่เป็นธรรม และพาธุรกิจไทยไปบุกตลาดโลก