9 นโยบายการเมือง สายล่อฟ้า ปัจจัยเสี่ยง พิธา-ก้าวไกล ไปไม่ถึงนายกฯ

พิธา
คอลัมน์ : Politics policy people forum

พรรคก้าวไกลสถาปนารัฐบาล 313 เสียง ทว่ายังไม่มีอะไรการันตีได้ว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล และว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะเปลี่ยนจากนายกฯโพล เป็นนายกฯจริงได้หรือไม่

เพราะยังต้องฝ่าด่านมหาโหดในสภา เพราะ “พิธา” จะต้องได้เสียงสนับสนุนจากที่ประชุมรัฐสภาให้ได้เกินกึ่งหนึ่งคือ 376 เสียง

โดยต้องอาศัยเสียง ส.ส.-ส.ว. มาร่วมโหวต นาทีนี้ “พิธา” และองคาพยพยังขาดอยู่ 66-67 เสียง

ส.ว.ปัจจัยขวางทาง

“ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล วิเคราะห์อุปสรรคที่จะ “ขวาง” ไม่ให้เป็นรัฐบาล อันดับหนึ่งตอนนี้ยังเป็น ส.ว.

“ตอนนี้ทุกปัจจัยยังอยู่ในแนวโน้มที่ดี แต่ ส.ว.สำคัญมาก เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องมีเสียง ส.ว.สนับสนุน ส่วนเงื่อนไขที่จะไปเจรจาคือ ไปทำความเข้าใจกับ ส.ว. เพราะส่วนใหญ่จะเป็นความไม่เข้าอกเข้าใจพรรคก้าวไกล ฟังมาอย่างนั้น ฟังมาอย่างนี้”

“เช่น รัฐบาลก้าวไกลจะเอาฐานทัพสหรัฐอเมริกามาตั้งที่สนามบินอู่ตะเภา ซึ่ง ส.ว.บางคนได้รับข้อมูลข่าวสารแบบนี้ ท่านก็ถาม เราก็อธิบายได้ว่ามันไม่มีมูลความจริงเลย หลาย ๆ เรื่องเรานึกออก ผู้หลักผู้ใหญ่ในประเทศได้รับข้อมูลข่าวสารในวงแบบนั้น ถ้าได้ออก bubble มารับฟังกันจริง ๆ ก็จะทลายกำแพงได้”

“ตอนนี้มีฉากทัศน์เดียว เดินหน้าตั้งรัฐบาล มีพิธาเป็นนายกฯ ให้ได้ เสียงรัฐบาลขนาดนี้ก็น่าจะพอแล้ว เพราะเราจัดตั้งรัฐบาลที่มี ส.ส.เยอะเกินไปก็มีปัญหาอีกแบบ เผด็จการรัฐสภาอีก มันไม่สมดุลในสภา แต่ ส.ส. และ ส.ว.แม้ไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาลก็มีแนวโน้มที่ดี ยังมีเวลาอีกพอสมควร”

อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังว่า สัดส่วน ส.ว.ส่วนใหญ่ติดยศ “นายพล” ทั้งตำรวจ-ทหาร คละเคล้ากับอดีตข้าราชการสายอนุรักษนิยม

และยังมี ส.ว.โดยตำแหน่งของผู้บัญชาการเหล่าทัพอีก 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

แต่นโยบายของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะ “นโยบายการเมือง” พุ่งตรงไปลบ-ล้าง-รื้อโครงสร้างอำนาจในหลายส่วนของสังคม อาจโดนขวางทางไม่ให้ “รัฐบาลก้าวไกล” ถึงฝั่ง

ต่อไปนี้คือ 9 นโยบายการเมืองของพรรคก้าวไกลที่อาจกลายเป็น “นโยบายสายล่อฟ้า” ขวางทางการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลก้าวไกล

รื้อ รธน.มรดก คสช.

1.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้มีรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยรื้อกลไกสืบทอดอำนาจ ขยายสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่น เลือกตั้งตามที่อาศัยอยู่จริงได้ ใช้งบฯ 3,000,000,000 บาท สำหรับการทำประชามติ 2 ครั้ง เพื่อขอร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และเพื่อรับรองร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี

1.2 หมื่นล้าน ปฏิรูปกองทัพ

2.ปฏิรูปกองทัพ เพื่อแยกทหารออกจากการเมือง ปรับกองทัพมาอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ตั้งผู้ตรวจการกองทัพ ประชาชนตรวจสอบกองทัพได้ ยกเลิกศาลทหาร ลดขนาดกองทัพ ลดจำนวนนายพล ตัดสิทธิพิเศษที่ไม่เป็นธรรม ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร ปฏิรูปการศึกษาทหาร

นำเข้ายุทโธปกรณ์ ต้องจ้างงาน-โอนถ่ายเทคโนโลยี คืนที่ดินกองทัพให้ประชาชน คืนธุรกิจกองทัพให้รัฐบาล เพิ่มสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย ปลอดภัย-มั่นคง-มีอนาคต ยุบ กอ.รมน. ยกเลิกกฎอัยการศึกชายแดนใต้ ยกเครื่องกฎหมายความมั่นคงพิเศษ

ใช้งบประมาณ 12,000,000,000 บาท เพื่อการพัฒนาสวัสดิการและเงินเดือนของทหารเกณฑ์ อันมาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี หากปฏิรูปกองทัพทั้งในส่วนการลดกำลังพลลงได้ 30-40% และนำธุรกิจกองทัพมาเป็นของประชาชน บริหารงานโดยกระทรวงการคลัง จะสามารถประหยัดงบประมาณและมี
รายได้เพิ่มปีละ 50,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ “ความจำเป็นในการปฏิรูปกองทัพ พรรคก้าวไกลให้เหตุผลว่า นอกจากจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพกองทัพให้มีความทันสมัย มีประสิทธิภาพพร้อมต่อการป้องกันภัยคุกคามใหม่ ๆ แล้ว ยังเป็นการประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้อีกด้วย”

ส่วนความเสี่ยง มีในเรื่องงบประมาณจะเพิ่มขึ้นในระยะแรกของการดำเนินนโยบาย เนื่องจากรายได้และสวัสดิการของทหารเกณฑ์และทหารชั้นผู้น้อยสูงขึ้น ในขณะที่ยังปรับลดงบประมาณในการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่เป็นงบฯผูกพันไม่ได้

แก้ 112-พ.ร.บ.ชุมนุม

3.คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ โดยแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อเสรีภาพในการแสดงออก ผลักดันกฎหมายต่อต้าน SLAPP คุ้มครองสิทธิในการชุมนุม โดยแก้ พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะ คุ้มครองสิทธิในกระบวนการยุติธรรม

ยุบศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมของรัฐ โทษปรับ ขยับขึ้น-ลง ตามฐานรายได้ (ระบบวันปรับ Day Fine System) ปฏิรูปเรือนจำ เน้นการฟื้นฟูลดทำผิดซ้ำ

ศาลโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นของประชาชน ลงนาม ICC ศาลอาญาระหว่างประเทศ และนิรโทษกรรมผู้ต้องหาคดีการเมือง

ในหมวดนี้ไม่ต้องใช้งบประมาณ ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลระบุถึงความคุ้มค่าว่า ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลได้มีการออกและบังคับใช้กฎหมายหลายฉบับ เพื่อพยายามปิดกั้นการแสดงออกของประชาชนที่เห็นต่าง ดังนั้นความสำคัญและจำเป็นต้องทบทวน เพื่อให้เกิดเสรีภาพและความเท่าเทียมตามมาตรฐานประชาธิปไตยสากล

พรรคก้าวไกลเชื่อว่าไม่มีผลกระทบในแง่ลบ เนื่องจากเป็นการรับรองสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน

เลือกตั้งผู้ว่าฯ-นายกเขต

4.เลือกตั้งผู้บริหารจังหวัด โดยเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ประชามติยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค ไม่มีใครตกงาน-เสียประโยชน์ ข้าราชการทุกสังกัด ศักดิ์และสิทธิ์เท่ากัน โยกย้ายก้าวหน้าได้ เลือกตั้งนายกเขต ทุกเขตใน กทม.

ใช้งบประมาณ 3,000,000,000 บาท เป็นเงินค่าจัดการเลือกตั้ง

ที่มาของเงิน เนื่องจากจะนำผู้ว่าฯ และนายก อบจ.มารวมกัน จึงสามารถนำงบประมาณในการเลือกตั้งนายก อบจ.มาใช้ทำนโยบายนี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องตั้งงบประมาณเพิ่ม

ส่วนความคุ้มค่าและประโยชน์ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทำให้ประชาชนสามารถเลือกตั้งผู้นำของจังหวัดตัวเองได้ โดยไม่ต้องมีการแต่งตั้งจากส่วนกลางอีกต่อไป เพื่อให้การพัฒนาจังหวัดเป็นไปตามความต้องการของประชาชนในจังหวัดได้อย่างแท้จริง

ให้งบฯท้องถิ่น 2 แสนล้าน

5.เพิ่มงบฯจังหวัดจัดการตนเองทั่วประเทศ 200,000 ล้านบาทต่อปี ท้องถิ่นมีช่องทางหารายได้ใหม่ เช่น กู้เงิน ออกพันธบัตร ตั้งบริษัทจัดเก็บภาษี ปรับสูตรกระจายงบประมาณให้เป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่

โดยมีวงเงินที่ต้องใช้ 200,000,000,000 บาท เป็นเงินอุดหนุน อปท. (ตัวเลข ณ ปี 2570) ที่มางบประมาณให้โอนงบประมาณจากการถ่ายโอนหน้าที่และพันธกิจจากหน่วยงานราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาคมาให้กับ อปท.

จับทุจริตท้องถิ่น-รัฐบาล

6.จัดการท้องถิ่นโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลงบประมาณทุกบาท จัดซื้อจัดจ้างทุกขั้นตอน มีประชุมสภาพลเมือง ทุกคนมีส่วนร่วม ทุกท้องถิ่น ทุกไตรมาส ประชาชนเข้าชื่อออนไลน์ เสนอโครงการ-ข้อบัญญัติถอดถอนท้องถิ่นได้

เรื่องนี้ไม่ต้องใช้งบประมาณ แต่มีประโยชน์คือ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่นให้ทำงานอย่างมีธรรมาภิบาล และลดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

แต่มีผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบายคือ อาจทำให้การทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีขั้นตอนมากขึ้น และใช้ระยะเวลามากขึ้น

7.เปิดข้อมูลรัฐทันที ประชาชนเป็นเจ้าของ ระบบ AI จับโกงอัจฉริยะ โครงการ “คนโกงวงแตก” จูงใจให้คนที่คิดจะโกงระแวงกันเอง โครงการ “แฉโกง ปลอดภัย ได้เงิน” ตัวแทนจับโกงจากประชาชน ในโครงการมูลค่าสูง ห้ามใช้เงินหลวงโปรโมตตัวเอง ป.ป.ช.ยึดโยงประชาชน ส่วนความเสี่ยงในดำเนินการ “ล่าช้าในระยะแรก”

8.ทุกบริการภาครัฐ ผ่านมือถือ ร้องเรียนไป ต้องไม่เงียบ อัพเดตทุกขั้นตอน เรื่องนี้งบประมาณไม่ต้องใช้

ปฏิรูปตำรวจ ล้มตั๋ว…

9.ปฏิรูปวงการตำรวจ ผบ.ตร.ยึดโยงประชาชน จังหวัด-ตำรวจร่วมรับใช้ประชาชน มีผู้ตรวจการตำรวจประชาชน มีช่องทางร้องเรียนตำรวจ คืนผมให้ตำรวจ ไม่บังคับเกรียน เติบโต-โยกย้ายเป็นธรรม ปราศจากตั๋ว เส้นสาย

ตำรวจหญิงทุกสถานี เติบโตเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ ลดภาระพนักงานสอบสวน แบ่งงานให้ตำรวจสายอื่น

นโยบายนี้ไม่ต้องใช้งบประมาณ มีประโยชน์ และความคุ้มค่า เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจมีความยึดโยงกับประชาชน และสามารถตรวจสอบการทำงานของตำรวจได้ง่ายขึ้น

ส่วนความเสี่ยงและผลกระทบ ในช่วงต้นอาจมีปัญหาเกี่ยวกับการปรับตัวของข้าราชการตำรวจ จากการปรับโครงสร้างการบริหารงานตำรวจรูปแบบใหม่ที่กระจายอำนาจมากขึ้น


นี่คือนโยบาย “ผ่าตัด” การเมือง ฉบับพรรคก้าวไกล ที่ครองใจประชาชน 14 ล้านเสียง แต่อาจถูก 250 ส.ว. และพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามขวางทางเข้าสู่อำนาจ