นายกฯเศรษฐา ปล่อยของเวทีไทยรัฐ พักหนี้ผ่อนรถ-บัตรเครดิต คิวต่อไป ลั่น ประกาศขึ้นค่าแรง 400 บาท ก่อนสิ้นปีนี้ หวังให้มีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2567 สั่งกระทรวงคลัง ยกเว้นภาษีเครื่องเพชร ดึงดูดนักท่องเที่ยวอินเดียเข้ามาแต่งงานในไทย
สไตล์การทำงานเศรษฐา
วันที่ 18 กันยายน 2566 ที่ไทยรัฐ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวเสวนาในหัวข้อ “Future Perfect เปิดมุมคิด พลิกอนาคต” ในงานเสวนา Thairath Forum 2023 ว่า ผมไม่มีสิทธิเหนื่อย ผมมีหน้าที่ต้องทำงาน ตราบใดที่มีภารกิจอยู่ก็ต้องทำ ซึ่งพยายามจัดเวลาให้ได้
เวลาก้าวเข้ามาสู่ภาครัฐบาล เป็นนายกฯ ผมเป็นคนทำอะไรเร็ว ตัดสินใจรวดเร็ว ในบริบทภาคเอกชน ความรวดเร็ว กระชับ หน่วยงานต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรามาน้อยกว่า พอมาภาครัฐบาล มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเยอะมาก
เพราะฉะนั้นเวลามองอะไรก็ต้องมองให้กว้างขึ้น ต้องเรียนรู้ทุกวัน บางเรื่องตัดสินใจเร็วเกินไป บางเรื่องอาจจะพูดเร็วเกินไป ก็ต้องไตร่ตรองให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ก็เป็นบทเรียน ก็ต้องเรียนรู้ไป ยังเป็นช่วงเวลาที่ต้องปรับตัวอยู่
ปัญหาปากท้อง อะไรทำได้ก่อน ทำก่อน
นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องแรก ปัญหาปากท้อง สิทธิเสรีภาพ ถ้าเราจะคอยให้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หรือครบทุกมิติก็จะใช้เวลาค่อนข้างนาน บางอย่างอะไรที่ทำได้ก็อยากจะทำก่อน อะไรที่เป็นนโยบายที่สั่งการได้ เป็นกำลังใจให้ประชาชนได้มีความหวัง แบ่งเบาภาระได้ก็จะทำก่อน เช่น เรื่องค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันดีเซล แต่ยังไม่ครบ ต้องมีเบนซินอีก ซึ่งเป็นภาคที่ละเอียดอ่อนมากกว่า เพราะมีหลายภาคส่วนเกี่ยวข้าง อาจจะต้องพิจารณาภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบมาก มีรายได้น้อย
“นโยบายก็จะคลอดออกมาเรื่อย ๆ เช่น ค่าไฟฟ้า วันนี้สั่งการให้เจรจา เมื่อกี้เห็นผู้ว่าฯ กฟผ.มาแล้วก็อาจจะต้องขอความกรุณานิดหนึ่ง อาจจะต้องไปเจรจาต่ออีกหน่อยหนึ่ง เดี๋ยวอีก 2 ชั่วโมงก็จะมีการสั่งการเรื่องนี้ลงไป ว่า ขอให้ลงไปถึง…น่าจะ … อยากจะเห็นเลข 3 ด้วยก็ได้ ค่อย ๆ ทำ ถ้าบอกว่าอยากจะเห็นเลข 3 ก็อาจจะใช้เวลา 2-3 อาทิตย์ แต่ถ้าผู้ว่าฯ กรุณาก็อาจจะเร็วกว่านั้น”
“เศรษฐาหารสอง”
นายเศรษฐากล่าวว่า ผมคิดว่าภาคราชการมีความสามารถและตอบรับกับนโยบายของรัฐบาลและผู้นำได้ดี ขึ้นอยู่กับตัวผู้นำด้วยว่าความคาดหวังหนือสิ่งที่ผู้นำอยากเห็น ภาคข้าราชการ หรือรัฐวิสาหกิจสามารถทำได้หรือเปล่า ตัวอย่างง่าย ๆ ผู้ว่าการ ทอท. เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ ผมลงไปถาม เขาบอกต้นปี ต้นปีมีตั้ง 3 เดือน พอเราบี้หนัก ๆ ท่านก็สามารถทำให้ได้ภายในไตรมาสสี่ เราพูดด้วยเหตุผล ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องมีทางออกที่ทำให้ดีขึ้น ต้องดีกว่าปัจจุบัน
นายเศรษฐากล่าวว่า วีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวจีนจะเกิดขึ้นในวันที่ 25 กันยายนนี้ ซึ่งถือว่าทำได้เร็วมาก สนามบินภูเก็ตแต่ก่อนไรเดอร์ แกร็บ เข้าไม่ได้ ทางผู้อำนวยการได้ไปเจรจากับคนที่รับสัมปทานมาเพื่อให้มีการผ่อนปรน เชียงใหม่ก็จะทำเหมือนกัน แต่ก็ต้องเจรจากับผู้รับสัมปทานก่อน
การเพิ่มเที่ยวบินมีการพูดคุยกับสายการบิน เรื่องความต้องการสายการบิน มีการพูดคุยกับดีดีการบินไทย จะเปลี่ยนนำเครื่องบิน wide body มา แทนที่จะนั่งได้ 100 คน ก็เป็น 200 คน ทุกภาคส่วนตอบรับ เพราะสารตั้งต้นถูกแก้ไขไปแล้ว คือวีซ่าฟรี
“มีคนมาถามเยอะว่า ทำไมนักท่องเที่ยวอินเดียยังไม่มีวีซ่าฟรี คำตอบแรกคือ ขั้นตอนการขอวีซ่าที่อินเดียง่ายและสะดวก และเที่ยวบินที่อินเดียวยังเปิดไม่เยอะ เป็นการเมืองภายใน แอร์อินเดียอยู่ในระหว่างขั้นตอนสั่งเครื่องบินจำนวนมโหฬาร เครื่องบินยังไม่มา ก็เปิดสลอตให้การบินไทยบินก่อน ล็อกสลอตไว้ก่อน ก็ต้องมีการต่อรองนิดหน่อย เดี๋ยวผมก็จะไปเยือนภายในก่อนสิ้นปี เพื่อพูดคุยกับผู้นำสูงสุดและเจรจา เพราะนักท่องเที่ยวอินเดียใช้จ่ายสูง”
“แม้จะทำวีซ่าฟรีไม่ได้ แต่นักท่องเที่ยวอินเดียที่เข้ามาแต่งงานที่นี่เยอะ ใช้เงินหลายสิบล้าน ใช้เงินสูงมาก และเรื่องของการแต่งงานเป็นเรื่องของหน้าตา อินเดียมีอัตราการหย่าร้างที่ต่ำมาก 1% ต่ำที่สุดในโลก เพราะฉะนั้น การแต่งงานทุก ๆ หนจะใช้เงินอย่างมโหฬาร และแขกที่มาก็จะจัดเต็ม รวมไปถึงเรื่องเครื่องเพชร จิวเวลรี่ที่เอาเข้ามาก็เสียภาษี ก็มีการพูดคุยกับกระทรวงการคลังว่า ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถยกเว้นได้ ระหว่างที่คอยสลอตการบิน หรือเครื่องบินที่จะเข้ามา ถ้าตรงนี่เอื้อได้ก็จะนำเข้ามาได้เยอะพอสมควร”
ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายวีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวจีนภายในไตรมาสสี่ ยังไม่ได้ดูครบทุกมิติ คาดว่า 35,000 ล้านบาทก็น่าจะได้เข้ามา
เล็ง พักหนี้รถ-บัตรเครดิต
นายเศรษฐากล่าวว่า ท่านผู้ว่าฯ ธปท.บอกว่า นโยบายเรื่องพักหนี้เกษตรกร ถ้าพักแล้วพักอีก ถ้าไม่มีแผนงานระยะยาวที่จะทำให้เกษตรกรมีรายได้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เราก็ต้องกลับมาพักอีก เกษตรกรไม่อยากพักหนี้ แต่อยากอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี สามารถใช้หนี้ได้ แต่การพักหนี้เป็นเรื่องแรกที่จำเป็นก็ต้องทำ
“พอทำไปแล้วก็บอกว่า อ้าวแล้วครูว่ายังไง ภาคส่วนอื่น ๆ ที่เดือดร้อนว่ายังไง อันนี้เป็นนโยบายของผมว่า อะไรที่เราทำได้ เราทำก่อน การประชุม ครม.ครั้งต่อไปก็จะมอบหมายไปแล้วว่าอะไรที่จะทำอีก ไม่ว่าจะเป็นหนี้รถ หนี้ส่วนตัว ก็จะมีนโยบายค่อย ๆ ทยอยออกมา การบำบัดทุกข์บำรุงสุขระยะสั้นสำคัญที่สุด”
ส่วนการเพิ่มรายได้ระยะสั้นที่สุดคือ ดิจิทัลวอลเลต ซึ่งทำให้เสร็จและเปิดตัวให้ได้เร็วที่สุด คาดว่าไม่เกินไตรมาส 1 ปี 67 ไม่มีกระเป๋าคนกลาง
“วันนี้เราไม่เถียงว่าเป็นประชานิยมหรือไม่ หลายรัฐบาลมีการทำเรื่องนี้มา มีการเอาเงินใส่กระเป๋าประชาชน แต่ไม่ได้ตอบสนองความเจริญไปสู่ท้องถิ่น”
ปลดล็อกใช้เงินดิจิทัลวอลเลตเกิน 4 กิโลเมตร
นายเศรษฐากล่าวว่า การใช้เงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท คนอยู่อำเภอเมืองเชียงใหม่ก็ไม่เกิน รอบนอกอาจจะเกินรัศมี 4 กิโลเมตรได้ แต่ไม่อยากให้เกินเยอะ เพราะอยากให้ประชาชนที่ทำงานอยู่หัวเมืองใหญ่กลับไปบ้านบ้าง กลับไปจับจ่ายใช้สอย กลับไปเยี่ยมบ้าน สถาบันครอบครัวจะได้แข็งแกร่ง
“ถ้าผมประกาศได้ว่าเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 67 เม็ดเงิน 5.6 แสนล้านบาทที่จะเข้าไปในตลาด ผมคิดว่าคงมีหลายธุรกิจเร่งผลิต เร่งจ้างงาน เพื่อรองรับ ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นก่อนดิจิทัลวอลเลตด้วย เพราะการตลาดก็ต้องมี สินค้าบางรายการ 100 บาทก็จะสินค้าราคา 110 บาท เป็นไปได้ไหม เกิดการแข่งขัน ส่วนแหล่งที่มาของเงินอีก 10 วันจะชัดเจน”
เรื่องรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ยังไม่ได้ดูทั้งหมด แต่ 3 เดือนอาจจะยาก แต่เริ่มปฏิบัติการเริ่มทันที อยู่ระหว่างพูดคุยข้อกฎหมายอยู่ เนื่องจากมีปัญหาสะสมมานาน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายกับภาคเอกชน 5-6 หมื่นล้าน หรือแสนล้านบาทแล้วก็ตามที เรื่องการประมูลสายสีส้ม เรื่องการเชื่อมต่อระบบ เรื่องตั๋วใบเดียว แต่ยืนยันว่าเริ่มทำงานแล้วทันที
ปีหน้าขึ้นค่าแรง 400 บาท ประกาศเดือน พ.ย.
นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องขึ้นค่าแรงเป็นหนึ่งในมาตรการระยะสั้นที่เราให้ความสำคัญ ก่อนสิ้นปีต้องมีการยกระดับขึ้นมาอย่างแน่นอน ผมคิดว่าก่อนปีใหม่ ประมาณเดือนพฤจิกายนนี้ก็น่าจะประกาศได้ว่าจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคมปีหน้า หวังว่าจะไปถึง 400 บาทต่อวัน ขอดูตัวเลขก่อน
นายเศรษฐากล่าวด้วยว่า โดยในโอกาสที่จะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม UNGA78 ที่สหรัฐ จะมีการพูดคุยเรื่องจับคู่ธุรกิจ (Business matching) นำการลงทุนมายังประเทศไทยมากขึ้น เพื่อสานต่อการทำงาน ดึงดูดการลงทุน
“ประเด็นแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ นายกฯ ได้พูดคุยกับอธิบดีกรมสรรพสามิตคนใหม่ ทั้งในเรื่องภาษีที่ดิน ภาษีโรงเรือน ภาษีมรดก ภาษีลดความเหลื่อมล้ำทั้งหลาย ซึ่งภาษีมรดกเก็บได้ประมาณ 200 ล้านต่อปี โดยหลักการของภาษีคือ มีรายได้มาก็ต้องจ่ายภาษี ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากอะไร ในอัตราที่เหมาะสม ส่วนกรณีมีการลงทุนในต่างประเทศ ถ้านำเงินกลับเข้ามาต้องเสียภาษี เริ่มต้น 1 มกราคม ซึ่งต่อยอดมาจากรัฐบาลที่แล้วที่ดูแลเรื่องความเหลื่อมล้ำ รัฐบาลจะมีออกมาเรื่อย ๆ โดยยึดหลักว่าต้องตอบโจทย์และยุติธรรมกับทุกฝ่าย” นายเศรษฐากล่าวทิ้งท้าย