เศรษฐา รับลูก เพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืน ลงทุนสนามบินล้านนา 7 หมื่นล้าน

เศรษฐา ลงพื้นที่ เชียงใหม่

เศรษฐา พบปะผู้บริหารการท่าอากาศยานเชียงใหม่ รับลูก เพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืน เผย ลงทุนสนามบินแห่งที่ 2 วงเงิน 7 หมื่นล้าน 7 ปี รับนักท่องเที่ยว 20 ล้านคนต่อปี

วันที่ 17 กันยายน 2566 ที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พบปะผู้บริหารการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพื่อร่วมพูดคุยประเด็นการเพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เข้าร่วมด้วย

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีรับฟังการดำเนินการเตรียมการรองรับการเพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การพัฒนาปรับปรุงท่าอากาศยานเชียงใหม่ เช่น การพัฒนาปรับอาคารผู้โดยสารเดิม การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่ (แต่อยู่ในพื้นที่เดิม)

รวมถึงการก่อสร้างสนามบินแห่งที่ 2 ในการแก้ปัญหา capacity หรือความแออัดของผู้โดยสารของสนามบินเชียงใหม่ ปัจจุบันที่แม้จะมีการพัฒนาปรับปรุงสนามบินเพื่อรองรับผู้โดยสารแล้ว แต่เพื่อให้มีประสิทธิภาพรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้นตามเป้าหมายคือ 20 ล้านคนต่อปี จึงต้องมีการก่อสร้างสนามบินแห่งที่ 2 ขึ้น ส่วนการเพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืนนั้นก็สามารถดำเนินการได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมายที่มีอยู่

นายชัยกล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ย้ำ AOT นอกจากดูแลเรื่อง EIA และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ แล้วก็ให้ดูแลเยียวยาประชาชนลดผลกระทบด้านเสียงเป็นไปอย่างเหมาะสม รวมถึงเยียวยาจิตใจด้วย พร้อมสอบถามถึงการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ที่ใช้เงินลงทุนประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี จะเกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับสนามบินปัจจุบันที่ผลกำไรอยู่ที่ 2 พันล้านบาทต่อปี

ซึ่ง AOT รายงานว่าเมื่อก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่แล้วเสร็จจะสามารถมีกำไรอยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านบาทต่อปี และสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 20 ล้านคนต่อปี ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ทั้งนี้ ในส่วนของระยะเวลาดำเนินการ 7 ปีนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม และขอเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้เพื่อรองรับผู้โดยสารได้ตามเป้าหมายและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล

นายชัยกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาลซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้น ขอให้ AOT และ ตม. รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเกิดความประทับใจและมีความปลอดภัย ขณะเดียวกันหากมีประเด็นการนำเสนอข้อที่เป็นไปในทิศทางอ่อนไหวและไม่ถูกต้อง

ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับสังคมผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ ในรูปแบบที่น่าสนใจและเข้าใจง่าย หรือการใช้ Influencer ต่าง ๆ เข้ามาช่วยอีกทางหนึ่งก็ได้ ซึ่งจะสามารถสร้างความเข้าใจได้มากขึ้น

รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรีได้พบปะประชาชนที่คาดว่าได้รับผลกระทบจากการเพิ่มเที่ยวบิน ณ เทศบาลเมืองแม่เหียะ โดยมีประชาชนในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ (แนวร่อนลง) ได้แก่ หมู่ 5 หมู่ 7 ต.แม่เหียะ (แนววิ่งขึ้น) ได้แก่ หมู่ 1 และหมู่ 10 ต.แม่เหียะ

ทั้งนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ได้มีการตรวจวัดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเสียงอยู่เสมอซึ่งที่ผ่านมายังไม่เกินมาตรฐานที่กำหนดแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามหากมีผลกระทบเกิดขึ้น AOT ก็มีมาตรการในการดูแลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบตามกฎหมายที่กำหนดไว้แล้ว รวมถึงการซ่อมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายให้ด้วย รวมทั้ง AOT จะเร่งดำเนินการก่อสร้างสนามบินแห่งที่ 2 ต่อไป เพื่อลดความแออัดและผลกระทบด้านเสียงที่เกิดขึ้น

สำหรับการพัฒนาปรับปรุงสนามบินเชียงใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารนั้น ไม่ได้เป็นการขยายพื้นที่ออกไปจากพื้นที่เดิมแต่อย่างใด แต่เป็นการสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่และการพัฒนาปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิมให้มีประสิทธิภาพ สะดวกสบาย สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ การเพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาลนั้น เที่ยวบินจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพของสายการบินที่จะสามารถนำผู้โดยสารมาได้มากน้อยเพียงใดด้วย ขณะเดียวกันทาง AOT ก็จะมีการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอีกครั้งต่อไป

โดยนายกรัฐมนตรีได้ทักทายสวัสดีประชาชน พร้อมกล่าวว่าตลอดเวลาที่เดินทางมาที่จังหวัดเชียงใหม่นี้เพื่อมารับฟังปัญหาและโอกาสในการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ให้เจริญ ประชาชนอยู่ดีกินดี โดยเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นด้วยการท่องเที่ยว

ซึ่งนอกจากกรุงเทพมหานครที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวแล้ว จังหวัดเชียงใหม่ก็เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวอย่างมากเช่นกัน เพราะมองว่าการท่องเที่ยวจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญ

โดยขณะนี้รัฐบาลได้มีการประกาศยกเว้นวีซ่าประชาชนชาวจีนที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้ว โดยเห็นได้ชัดว่านักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้น เรื่องของสาธารณูปโภคพื้นฐานโดยเฉพาะเรื่องของสนามบินเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะทำให้การท่องเที่ยวเจริญรุ่งเรืองได้ และทำให้จังหวัดเชียงใหม่ก้าวไปข้างหน้าเป็นไปตามศักยภาพที่ควรเป็น นอกจากนี้จังหวัดเชียงใหม่ยังเป็นยุทธศาสตร์สำคัญด้านการขนถ่ายสินค้าด้วย

ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสักการะอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสเดินทางลงพื้นที่พบปะประชาชนชาวเชียงใหม่ด้วย

ประชาชนส่งเสียงสะท้อน เปิดบิน 24 ชั่วโมง กระทบมากขึ้น

นายเศรษฐากล่าวว่า การมาพบปะพูดคุยกับประชาชนวันนี้เพื่อมารับฟังการขยายระยะเวลาการบิน ซึ่งจะเป็นการรบกวนและกระทบประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับสนามบิน ซึ่งรัฐบาลตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้ และอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับการออกนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลในการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย รวมทั้ง รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับมิติสังคม สิ่งแวดล้อม

จึงได้พาผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนมาร่วมรับฟังปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามหากมีผลกระทบอะไรขอให้มีการพูดคุยกัน รัฐบาลพร้อมรับฟังและนำมาสู่การปฏิบัติ และช่วยเหลือเยียวยาอยางเหมาะสมต่อไป

ทั้งนี้ ตัวแทนประชาชนในพื้นที่ ได้สะท้อนปัญหาและผลกระทบจากการขึ้นลงของเครื่องบินมาเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งส่งผลกระทบทั้งปัญหาฝุ่นควัน หลังคาร่วง และปัญหาทางเสียง หากมีการเพิ่มเที่ยวบินเปิดบริการ 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะการเพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืน อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนมากขึ้น

ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) หรือ AOT กล่าวว่า AOT มีมาตรการเยียวยาชดเชยให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ

ซึ่งปัจจุบันสนามบินเชียงใหม่มีเที่ยวบินหลังเวลา 20.00 น ประมาณ 30 เที่ยวบิน โดยการขยายเพิ่มจำนวนเที่ยวบินช่วงหลังเที่ยงคืน เป็นเที่ยวบินบินยาวระหว่างประเทศ อาทิ สายการบินจากเกาหลี จีนและญี่ปุ่น ที่มีความต้องการบินเข้ามายังจังหวัดเชียงใหม่มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ

แต่ทั้งนี้ จะมีการควบคุมปริมาณเที่ยวบิน เพื่อให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด ส่วนมาตรการเยียวยาช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบมี 2 ระดับคือ หากบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนและได้รับผลกระทบมากสุด ก็จะรับซื้อบ้านในราคาที่เหมาะสม และกลุ่มบ้านที่ได้รับผลกระทบรองลงมาก็จะชดเชยหลังคาเรือนละ 100,000-300,000 บาท เป็นต้น

ขณะเดียวกัน AOT จะดำเนินการศึกษาข้อมูล เพื่อการก่อสร้างสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 โดยจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 5-7 ปีในการศึกษาข้อมูล

นายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า คาดว่าจะขยายเวลาเปิดให้บริการสนามบินเชียงใหม่เป็น 24 ชั่วโมง ได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 นี้ ซึ่งขณะนี้เกือบทุกสายการบินต่างประเทศมีความประสงค์จะเปิดเที่ยวบินมายังจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มมากขึ้น

และขณะนี้ AOT ก็ได้มีการพูดคุยเจรจากับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว โดยจะมีการสำรวจข้อมูลชาวบ้านในเขตโดยรอบสนามบินที่ได้รับผลกระทบ เบื้องต้นคาดว่ามีจำนวน 5,000-6,000 หลังคาเรือน