เจาะใจ เศรษฐา “ถ้าผมไม่สามารถกระตุก ศก.ขึ้นมาได้ ก็ไม่สมควรต้องอยู่ตรงนี้”

หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงรายละเอียดเรื่องแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทที่ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์เครือมติชน-ประชาชาติธุรกิจ ถึงความมุ่งมั่นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

โดยเฉพาะการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทเพื่อนำมาใช้แจกเงินในโครงการดิจิทัลวอลเลตคนละ 10,000 บาท ให้ประชาชน 50 ล้านคน ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปมีรายได้ไม่ถึง 70,000 บาทต่อเดือน และมีเงินฝากรวมทุกบัญชีไม่เกิน 5 แสนบาท

แน่นอนว่าที่เป็นประเด็นร้อนคือแหล่งที่มาของเงิน ที่นายกฯเศรษฐาระบุว่า จะใช้วิธีการออกพระราชบัญญัติกู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อมาแจก ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่าจะผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และขัดรัฐธรรมนูญ

Q : แนวทางการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน เป็นคำแนะนำจากใคร

เรื่องนี้มีการขอความเห็นกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ท่านเองเป็นคนบอกให้ท่านนายกฯครับ 1.อย่าให้คนรวย 2.ต้องใช้ พ.ร.บ.กู้เงิน ปัจจุบันหนี้สาธารณะไทยอยู่ที่ 61% ของจีดีพี ซึ่งถ้ากู้มาใช้โครงการนี้ก็จะขึ้นไปเป็น 63-64% สบายมาก รับได้

โดยผมเป็นคนส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความก่อน เพื่อที่จะเซฟคณะอนุกรรมการ คณะกรรมการทุกคน ถ้าเกิดเข้า ครม.ไปแล้วจะมีปัญหา จึงต้องให้กฤษฎีกาดูข้อกฎหมายให้ถูกต้องก่อน เพื่อให้ทุกคนเซฟหมด

Advertisment

Q : พ.ร.บ.กู้เงิน ต้องเข้าสภามีความเสี่ยงที่จะไม่ผ่านหรือไม่

ทุกอย่างมีความเสี่ยงหมด กฤษฎีกาเป็นความเสี่ยงแรกที่จะตีความยังไง ผมมั่นใจว่าสิ่งที่ผมทำถูกต้อง ถ้าอะไรไม่ถูกก็บอกมา ผมไม่มีการล็อบบี้ โทร.หาคณะกรรมการใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างว่าไปตามเนื้อผ้าหมด ถ้าผ่านกฤษฎีกาก็เอาเข้าสภา ก็ต้องมีเสียงข้างมากแน่นอน สภาล่างผ่านก็ไปสภาบน ถ้าสภาบนไม่ผ่านก็ตีตกไปอยู่สภาล่าง สภาล่างผ่านก็คือผ่าน สภาบนผ่านก็คือผ่าน ก็เดินหน้าได้

Q : ถ้ามีอุบัติเหตุให้ พ.ร.บ.กู้เงินไม่ผ่าน ผลจะเป็นอย่างไร

ถ้า พ.ร.บ.กู้เงินไม่ผ่าน ก็ถือว่าเป็นความซวยของประเทศ ผมไม่รู้ว่าผมพูดอย่างนี้ได้หรือเปล่า ผมไม่รู้จะพูดอย่างนี้ได้หรือเปล่า เพราะยังไงผมก็ไม่อยากให้โดนเขี่ยตก

Q : ฝ่ายค้านบอกเป็นแผนหาทางลง เพราะรู้อยู่แล้วว่าขัดรัฐธรรมนูญ

ผมมาวันนี้ไม่ได้อยากเป็นนายกฯ แต่มาทำให้ชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องประชาชนดีขึ้น ถ้านโยบายหลักของผมไม่ถูกผลักดันออกไป ผมก็เหนื่อย ถ้าผมไม่สามารถกระตุกเศรษฐกิจขึ้นมาได้ ผมก็ไม่สมควรต้องอยู่ตรงนี้

ถือเป็นข้อกล่าวหาที่เอาตัวเองเป็นบรรทัดฐาน บรรทัดฐานของเขา ของผม มันต่างกัน จุดมุ่งหมายบางคนที่อยากเป็นนายกฯ แล้วก็ต้องมีอะไรมาอธิบายให้ฟังที่ทำไม่ได้ แล้วก็หล่อ ๆ พอทำไม่ได้ไม่เป็นไรก็อยู่ต่อไป

Advertisment

แต่สำหรับผม ถ้านโยบายนี้ผลักดันไปไม่ได้ ก็ต้องหาอย่างอื่นมาทำต่อ แต่ผมมั่นใจว่านโยบายนี้มันต้องดีจริง ๆ แล้วผมมั่นใจว่านโยบายนี้สามารถ ปั๊มสตาร์ต ชีพจรเศรษฐกิจของประเทศไทยให้กลับมาอยู่ให้ได้

เพราะทั้งคณะอนุกรรมการดิจิทัลวอลเลต หรือว่าคณะกรรมการชุดใหญ่ก็มีความกังวล ดังนั้นผมก็ต้องทำให้มันโปร่งใส ต้องผ่านกฤษฎีกาก่อน เป็นมติของคณะกรรมการชัดเจน ซึ่งผมก็น้อมรับและเห็นด้วยอย่าง 100% เพราะไม่อยากให้คนทำงาน ข้าราชการรับความสุ่มเสี่ยง

โจทย์ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของกฤษฎีกาและสภา

Q : หลายเสียงบอกเศรษฐกิจไทยไม่วิกฤตไม่จำเป็นต้องกระตุ้น

ประเทศไทยจีดีพีโตแค่ 1.8% ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ต่ำกว่าเพื่อนบ้านหลายเท่าตัว หนี้ครัวเรือนสูง อย่างนี้เป็นวิกฤตหรือเปล่า รัฐบาลนี้มองว่าเป็นวิกฤต ก็ต้องมีการกระตุ้น ซึ่งนโยบายนี้เป็นการทำหนเดียว ไม่ใช่งบฯผูกพัน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ปลอดจากคอร์รัปชั่น มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่มีทุจริต ชัดเจนเหมือนกับของรัฐบาลลุงตู่จ่ายเงินเข้าไปในแอปเป๋าตัง ประชาชนก็จะสามารถใช้ได้ในเวลา 6 เดือน แต่ต้องใช้ในอำเภอตามที่อยู่บัตรประชาชน

และก็ชัดเจนว่าเป็นเงินสกุลบาท ก็เหมือนเงินที่หมุนอยู่ในกระเป๋า แต่เงินนี้ใช้ได้จำกัดประเภทสินค้าที่ซื้อ ใช้ได้จำกัดจากระยะทาง เช่น ถ้าออกไปนอกอำเภอนี้ ร้าน 7-11 ที่อยู่นอกอำเภอนี้ก็ใช้ไม่ได้ ต้องใช้ร้านค้าในอำเภอนี้เท่านั้น

เรามีความเชื่อมั่นว่านโยบายนี้จะเป็นนโยบายที่เวิร์ก รดน้ำให้หญ้าที่อยู่หน้าบ้านทุกคนเขียวเหมือนกันหมด ไม่ใช่เขียวเป็นหย่อม ๆ เขียวที่เชียงใหม่ เขียวที่ภูเก็ต เขียวที่กรุงเทพฯ ที่มีความเจริญอยู่แล้ว เราต้องการกระจายความเจริญเข้าไปในพื้นที่ต่าง ๆ และไม่ใช่แค่การซื้อมาม่า โค้ก แฟนต้า สไปรท์ แต่อยากให้ไปซื้อรถเข็น ให้ไปซื้อกระบวยลวกก๋วยเตี๋ยว ไปซื้อปุ๋ย ให้ไปซื้ออะไรที่สามารถทำให้คนมีชีวิตชีวาขึ้นได้บ้าง

แต่ที่ผ่านมา ผู้ใหญ่บางคน บางพรรคไปบอกว่าเป็นคริปโต ซื้อขายได้ เทรดได้ แลกเป็นเงินสด ผมไม่เคยพูด และไม่มีความจำเป็นที่ผมจะทำนโยบายนี้เพราะมีเรื่องของคอร์รัปชั่นมาเกี่ยวข้อง มันไม่มี-มันมีไม่ได้ สังคมไทยไม่เคยลงโทษคนที่พูดแล้วไม่เป็นความจริง บางคนก็เป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม แต่ออกมาพูดกันเลอะเทอะไปหมด

Q :เงื่อนไขตัวเลข “บัญชีเงินฝาก” เริ่มวันไหน

เงื่อนไขแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ผ่านแอปเป๋าตัง สำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้ไม่เกิน 70,000 บาทต่อเดือน และบัญชีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 5 แสนบาท ไม่รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล สลากออมสิน หรือหุ้นกู้ต่าง ๆ

สำหรับวันที่จะใช้ขีดเส้นบัญชีเงินฝากไม่เกิน 5 แสนบาท คือวันที่เปิดลงทะเบียนรับสิทธิเข้าร่วมโครงการ ซึ่งตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ เพราะยังต้องผ่านกระบวนการอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องแหล่งเงินที่จะต้องออกพระราชบัญญัติเงินกู้ 5 แสนล้านบาท

ส่วนที่จะมีประชาชนจำนวนมากที่ดำเนินการถอนเงินฝากเพื่อไปลงทุนซื้อหุ้นกู้ หรืออื่น ๆ ก็เป็นสิทธิที่ทำได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะจริง ๆ แล้วรัฐบาลต้องการจะแจกทุกคนอยู่แล้ว แต่เมื่อมีข้อเสนอแนะให้ตัดกลุ่มคนรวยออก รัฐบาลก็รับฟังความคิดเห็น จึงกำหนดเงื่อนไขขึ้นมา

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีโครงการ e-Refund คือให้คนไทยสามารถลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากการซื้อสินค้าและบริการ มูลค่าไม่เกิน 50,000 บาท โดยจะเริ่มช่วงต้นปี 2567

ทั้งนี้ กำหนดเป็น e-Refund คือจะต้องเป็นการซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมในการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice) ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการร้านค้าเข้าระบบภาษีด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์

มาตรการนี้ทำให้คนที่ไม่ได้รับสิทธิดิจิทัลวอลเลตก็สามารถเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย และทำให้ร้านค้าเข้าระบบภาษีดิจิทัลมากขึ้น และมาตรการ e-Refund จะเปิดโอกาสให้ผู้เสียภาษีทุกคนเข้าร่วมได้ แม้ว่าจะได้รับเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาทแล้วก็ตาม ไม่ได้จำกัดสิทธิ เพราะถือว่าเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ