“บิ๊กตู่” ปักธงบัญชีประชารัฐ สมคิดควบ 4 กระทรวงสู้ศึกเลือกตั้ง

สิ้นสุดการรอคอย ! เมื่อ 4 รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ 4 กรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี

และมีเสียง พล.ประยุทธ์ แบ่งรับแบ่งสู้ การอยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรี ของพรรค พปชร.ว่า “ถ้าอยู่ก็ต้องอยู่ในบัญชีนายกฯ ไม่มีอย่างอื่น เอาอย่างนี้แล้วกันเดี๋ยวจะไปนายกฯ คนใน คนนอก วุ่นวายไปหมด ถ้าอยู่ก็อยู่ ก็อยู่ในบัญชีนายกฯ”

4 รัฐมนตรีถือฤกษ์ “ลากิจ” เช้าของวันที่ 29 มกราคม 2562 ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าพบ “พล.อ.ประยุทธ์” บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรายงาน “วาระทางการเมือง” และบอกลาเป็น “ครั้งสุดท้าย”

แต่ตลาดการเมือง “รับรู้” ข่าวนี้ไปแล้วล่วงหน้า 122 วัน นับตั้งแต่ 4 รัฐมนตรีร่วมกันยื่นจดทะเบียนพรรค พปชร.

ข่าวแห่งอนาคต จึงอยู่ที่ “พล.อ.ประยุทธ์” จะเข้าสู่บัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี ชิงเก้าอี้ “ดับเบิลนายกฯ” ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ตามมติพรรค พปชร.หรือไม่

มุ่งสู่ถนนการเมืองเต็มตัว 

4 รัฐมนตรีใช้เวลาซักซ้อมคำแถลงกว่า 30 นาที ก่อนจะจูงมือกันลงจากตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อแถลง “ปิดฉาก” บทบาทในตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนจะก้าวเข้าสู่สนามการเมืองเต็มตัว

“อุตตม สาวนายน” รมว.อุตสาหกรรม-หัวหน้า พปชร. ให้สัมภาษณ์เรื่องการเมืองในทำเนียบรัฐบาลเป็นครั้งสุดท้ายว่า วันนี้ 4 รัฐมนตรีได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ และจะมีผลตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2562 และเมื่อช่วงเช้าได้เข้าพบนายกฯ เพื่อกราบลาในฐานะที่ทำงานร่วมกันใน ครม.

“ท่านนายกฯรับทราบแล้ว ท่านก็อวยพร ขอให้สิ่งที่เรามุ่งหวังในการทำงานการเมืองประสบความสำเร็จ โดยให้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักก่อน”

“เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เราจะออกไปทำงานการเมืองเต็มตัว วันนี้ถึงเวลาแล้วเพราะภารกิจในฐานะรัฐมนตรีได้เสร็จสิ้น ก่อนเข้าสู่การทำงานการเมืองต่อไป”

“สมคิด” รักษาการ-ไม่ปรับ ครม.

อำนาจในการบริหารงานของ 4 รัฐมนตรี ก็ยังอยู่กับ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี-เครือข่าย โดยให้กระทรวงที่มีรัฐมนตรีช่วย (รมช.) รักษาการและปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อน แต่หากรมช.ต้องไปปฏิบัติราชการต่างประเทศให้ นายสมคิดรักษาการ-ปฏิบัติหน้าที่แทน

สำหรับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มอบหมายให้ “พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์” รมว.ดีอี-มือขวานายสมคิด ปฏิบัติหน้าที่แทน ขณะที่ตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกฯของนายกอบศักดิ์ ให้นายสมคิดรับผิดชอบภารกิจและรักษาการแทนทั้งหมด

โดย “พล.อ.ประยุทธ์” ยืนยัน ณ เวลานี้ว่า “ยังไม่มีการปรับ ครม.”

โชว์สร้างบรรทัดฐานการเมืองใหม่

การสวมหมวก 2 ใบ ของ 4 รัฐมนตรีในครั้งนี้ แม้จะถูกนักการเมืองอาชีพทวงถามหา spirit-ถึงการสร้างความได้เปรียบทางการเมือง

ทว่า “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พาณิชย์-เลขาธิการพรรค กลับมองแตกต่างว่า การลาออกของ 4 รัฐมนตรี ถือว่าโดยหลักการ กฎหมายและรัฐธรรมนูญ หรือธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมาแล้ว ไม่เคยมีรัฐมนตรีต้องลาออกหลังจากพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้งประกาศใช้

“ที่ผ่านมาเรามีภารกิจที่ต้องรับผิดชอบในทีมเศรษฐกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้น เห็นได้จากผลงานที่ออกมา เราต้องทำงานหนักตลอด3-4 เดือน เพื่อให้งานลุล่วงให้เร็วที่สุด” นายสนธิรัตน์ให้เหตุผลถึงการรอ “เวลาที่เหมาะสม” ก่อนตัดสินใจลาออก

“พวกเราทั้ง 4 คนนั้น อาสาเข้ามาทำงานการเมือง เราถือว่าเราเป็นนักการเมืองใหม่ของบริบทการเมืองประเทศไทย เราต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ทางการเมือง ที่ไม่ใช้ความได้เปรียบทางการเมืองเป็นจุดหลักในการทำงานการเมือง”

“เราอยากเห็นประเทศไทยที่ไม่ใช้วาทกรรมการเมือง การเมืองที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนบนความรับผิดชอบในการทำงานที่ทำประโยชน์โดยตรงให้กับประชาชน”

“เราทั้ง 4 คนและพลังประชารัฐตั้งใจแสดงจุดยืนที่ชัดเจนทางการเมือง การลาออกวันนี้ไม่เคยมีใครปฏิบัติมาก่อน และไม่เคยมีนักการเมืองคนใดที่วิพากษ์วิจารณ์ได้กระทำในช่วงรัฐบาลหลังมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง”

อย่างไรก็ตาม การลาออกของ 4 รัฐมนตรีในวันนี้ไม่มีผล-นัยทางการเมืองแล้ว เพราะรัฐธรรมนูญได้ให้ “อำนาจเต็ม” แก่รัฐบาล-นายกฯ-หัวหน้า คสช. ที่เป็น “คนคนเดียวกัน” ไว้เบ็ดเสร็จจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่

สวมหมวก 2 ใบ 4 เดือนเต็ม

4 เดือนเต็ม นับจากวันที่ 29 กันยายน 2561 จนถึงวันนี้ (29 มกราคม 2562) 4 รัฐมนตรี ทั้งนายอุตตม นายสนธิรัตน์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี-รองหัวหน้าพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี-โฆษกพรรค

ขาข้างหนึ่งก้าวสู่สนามการเมืองไปแล้ว จึงทำให้ถูกกดดันจากนักการเมืองอาชีพ-กดทับจาก “มารยาททางการเมือง”ให้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีมาโดยตลอด จนนายสนธิรัตน์ใช้โอกาสลาออกปลดปล่อยความอัดอั้น

“แรงกดดันที่มีมาตลอด 4 เดือน พวกเรารับแรงกดดันด้วยความอดทน เพราะเรามีเป้าหมายการเข้าสู่การเมือง คือ การทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ไม่ได้เอาการเมืองนำการทำงาน”

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราน้อมรับคำวิจารณ์ และคำวิจารณ์เหล่านั้นเป็นคำวิจารณ์ทางการเมืองทั้งสิ้น ไม่ได้อยู่บนหลักการและเหตุผลที่เคยปฏิบัติกันมา”

“เมื่อเราอาสาและรวบรวมคนที่คล้ายพวกเรา เหมือนพวกเรามาทำงานการเมือง เพื่อประเทศจะได้มีทางออกต่อไป นี่คือจุดยืนของเรา และไม่ได้อยู่บนแรงกดดันของใครทั้งสิ้น เป็นการตัดสินใจที่จะทำการเมืองอย่างตรงไปตรงมาของพวกเรา”

เทียบเชิญ พล.อ.ประยุทธ์นายกฯ

การลาออกของ 4 รัฐมนตรียัง “เอฟเฟ็กต์” ไปถึงความชัดเจนทางการเมืองของ “พล.อ.ประยุทธ์” ที่จะกระโดดลงมาเป็น “แคนดิเดตนายกฯ” ในบัญชีพรรคนายอุตตม และจะเป็นแรงเหวี่ยง-แรงกดดันทางการเมืองต่อ พล.อ.ประยุทธ์ นับจากนี้

“ต้องให้ กก.บห. และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของพรรคได้พิจารณา โดยจะประชุม กก.บห.ภายใน 1-2 วัน และยื่นรายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ 2562”

ล่าสุดวันนี้( 30 ม.ค.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ว่า ที่ประชุม กก.บห.มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบรายชื่อบุคคลที่พรรคจะเสนอชื่อในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรค โดยไม่เรียงตามลำดับรายชื่อ จำนวน 3 รายชื่อ ได้แก่ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 2.นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และ 3.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี

“บิ๊กตู่” ไม่ปิดช่องนายกฯคนใน

พล.อ.ประยุทธ์ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ต้องเลือกระหว่าง “นายกฯคนใน” หรือ “นายกฯคนนอก” ได้เตรียมทางหนี-ทีไล่ไว้ทั้ง 2 ทาง

“การตัดสินใจทางการเมืองของผมนั้น ต้องรอพรรคการเมืองมาเชิญก่อน เมื่อเชิญแล้วต้องนำนโยบายเขามาศึกษาว่า นโยบายเป็นไปได้อย่างไร ผมรับได้หรือไม่ ยังมีเวลาให้ตัดสินใจ”

“ผมให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ช่วยไปหารือฝ่ายกฎหมาย คณะกรรมการกฤษฎีกา กกต. ให้เกิดความชัดเจน เช่น การเยี่ยมประชาชน การประชุม ครม.นอกสถานที่ การจัดรายการทุกวันศุกร์ เพื่อไม่ให้ทำผิดกฎหมาย หากไปตอบรับอยู่ในบัญชีพรรคการเมือง”

“ผมไม่จำเป็นต้องลาออกจากนายกฯ และหัวหน้า คสช.เพราะถ้าลาออกแล้วใครจะทำ กฎหมายไม่ให้ออกก็ไม่ออก อีกทั้งกฎหมายยังระบุให้ คสช.อยู่จนมีรัฐบาลใหม่”

พร้อมย้ำคำ “ต้องอยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรี”

น้ำคำของ พล.อ.ประยุทธ์ และการลาออกของ 4 รัฐมนตรี ย่อมมีผลต่อชัยชนะเลือกตั้ง

“นายสนธิรัตน์” วางเดิมพัน ว่าที่แกนนำจัดตั้งรัฐบาล ด้วยการปักธงพรรคไว้ในใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

“ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน ขอให้ดูผลการเลือกตั้ง เราต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน พรรคจะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ และหากเราได้รับความไว้วางใจ เราก็จะทำหน้าที่นั้นต่อไป”

คลิกอ่านเพิ่มเติม…ไม่พลิกโผ! พรรคพลังประชารัฐ เคาะ”บิ๊กตู่-อุตตม-สมคิด” คั่วแคนดิเดตนายกฯ

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!