“ประยุทธ์” แจงยิบนโยบาย แก้น้ำแล้ง-เศรษฐกิจฝืด ขู่กลับ มีค้างพันคดี…เตรียมตัวไว้

เมื่อเวลา 16.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงฝ่ายค้านว่า เพราะตนเป็นมนุษย์ ถ้าพูดเก่งก็เรื่องของท่าน แต่ตนพูดแล้วทำไปด้วย ทั้งนี้ เรื่องภัยแล้งทำมาโดยตลอด การจัดการน้ำภัยแล้งทำมาโดยตลอด สนทช.บริหารจัดการน้ำทุกประเทศ ทุกจังหวัด ทุกกิจกรรมน้ำ ทั้งด้านบริโภค อุปโภค น้ำเพื่อการเกษตร น้ำเพื่ออุตสาหกรรม และน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ วันนี้ดำเนินการทั้งหมด หากสนใจมาขอศึกษาดูได้ คือสิ่งที่ปฏิบัติ พูดอย่างเดียวไม่ได้

“ปัญหาวันนี้คือน้ำไม่เพียงพอ ฝนไม่ตก ฝนตกใต้เขื่อน เก็บน้ำได้น้อย การเกษตรทำเกินที่สามารถส่งน้ำให้ได้ และยังมีปัญหาในพื้นที่ทำนาน้ำฝน เมื่อฝนไม่ตกต้องมีปัญหาแน่นอน แต้รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาโดยเพิ่มเติมแหล่งน้ำ ทำระบบแหล่งน้ำ นำแม่น้ำโขงหรือแม่น้ำในด้านพม่าขึ้นมาใช้ได้อย่างไร เพราะเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ ไม่ได้ทำง่ายหรอกที่จะทำทุกอย่าง วันนี้ระดับน้ำแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้น เพราะให้คนไปติดต่อจีนกับลาวให้ปล่อยน้ำผ่านเขื่อนออกมา แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะจีนตอบมาว่าในจีนแล้งน้ำเช่นเดียวกัน คือปัญหาของโลก ถ้าติติงอย่างเดียวโดยไม่สร้างสรรค์เลยไม่ได้ บางพื้นที่อยู่สูงส่งน้ำไปไม่ถึง ต้องอาศัยน้ำจากเขื่อน ถ้าน้ำน้อยก็ส่งน้ำไม่ได้ วันนี้ส่งน้ำเกินขนาดไปแล้ว ปัญหาต่อไปคือน้ำประปาจะไม่มี” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการทำงาน งบประมาณประเทศมาจากภาษี เงินกู้ และรายได้ที่จัดเก็บทั้งหมด 2 ล้านล้านบาท จำเป็นต้องตั้งงบประมาณขาดดุลเอาไว้ เพราะเผื่อตัวเลขเอาไว้ถ้าจำเป็นก็กู้ หรือไม่กู้ก็ได้ ถ้ากู้ก็เพื่อการลงทุนเพื่อให้เกิดมูลค่าสูงสุด ที่ผ่านมารัฐบาลมีกี่รัฐบาลแล้วที่มีตัวเลขการกู้ 2 ล้านล้าน รัฐบาลใครก็ไม่รู้ แต่ทำไมไม่เกิดถนนหนทาง รถไฟ รถไฟฟ้า ไม่เกิดอีอีซี มันหายไปไหน ทั้งที่นโยบายใกล้เคียงกัน

“หนี้ทั้งหมดเป็นหนี้ให้เกิดรายได้ เป็นการลงทุนร่วมรัฐบาลและเอกชน แต่การลงทุนโดยภาครัฐอย่างเดียว วันนี้เอกชนร่วมด้วย เอกชนมีความเสี่ยงเอง รัฐบาลต้องดูแลสิทธิประโยชน์ให้เอกชน ถ้าคิดแบบเดิมไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ในประเทศไทย การที่มีการเติบโตของจีดีพีน้อยต้องดูฐานอุตสาหกรรมของไทยใหญ่แค่ไหน ถ้าไปเทียบประเทศที่จีดีพีโด่งวันนี้ เราเป็นอย่างนั้นเมื่อ 30 ปีทีแล้วในช่วงที่ปฏิรูปเศรษฐกิจใหม่ วันนี้ปล่อยให้เขาโตไป เดี๋ยวเราก็โตของเรา มีอีกหลายการผลิตที่จะย้ายฐานการลงทุนมาประเทศไทย”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รายได้รัฐบาลสุทธิ ประเมินไว้ 2,750,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้กรมสรรพากร 2 ล้านล้านบาท รายได้ของกรมสรรพสามิต 6.2 แสนล้าน 1.1 แสนล้าน 1.5 แสนล้าน รายได้จากหน่วยงานอื่น 248,600 ล้านบาท รายการหัก 56,500 ล้านบาท ภาษีรายได้บุคคลธรรมดา 315,804 ล้านบาท ได้มาแค่ 11 เปอร์เซ็นต์ มีคนเสียภาษีจริงๆ แค่ 4 เปอร์เซ็นต์ 4 ล้านคนที่อยู่ในเกณฑ์เสียภาษี กรมศุลกากร 1 แสนล้านบาท อะไรที่เป็นของคนจนเราไม่ได้ภาษี

“ก่อนหน้านี้ 2 ล้านล้าน ทำอะไรมาบ้าง ที่กู้มาทำให้เกิดรายได้หรือเปล่า ไม่อยากจะก้าวล่วง คดีค้างอยู่พันกว่าคดี เตรียมตัวไว้แล้วกันเรื่องอะไรไม่รู่” พล.อ.ประยุทธ์” กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการค้าออนไลน์ กระทรวงพาณิชย์เปิดช่องทางการค้าออนไลน์มา 3 ปี สำหรับคนที่ยังไม่มีความพร้อม ตรวจสอบคุณภาพ หลายคนไม่มาขายยุ่งยาก อยากจะสบายๆ ไม่ต้องบังคับ สบายใจก็อยู่อย่างนี้ไม่มีไปได้ การที่มีของต่างประเทศเข้ามา เช่น จีน อเมซอน เขาไม่รับถ้าคุณภาพไม่ได้ ดังนั้น เมื่อยังไม่ได้ก็มาขายของกระทรวงพาณิชย์ เมื่อปรับปรุงได้จึงนำไปขายในช่องทางออนไลน์อื่น สถิติออนไลน์เพิ่มขึ้นมา 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้รายได้ค้าปลีกลดลง

“ส่วนบัตรประชารัฐ การขายซื้อจากร้านใดก็ได้ที่มีเครื่องอ่านบัตร ถ้าร้านขายกล้วยแขกมีเครื่องอ่านบัตรก็จ่ายได้เหมือนกันกรุณาตามสิ่งที่รัฐบาลทำมา 5 ปีด้วย ไม่ได้โมโหใคร พูดเพราะอยากพูดให้เข้าใจ รายละเอียดเยอะจนท่วมตัวผมจนหาไม่เจอ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว