ตั้งพรรคใหม่! ไม่กู้เพื่อไทย-พี่ใหญ่ไทยรักไทยลงมือเอง

ขณะที่นักการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กำลังอลหม่านกับเกม “ยึดพรรค” ของคนกันเอง

ใช้ชัยชนะในการเลือกตั้ง ผนึกกับเหล่าทัพ บริหารประเทศด้วรัฐราชการครบ 1 ปี

ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจขาลง-อย่างต่อเนื่อง

เคราะห์ซ้ำ-กรรมเก่าตามหลอน ต้องเผชิญหน้ากับปัจจัยใหม่ ที่ควบคุมไม่ได้ เมื่อมหันตภัย “โควิด-19” เข้าโจมตีต่อเนื่อง 5 เดือนเต็ม

ข่าวปรับโครงสร้างพรรค-ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตีคู่ ในสถานการณ์หน้าสิ่ว-หน้าขวาน

จุดเปลี่ยนสำคัญ จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฏาคม 2563

เป็นช่วงที่มีการประชุมกรรมการวิสามัญพรรค และครบรอบ 1 ปีของรัฐบาล 20 พรรค

ทิศทางที่จะเป็นไปได้มีแค่ 2 ทาง คือ 1. “ทีมสมคิด” ถอยทั้งยวง-อ้างเหตุเกษียณตามกำหนด กับ 2.“ทีมบิ๊กป้อม” ขึ้นผงาดและแชร์อำนาจให้ “กลุ่มสามมิตร” ลูกข่าย “สมคิด” ที่เหลือในพรรค จะเป็นแค่ “ทีมหางเครื่อง” ทั้งในพรรค และในคณะรัฐมนตรี

ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจ-ขาลงดิ่งหนัก ติดลบระดับ “เลขสองหลัก” ในช่วงครึ่งหลังของปี ปะทะกับปัญหาการแย่งอำนาจในคณะรัฐมนตรี จะทำให้เกิดความ “เสื่อม” ในระดับทวีคูณ

เป็นจังหวะที่นักการเมืองขาใหญ่-เก๋าเกมทีมอดีตพรรคไทยรักไทย มองเห็นจุดอ่อน และวางแผนซุ่มโจมตี

ช่วงที่รัฐบาลชุลมุนประกาศ คลายล็อกดาวน์เฟส 2

คนการเมืองระดับ “ขุนพลทักษิณ” กลุ่มหนึ่ง “มาตามนัด” ที่ “เซฟเฮาส์” บนอาคารย่านถนนวิภาวดี

ประเมินสถานการณ์ การเมือง-เศรษฐกิจ วางยุทธศาสตร์ใหม่ เปิดความหวังให้กับสังคมการเมือง

ภายใต้ความแตกร้าว-ไม่ลงรอยของทีมหลัก ในพรรค “เพื่อไทย” ยากที่จะไปต่อ ทั้งในระดับเลือกตั้งท้องถิ่นและระดับชาติ

เมื่อ “ทีมเจ้าแม่เมืองหลวง” ดื้อแพ่ง-เดินสายเปิดอีเวนต์ โชว์ภาพขยันลงพื้นที่ทำคะแนน กับลูกน้องคู่ใจไม่กี่คน

ส่วน “ทีมหัวหน้าพรรค” ก็นิ่ง-ไม่ขยับ ไร้ทิศทางและเป้าหมายทางการเมือง ทั้งในเกมในสภาผู้แทนและเกมเข้าถึงมวลชน

จึงสุกงอมเพียงพอ ที่จะขึ้นเค้าโครง “กลุ่มพลังใหม่” ที่วางเป้าหมายยกระดับเป็น “พรรคการเมืองใหม่” อีกครั้ง

เค้าโครงกลุ่ม-พรรคการเมืองใหม่ ตั้งต้นจากคณะบุคคลที่สามารถสร้างญัติสาธารณะ-เปิดประเด็นที่สั่นสะเทือนสังคม ดึงกระแสให้เกิดศูนย์รวม-จุดร่วมใหม่ ในการเคลื่อนการเมืองที่เป็นทางเลือกใหม่อย่างแท้จริง

ด้วยนวตกรรมการเมือง แบบใหม่-ภายใต้ประสบการณ์-บทเรียนของ “นักตั้งพรรค” มาแล้วไม่น้อยกว่า 4-5 พรรค

คราวนี้ทุกคนเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า “ต้องเคลื่อนไหวแบบรวดเร็ว ฉวยจังหวะที่รัฐบาลเสื่อมทรุดอย่างถึงที่สุด ทั้งในเกมชิงอำนาจ และผลงานการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ระเนระนาด”

สถานการณ์หลังจากคนกลายล็อกจากความกลัว “โควิด” กลายสภาพเป็น “ความหิว-กระหาย” ส่งผลให้ดีกรีการเมืองใน-นอกสภาร้อนแรงขึ้น

จะเป็นจังหวะที่ “คณะบุคคล” กลุ่มนี้จะ “เสิร์ฟ” ชุดความคิดทางการเมืองใหม่ ให้ถูกที่-ถูกเวลา

คณะบุคคลที่ขึ้นรถไฟขบวนใหม่ คัดกรองทีมใหม่ ทำงาน Think-Thank ร่วมกับแกนนำ “พี่ใหญ่ไทยรักไทย”

กระนั้นอาจมี “ขาใหญ่-ชื่อดัง” หลายคนในอดีตไทยรักไทย “หลุดขบวน” ความเคลื่อไหวครั้งสำคัญนี้

ใครจะได้ไปต่อ…การชุมนุมครั้งหน้าจะชัดเจนยิ่งขึ้น


อ่านเพิ่มเติม