19 กันยายน การชุมนุมของกลุ่ม “ขบวนการนักเรียน นักศึกษา” จากหลายกลุ่มก้อน ทั้ง กลุ่มประชาชนปลดแอก แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มนักเรียนเลว และอีกหลายสารพัดกลุ่ม
ถูกพยากรณ์โดยฝ่ายความมั่นคง นักการเมือง นักกิจกรรมทางการเมือง ทุกขั้ว ทุกข้างว่าจะเป็นการชุมนุมใหญ่ที่สุดในรอบ 6 ปี ตั้งแต่มีการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 มากกว่าการชุมนุมครั้งล่าสุดที่ถนนราชดำเนิน เมื่อค่ำคืนวันที่ 16 สิงหาคม
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- หุ้นไทยดิ่งหนัก ตลาดหลักทรัพย์ออก Statement ชี้แจง
เป็นเชื้อไฟที่ต่อเนื่องมาจากแฟลชม็อบรอบแรกที่มีชนวนเหตุสำคัญจากการ “ยุบพรรคอนาคตใหม่” ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ – ปิยบุตร แสงกนกกุล และพวก
แต่แท้จริงแล้วเริ่มเห็นแววการปะทุตั้งแต่ “พรรคอนาคตใหม่” ยังไม่ถูกยุบ เพราะจุดเริ่มต้น – ต้นตอมาจากการนัดรวมพลแฟลชม็อบ ของพรรคอนาคตใหม่ บริเวณหอศิลป์ กทม. วันที่ 14 ธันวาคม 2562 ที่กำลังเผชิญมรสุมยุบพรรค
“ธนาธร” กล่าวในวันนั้นว่า “ถือเป็นการซ้อมใหญ่ เราต้องการส่งเสียงถึงผู้มีอำนาจ เป็นการแสดงตนแสดงพลังว่า เราจะไม่ทน ไม่ถอยให้กับระบอบเผด็จการอีกแล้ว ที่ผ่านมาเขาทำให้เรากลัว ใครลุกขึ้นสู้ก็ถูกจับยัดคดีใส่ ถูกเรียกไปปรับทัศนคติ นี่คือการเมืองของเขา แต่เขาไม่มีทางชนะความหวังของพี่น้องประชาชนได้ อย่างตอนนี้ ถ้าไม่ให้ลงถนน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เพราะประชาชนที่มาร่วมแสดงตนมีเยอะมาก และเดือนหน้าเราจะได้ลงถนนกันแน่ ๆ ให้ซ้อมวิ่งกันไว้ได้แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่าเพิ่งกลัว ของจริงอยู่เดือนหน้า (คาดหมายว่าการยุบพรรคจะเกิดขึ้นในเดือน มกราคม 2563)”
ด้าน “ประจักษ์ ก้องกีรติ” นักรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ – ความขัดแย้งในการเมืองไทย วิเคราะห์สถานการณ์ ก่อนการตัดสิน “ยุบพรรค” อนาคตใหม่ หากถูกยุบพรรคจะเกิดอะไรขึ้นว่า
“ความอึดอัดของคนจะมีมาก เพราะในแง่ timing ไม่ค่อยดี เพราะเป็นช่วงรัฐบาลกำลังขาลง ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสนิยมรัฐบาลกำลังตก ปัญหารุมเร้า”
“กรณีการตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ คนจะไม่อ่านคำตัดสินในแง่ข้อกฎหมาย แต่คนจะอ่านในฐานะความหมายทางการเมืองมากกว่า”
และเป็น “ผลลบ” กับ “รัฐบาลประยุทธ์” มากกว่าผลบวก “เพราะถ้าหากยุบ อนาคตใหม่จะเป็นการปลดปล่อยพลังทางการเมืองออกไปสู่อะไรก็ไม่รู้ เพราะการที่เก็บเขาไว้ในสภา ซึ่งการเมืองในสภาเป็นการประนีประนอมรอมชอม ต่อให้อนาคตใหม่. radical ขนาดไหน เมื่อเข้าสู่สภาแล้วก็ถูกปรับเปลี่ยนให้ประนีประนอมระดับหนึ่งเสมอ”
“แต่ถ้าผลัก อนาคตใหม่ออกไป ถูกยุบพรรค ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาจะไปไหน โดยเฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่เล่นการเมืองในสภาไม่ได้อีกแล้ว ก็ผลักไปอยู่การเมืองนอกสภาโดยปริยาย ซึ่งการเมืองนอกสภาเป็นการเมืองที่คุมไม่ได้ เพราะเป็นพื้นที่เปิด”
“และการปราศรัยนอกสภาไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์ ไม่มีประธานสภามาโต้ว่าห้ามพูดต่อ ไม่มีหมดเวลาการประชุม เป็นเรื่องของมวลชน”
แล้วก็เป็นอย่างที่ “ประจักษ์” วิเคราะห์ เพราะหลังจาก พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ แฟลชม็อบก็จุดติดไปทุกมหาวิทยาลัย
“ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวเชื่อมโยงการยุบพรรคอนาคตใหม่กับแฟลชม็อบนักศึกษา หลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ว่า
“บอกแล้วว่าหากยุบอนาคตใหม่จะเป็นอย่างไร เพราะอย่างน้อยที่สุดพรรคอนาคตใหม่คือรูระบาย ความอัดอั้น ความไม่พอใจต่างๆ และยังเป็นความหวัง เมื่อดึงมันออก เขาก็ไม่มีทางระบายออก ดังนั้น จึงไม่รู้จะจบอย่างไร เพราะนี่คือสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงมันเดินแล้ว”
แม้แฟลชม็อบนักศึกษาตามรั้วมหาวิทยาลัยต่างๆ จะถูก วิชาบังคับ “โควิด-19” ให้หยุดการชุมนุมโดยปริยาย ทว่าการชุมนุมของขบวนการนักศึกษา ก็ come back
เพียงแต่ การชุมนุมครั้งใหม่ไม่ใช่จำกัดขอบเขตอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย หากกลายมาเป็นชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เต็มเป็นรูปแบบ
ไล่ไทม์ไลน์การชุมนุม
ช่วงเดือน มิถุนายน 2563 เริ่มมีเหตุการณ์จับกุมแกนนำนักศึกษา สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) นัดเคลื่อนไหว “อารยะขัดขืน” หน้า สน.ปทุมวัน หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ภายหลังจัดกิจกรรม “ทวงความยุติธรรมให้กับผู้ถูกอุ้มหาย” นำโดย พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” ได้ “ฉีกหมายเรียก” ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อหน้าสื่อมวลชน
- ปรากฏการณ์ “#saveวันเฉลิม” ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ถูกอุ้มปริศนา
- ฉากร้อน “สมศักดิ์-ดอน” ตอบปม “อุ้มวันเฉลิม” บุคคลที่ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคง
จากการที่ “วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์’ ซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง ถูกบุคคลนิรนามจับตัวไปที่ประเทศกัมพูชา เมื่อ 5 มิถุนายน สนท.จึงนัดรวมตัวที่หน้าหอศิลป์ กทม.ก่อนถูกหมายเรียก
24 มิถุนายน 2563 อันเป็นวันครบรอบ 88 ปี วันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งในวันดังกล่าวมีการจัดกิจกรรมรำลึกถึงวีรกรรมของคณะราษฎรหลายกิจกรรม
และในเย็นวันนั้น สนท. นำโดย ‘เพนกวิน’ กับกลุ่มเยาวชนปลดแอก Free Youth ได้ทำกิจกรรมรำลึก 88 ปีเปลี่ยนแปลงการปกครองที่สกายวอล์ค สี่แยกปทุมวัน และอ่านประกาศคณะราษฎร พร้อมย้ำถ้อยคำในประกาศคณะราษฎร ที่ว่า “ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศนี้เป็นของราษฎร”
สน.ปทุมวัน ออกหมายเรียกเป็นใบที่ 2 โดยให้เหตุผลว่า “ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมประชุมกัน หรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย” เสี่ยงต่อการติดโควิด – 19
แต่ในเวลาไล่เลี่ยกัน กลับเกิดกรณีพบทหารอียิปต์ ที่ตรวจพบว่าเป็น โควิด -19 เดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ของ จ.ระยอง รวมถึงกรณีเด็กหญิงวัย 9 ปี บุตรสาวอุปทูตซูดาน ติดโควิด-19 พักอยู่คอนโดใจกลาง กทม. จนกระทั่ง “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องแถลงขอโทษ พร้อมกับเดินทางลงพื้นที่ไปขอโทษประชาชนในจังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม
16 กรกฎาคม เยาวชนระยอง 2 คนคือ นายภานุพงศ์ จาดนอก และนายณัฐชนน พยัฆพันธ์ สองแกนนำเยาวชนภาคตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย ชูป้าย “การ์ดอย่าตกพ่…งง” และ “อยู่ต่อก็ฉิบหาย ออกไปไอ้สั…” ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่จ.ระยอง จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำการล็อกคอ เข้าห้องขัง พร้อมแจ้ง 4 ข้อกล่าวหา
เอฟเฟกต์ดังกล่าว ส่งสะเทือนไปทั่วสังคมโซเชียลมีเดีย แฟลชม็อบนักศึกษาก็นัดรวมตัวผ่านทวิตเตอร์ และลงถนนครั้งแรกในวันที่ 18 กรกฎาคม ในนามกลุ่ม “เยาวชนปลดแอก” ยึดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นพื้นที่ชุมนุม และ ภานุพงศ์ หรือ “ไมค์ ระยอง” ก็ปรากฏตัวร่วมบนเวที
- คุมตัว “2 หนุ่มระยอง” โผล่ชูป้ายประท้วงต้อนรับ “นายกฯ”
- ตร.จับกุม “ไมค์ ระยอง” หลังโผล่ชูป้ายประท้วงรัฐบาลอีก
“เยาวชนปลดแอก” ยื่นเงื่อนไข 3 ข้อเรียกร้องครั้งแรกบนเวทีในวันนั้น 1.ยุบสภา 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และ3.หยุดคุกคามประชาชน
หลังจากนั้นแฟลชม็อบของนิสิต นักศึกษา ขยายตัวไปทั่วทุกภาค ในหลายจังหวัด พ่วงแฮชแท็ก #..(ชื่อกลุ่ม-สถาบัน) จะไม่ทน ใจกลางข้อเรียกร้องคือ 1.ยุบสภา 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และ3.หยุดคุกคามประชาชน
- ‘เยาวชนช่วยชาติ-เยาวชนปลดแอก’ นัดชุมนุมพร้อมกัน ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
- มารีญา ร่วมชุมนุม “ประชาชนปลดแอก” อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ม็อบหนึ่งที่ถูกไฮไลท์จากสื่อไทย – เทศ คือ ม็อบแฮมทาโร่ เป็นนวัตกรรมใหม่ของม็อบเยาวชน ที่ทำให้ฝ่ายความมั่นคง งงเป็นไก่ตาแตก ด้วยการหยิบฉวยตัวการ์ตูน “แฮมทาโร่ แก๊งจิ๋วผจญภัย” มาเป็นแคมเปญเคลื่อนไหวต้านรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” จนสำนักข่าวเอาสีสันไปรายงานเป็นข่าว และเพจดังหลายเพจก็มาเฉลยว่าทำไมต้องเป็นเพลงการ์ตูน “แฮมทาโร่” อันเป็นการชุมนุมวันที่ 26 กรกฎาคม
- ม็อบแฮมทาโร่ : นักศึกษา-นักเรียนจุดเปลี่ยน-จุดจบ จากไล่ทักษิณถึงไม่เอาประยุทธ์
- สำรวจเกือบ 2 แสนคน เห็นว่า “ม็อบนักศึกษา” กล้าเปลี่ยนประเทศในทางดีขึ้น
จุดเปลี่ยนสำคัญ
แล้วก็ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ ในการชุมนุมวันที่ 3 สิงหาคม โดยกลุ่มมหานครเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มมอกะเสด จัดกิจกรรมชุมนุม ‘เสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาธิปไตย’ บุคคลที่ขึ้นพูดบนเวทีวันนั้นคือ “อานนท์ นำพา” ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ขึ้นปราศรัย
ทั้งนี้ เนื้อหาบางตอนบนเวที กล่าวถึงสถาบัน ‘เบื้องสูง’ เป็นเหตุให้ “ทนายอานนท์” ถูกออกหมายจับในเวลาต่อมาด้วยข้อหาความผิดหลายคดี เช่น ข้อกล่าวหา ม.116 ยุยงปลุกปั่น, พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ, พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ, และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
จากนั้นทำให้ประเด็นสถาบันเบื้องสูง ถูกยกขึ้นเป็นข้อเรียกร้อง 10 ข้อ บนเวที #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน ซึ่งจัดโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ทำให้ม็อบนักศึกษาถูกกระแสตีกลับจากสังคมพอสมควร พร้อมกับการเกิดขึ้นของฝ่ายต่อต้าน อย่างกลุ่ม “อาชีวะช่วยชาติ” และกลุ่ม “ไทยภักดี” นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม
(ในเหตุการณ์ชุมนุม 10 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญ เพิ่งมีคำสั่งรับคำร้องเพื่อวินิจฉัยว่าการชุมนุมดังกล่าวเข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ ผู้ร้องคือ นายณฐพร โตประยูร) แต่ก็ไม่ทำให้การชุมนุมในภาพใหญ่เสียขบวน – เสียขวัญ
เพราะในวันที่ 16 สิงหาคม เยาวชนปลดแอก ยกระดับเป็น “ประชาชนปลดแอก” นัดชุมนุมครั้งใหญ่ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผลักวาระ 3 ข้อ 1.แก้รัฐธรรมนูญ 2.ยุบสภา 3.หยุดคุกคามประชาชน 2 จุดยืน ไม่เอารัฐประหาร – รัฐบาลแห่งชาติ กับอีก 1 ความฝันอีก ที่ต้องการให้มีประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง
“ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี” หรือ “ฟอร์ด” เลขาธิการคณะประชาขนปลดแอก กล่าวว่า ข้อเสนอของเราไม่ได้ล้มเจ้า และเราไม่ใช่พวกล้มเจ้า เราต้องการให้รัฐบาลร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่มาจากเจตจำนงของประชาชน เพื่อประโยชน์แก่สาธารณชน และให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ร่างรัฐธรรมนูญที่ประชาชนมีส่วนร่วม จากนั้น รัฐบาลต้องยุบสภา ภายใต้ “กติกาที่เป็นธรรม” เพื่อเป็นการเปิดให้ประชาชนสามารถแสดงเจตจำนงในการเลือกผู้แทนของตนได้อย่างแท้จริง
คลื่นขบวนการนักศึกษา ส่งผลให้รัฐบาล “ยอมถอย” เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ 2560 โดยให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยจะมีการประชุมร่วมรัฐสภาในวาระแรก 23-24 กันยายนนี้
การเมืองลงลึกถึงรั้วมัธยม
อย่างไรก็ตาม 17 สิงหาคม ไม่ถึง 24 ชั่วโมงของ หลังการชุมนุม “ขบวนการปลดแอก” ที่ถนนราชดำเนิน ก็เกิดภาพที่ทำให้ตกตะลึงกันทั้งโซเชียลมีเดีย ทะลุมาถึงโลกออฟไลน์ ในชีวิตจริง
เมื่อนักเรียนมัธยมหลายโรงเรียนพร้อมใจ ชู 3 นิ้ว ขณะยืนร้องเพลงชาติหน้าเสาธง และผูกโบว์ขาวต้านเผด็จการ ในเวลา 08.00 น.ทำให้เกิดปฏิกิริยาโต้กลับจากครู – อาจารย์ หรือ คนที่เฝ้ามองปรากฏการณ์ มีทั้งเห็นด้วย – ไม่เห็นด้วย กับการกระทำของนักเรียน
กระแสในวันนั้นทำให้ “ครูตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ออกหนังสือให้โรงเรียนเปิดพื้นที่ให้ “นักเรียน” ได้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างเสรีได้
ตามมาด้วย “ครูตั้น” ต้องเปิดเวทีดีเบตกับกลุ่ม “นักเรียนเลว” 2 ครั้ง 2 ครา เพื่อรับฟังความคับแค้นของกลุ่มนักเรียน ทั้งประเด็นหลักสูตรไม่ทันสมัย ไม่ทันโลก เผด็จการในรั้วโรงเรียน ทรงผมนักเรียนหญิง ฯลฯ
กล่าวได้ว่าการเมืองได้ลงลึกถึงระดับมัธยม
- “ครูตั้น” มาตอบดีเบตสาย เจอมอบนกหวีด 44 ชิ้น และปูไทยที่ไม่ใช่ลอนดอน
- ทยา ทีปสุวรรณ ตอบลูก “พ่อทำอะไรผิด” เผยสามีเปิดใจฟัง นร.
“นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ “คนเดือนตุลา” เปรียบเทียบการกระแสธารประชาธิปไตยในหมู่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ในยุคปัจจุบันเหมือนยุคเขา ยุคคนเดือนตุลา ที่การต่อต้านเผด็จการลงลึกไปถึงรั้วโรงเรียนมัธยม
ไม่ใช่แค่ตื่นตัวแค่ในระดับมหาวิทยาลัยเท่านั้น และเชื่อว่าการชุมนุมของนักศึกษา จะมาบรรจบกับความเดือดร้อนของประชาชน กลายเป็นจุดแตกหักให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องโบกมือลาในช่วงธันวาคมนี้