“ประยุทธ์” ปรับแผนฉีดวัคซีนรายวัน ลุ้น แอสตร้าเซนเนก้า มาตามนัด

7 มิถุนายน 2564 จาก “หลักชัย” กำลังจะกลายเป็น “แท่นประหาร” รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า “ไม่มาตามนัด” 

จากกำหนดการเดิมที่ม้าตัวแรก-แอสตร้าเซนแนก้ามีแผน “กำหนดส่ง” วัคซีน “ลอตสอง” จำนวน 1.7 ล้านโดส ในวันที่ 21 พฤษภาคม หรือ 24 พฤษภาคม 2564

ทว่าแผนส่งต้อง “เลื่อนออกไป” อย่างน้อยวันที่ 2 มิถุนายน 2564 แม้จะยังอยู่ในแผน แต่ “เสียรังวัด” ไปพอสมควร 

วาทกรรม “แทงม้าตัวเดียว” ของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวขบวนก้าวหน้า กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นดั่ง “วัวงาน” ถูกหยิบนำมาใช้ “ลงทัณฑ์” วิสัยทัศน์ผู้นำของ “รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์” 

“อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี-รมว.สาธารณสุข ตอบคำถามแบบศรีธนญชัย ว่า แอสตร้าเซนเนก้าจะเริ่มจัดส่งวัคซีนภายในเดือนมิถุนายน 2564 แต่ไม่ได้บอกว่าจะส่งในวันที่ 1 มิถุนายน 2564

วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจึงต้อง “ลุ้น” ถึง “นาทีสุดท้าย” ให้เป็นไปตามแผน –มาตามนัด  ในเดือนมิถุนายน 2564 ตาม “แผนแรก” จำนวน 6 ล้านโดส หรือ ทันท่วงที ก่อนพล.อ.ประยุทธ์ “ตัดริบบิ้น” ในวัน “วาระแห่งชาติ” 7 มิถุนายน 2564

ภารกิจฉีดวัคซีนของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้มี “เส้นชัย” คือ คนไทย 50 ล้านคน หรือ คิดเป็นร้อยละ 70  ได้รับการฉีดวัคซีนภายในปี 2564 เพื่อ “เปิดประเทศ” ในวันที่ 1 มกราคม 2565 

ขณะที่ “ระหว่างทาง” รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ต้อง “พิชิต” ด่านทดสอบ คือ การฉีดวัคซีนในเมืองหลวง-แดนปริมณฑล และหัวเมือง (ท่องเที่ยว) หลักให้ได้ครบ-เป็นไปตามเป้าหมาย

-วันที่ 18 กรกฎาคม 2564 – ภายใน 2 เดือน กทม.ต้องฉีดให้ได้ 5 ล้านคน (พล.อ.ประยุทธ์ประกาศไว้เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564) 

-วันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2564 จังหวัดภูเก็ต – Phuket Sandbox  เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้ว มีใบรับรองการฉีดวัคซีน เข้ามาในพื้นที่ภูเก็ตโดย “ไม่กักตัว”

-วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป รับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนและมีใบรับรองการฉีดวัคซีน ขยายพื้นที่ไปยังกระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ชลบุรี บุรีรัมย์ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กทม. โดยไม่กักตัว

ทีมเก็บกู้วัตถุระเบิด (การเมือง) บนตึกไทยคู่ฟ้า จึงต้องเตรียม “แผนสำรอง” คือ การระดมฉีดวัคซีนซิโนแวค-แก้ปัญหาเฉพาะหน้า พร้อมกับการ “ปรับแผน” (อีกครั้ง) หลังจาก “เปลี่ยนแผน” จาก “walk in” เป็น “on-site registration” 

โดยการ “เพิ่มช่องทาง” การลงทะเบียนในกทม. ภายใต้ www.ไทยร่วมใจ.com  ขณะที่ต่างจังหวัด กระจายอำนาจการบริหารจัดการจากส่วนกลาง ไปส่วนภูมิภาค เช่น ลงทะเบียนผ่าน www.ภูเก็ตต้องชนะ.com  

ผ่านกลไกลผู้ว่าราชการจังหวัด-มหาดไทย ที่มี “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็น “ผู้บัญชาการแก้วิกฤต” 

ผ่านเครือข่ายร้านสะดวกซื้อ-เซเว่น อีเฟเว่น Family Mart Tops Daily บิ๊กซี และโครงข่ายธุรกิจโทรคมนาคมค่ายยักษ์ True Dtac AIS    

จากเดิมที่มี “ช่องทางเดียว” คือ การลงทะเบียนผ่าน “หมอพร้อม” กระทรวงสาธารสุขเท่านั้น    

เป็นการ “ปรับเป้า” ให้เล็กลง-กะทัดรัด แต่ทรงอานุภาพ จากเป้าหมาย 50 ล้านคน ทั่วประเทศ ภายในปี 2564 เป็น “เจาะ” เป็น “รายพื้นที่” เพื่อสร้าง “ภูมิคุ้มกันหมู่” รายจังหวัด  

แหล่งข่าวระดับสูง-มันสมองตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล แจกแจง-ตอบข้อสงสัย “หมอพร้อม” ที่ “ไม่พร้อม” ถึงการ “ชะลอการลงทะเบียนหมอพร้อม” เป็นข้อ ๆ ว่า 

1.ท่านใดลงทะเบียนหมอพร้อมไว้แล้ว ได้วันนัดแล้ว จะเป็นไปตามวันนัดเดิม ไม่ต้องจองใหม่ 

2.เพื่อการจัดการที่สะดวกกว่า ผู้อายุต่ำกว่า 60 หรือ 7 กลุ่มโรค ซึ่งที่ผ่านมายังจองคิวผ่านหมอพร้อมไม่ได้ ให้จองคิวผ่านระบบของแต่ละจังหวัด โดยแต่ละจังหวัดจะทยอยให้ข้อมูลว่าจะจองอย่างไร มีระบบออนไลน์หรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าผ่านทางอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือ โรงพยาบาลท้องถิ่นก็ได้ 

3.และไม่ว่าใครจะจองวัคซีนผ่านทางไหน เมื่อฉีดแล้วก็จะขึ้นบันทึกใน “หมอพร้อม” เพื่อเป็นหลักฐานการฉีดวัคซีน การติดตามเพื่อฉีดเข็ม 2 และการออกใบรับรองการฉีดวัคซีน

4.การ “ชะลอ” มีความหมายคือ “ไม่จำเป็นต้องจองคิว” การฉีดวัคซีนผ่านหมอพร้อม สำหรับประชาชนทั่วไป เหมือนในกลุ่มผู้สูงอายุและ 7 กลุ่มโรค 

“เนื่องจากได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการลงทะเบียนผ่านระบบของแต่ละจังหวัด จะมีความสะดวกคล่องตัวกว่า ทั้งในเชิงบริหารจัดการ เชิงระบบที่ต้องรองรับคนจำนวนมาก และการให้บริการ ตอบคำถาม ที่ให้แต่ละจังหวัดช่วยกันให้บริการได้สะดวกต่อผู้ขอรับบริการมากกว่า”

ปัจจัย “หมอ (ไม่) พร้อม” และ รอลุ้นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ “มาตามนัด” ในนาทีสุดท้าย ทำให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ต้อง “ปรับแผนรายวัน”