เปิดสัมพันธ์ ธรรมนัส เครือข่าย นายพล 3 ป. 30 ปี ตีไม่แตก

ประวิตร ธรรมนัส

เปิดสัมพันธ์ ธรรมนัส เครือข่าย นายพล 3 ป. 30 ปี ตีไม่แตก

การอภิปรายไม่ไว้วางใจรูดม่าน-ปิดฉากลงด้วยความระทึกใจ คอการเมืองอยากดูภาคต่อ แสดงนำโดย “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ร.อ.ธรรมนัส คนเดียวสามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วกระดานการเมือง – บั่นทอนสายสัมพันธ์อันแนบแน่นของพี่-น้อง 3 ป. แม้ไม่ขาดสะบั้นลง แต่กลายเป็น “รักสามเส้า” ระหว่าง “น้องในไส้” กับ “น้องนอกไส้”

ทว่าความสัมพันธ์ 3 ป.แห่งทหารเสือราชินี-บูรพาพยัคฆ์ เหนียว-แน่น-หนึบ ยากที่ใครจะทำลายสายใยรักแห่งอำนาจได้ สะท้อนจากการให้สัมภาษณ์ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-รมว.กลาโหม “น้องเล็ก”

“3 ป. เนี่ยนะ ไม่มีใครทำลายผมได้ ทุกคนอาจจะไม่รู้ ทุกคนอาจจะรักคน รักเพื่อน รักคนอื่น เหมือนผมรักกัน 3 คน ผมร่วมเป็นร่วมตายกันมา ชายแดนผมก็อยู่ ท่ามกลางสนามรบผมก็อยู่ อยู่ด้วยกัน”

“ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาผมตั้งแต่ก้าวแรกที่ผมเข้ามารับราชการ อยู่บ้านเดียวกัน กินนอนด้วยกัน สั่งสอนกัน อบรมด้วยกัน แม้โตขึ้นมาก็ยังเคารพ ยังคบกันอยู่ ทุกอย่าง”

“ผมมีวันนี้ได้เพราะพี่ทั้งสองคน ท่านสั่งสอนผมมา และพี่ทั้งสองคนไม่เคยสอนให้ผมทุจริต โกง ไม่มี จะตีผมกันยังไง ผมไม่มีแตกอยู่แล้ว รักกัน เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน จำคำพูดผมไว้แล้วกัน”

ขณะที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี “พี่ใหญ่” ส่งเสียงคำราม ตอกย้ำสายสัมพันธ์พิเศษ ว่า “ถ้านายกฯไปผมก็ไป”

ไม่ต่ำกว่า 30 ปี ของ ความสัมพันธ์ 3 ป. จุติขึ้นในดินแดนทิศบูรพา ณ ถ้ำทหารเสือราชินี กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) ตั้งแต่ติดดาวบนบ่า-ติดยศร้อยโท-ร้อยเอก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร ร่วมรบกับ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่รับราชการทหารใน ร.21 รอ. เป็น “3 ทหารเสือราชินี”

หลังจากนั้น ทั้ง 3 ป. ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์ คลานตามกันมาจาก “พี่ใหญ่” สู่ “น้องเล็ก” จากผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 รอ.) และผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) เป็น “บูรพาพยัคฆ์” ก่อนจะเข้ากรุง-ก้าวขึ้นมาคุมกองกำลังปฏิวัติ ในตำแหน่งแม่ทัพภาค 1 – เข้าไลน์ “5 เสือ ทบ.” และ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยกแผง

เส้นทางของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร เตรียมทหาร รุ่น 6 (ตท.6) “Big Brother” เติบโตมาใน ร.21 รอ. เป็น “ทหารเสือราชินี” ไต่เต้ามาตั้งแต่ ผู้บังคับหมวด-ผู้บังคับกองร้อย-รองผู้บังคับกองพัน จากนั้นก็ข้ามไปเป็น ผู้บังคับกองพันกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 รอ.) ผู้บังคับกองพัน-รองผู้บังคับการ -ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 รอ.)

ก่อนจะขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการ-ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) ก้าวขึ้นมาเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 – แม่ทัพน้อยที่ 1 และ แม่ทัพภาคที่ 1 ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ ผบ.ทบ.ในที่สุด

ขณะที่ “พี่รอง” พล.อ.อนุพงษ์ ตท.10 เติบโตใน ร.21 รอ. จนเป็น ผบ.ร.21 รอ. ผบ.พล.ร.2 รอ. แม่ทัพภาค 1 และ ผบ.ทบ.เช่นเดียวกับ “น้องเล็ก” พล.อ.ประยุทธ์ ตท.12 ที่ดูจะ “รับไม้ต่อ” เป็น “ทายาท” รับมรดกอำนาจจาก “พี่รอง”

ตามรอย “ทหารเสือราชินีรุ่นพี่” พล.อ.ประวิตร –พล.อ.อนุพงษ์ ใน ร. 21 รอ.และก้าวเป็น ผบ.ร.21 รอ. ผบ.พล.ร.2 รอ. รองแม่ทัพภาค 1 แม่ทัพภาค 1 เสนาธิการทหารบก รอง ผบ.ทบ. และ ก้าวขึ้นสู่ ผบ.ท. ก่อนจะควบ “หัวหน้าคสช.” ในที่สุด

ตลอดระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจ ตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557 “บิ๊กป้อม” และ “บิ๊กป๊อก” คอยเป็นกองหนุนให้กับ “น้องเล็ก” ทุกจังหวะก้าวในวงโคจรอำนาจไล่ตั้งแต่ ทันทีที่ “นาทีนี้ ขอยึดอำนาจ” พล.อ.ประยุทธ์ได้ แต่งตั้ง “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร เป็น “ประธานที่ปรึกษาคสช.” และ “พี่รอง” พล.อ.อนุพงษ์ เป็น “รองประธานที่ปรึกษาคสช.”

เมื่อ “บิ๊กตู่” ก้าวขึ้นเป็น นายกรัฐมนตรีที่มาจากการรัฐประหาร-ขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวก็ได้แต่งตั้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร เป็นรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ “บิ๊กป๊อก” เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นอกจากนั้นยังแต่งตั้ง 15 อรหันต์ เป็น “คสช.ชุดใหม่” โดยมี “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร เป็น “รองหัวหน้าคสช.”

ทว่าตลอด 2 ปีของรัฐบาลเลือกตั้ง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ ได้รวบอำนาจจาก “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร มาเกือบจะทั้งหมด ตั้งแต่คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยตัวเอง และดึงเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาไว้แนบไว้ที่อกแน่น ขณะเดียวกัน “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ ก็กอดเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไว้แน่นตั้งแต่ยุคคสช.-รัฐบาลประยุทธ์ 2 กว่า 7 ปี

ทำให้เกิด “ช่องว่าง” ระหว่างสายใยพี่-น้องทหารเสือราชินี-บูรพาพยัคฆ์ ถ่างขึ้นทุกวันสวนทางกันกลับปล่อยให้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร เป็นมือประสาน-หนังหน้าไฟกับนักการเมืองที่ต้องการเครื่องไม้-เครื่องมือไว้ใช้สำหรับสร้างฐานมวลชนให้กับพรรคพลังประชารัฐ-รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์

สุดท้าย ทุกอย่างตกหนักอยู่ที่ “น้องนอกไส้” ร.อ.ธรรมนัส ต้องรับบทหนักเป็น “เส้นเลือดใหญ่” ให้กับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ค้ำยันอำนาจให้พี่-น้อง 3 ป.บูรพาพยัคฆ์ ทั้งการยกมือโหวตในสภาและการเลือกตั้งครั้งหน้า