ทักษิณ ดีล 3 ป.-ธรรมนัสไม่จบ ปิดประตูฮั้ว ดับฝันกลับบ้านเลี้ยงหลาน

ไมตรีจิต “ทักษิณ ชินวัตร” ทอดสะพานเชื่อม ผ่านสายใยอัน “แหลมคม” รุ่นน้อง-ลูกน้องเก่า ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี กับรัฐมนตรีแกนนำ-พรรคร่วมรัฐบาล 5 คน ข้อกล่าวหาฉกาจฉกรรจ์

“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี-หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์-เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ “2 ตัวเต็ง” ที่ “หลุดโผ” จาก “คมฝีปาก” ศึกซักฟอก

“แกนนำพลังประชารัฐ” วิเคราะห์เบื้องหน้า-เบื้องหลังการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบได้-เสีย (ลงมติ) ของพรรคฝ่ายค้าน-พรรคเพื่อไทย ในครั้งที่ 3 ว่า คงยื่นไปตามธรรมชาติ-ข้อมูลที่พรรคฝ่ายค้านมีอยู่ในมือ ไม่น่าจะ “ผิดธรรมชาติ” อะไร

ส่วนการไม่มีชื่อ “พล.อ.ประวิตร” และ “ร.อ.ธรรมนัส” ในบัญชีซักฟอกนั้นเป็นคนละเรื่องกับ “อภิมหาดีล” ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐ

“ธงของฝ่ายค้านคงจะพูดเรื่องโควิดเป็นหลัก”

“แกนนำพลังประชารัฐคนเดิม” ระบุว่า ผลการอภิปรายและลงมติไว้ใจ-ไม่ไว้วางใจครั้งนี้ คงไม่นำไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)-เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี

“คงไม่มีผลต่อการทำงานของรัฐบาล ถ้าผ่านได้ก็ทำงานกันต่อ ส่วนใครจะได้คะแนนมาก คะแนนน้อย มันไม่เท่ากันอยู่แล้ว แต่ถ้าผ่านก็คือจบ”

คณิตศาสตร์การเมือง-สมการอำนาจพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐ “จับมือ-ควบรวม” เป็น “เนื้อเดียวกัน” ถูก “ตอกฝาโลง” ผ่านคลับเฮาส์

“ทักษิณ” ใช้จังหวะ “ห้ามทัพ” เพื่อไทยกับก้าวไกล และ “ออกรับ” แทน “พล.อ.ประวิตร-ร.อ.ธรรมนัส” หลังจากไม่มีชื่อถูกซักฟอก “ตอกย้ำ” สัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่-รุ่นน้อง ลูกพี่-ลูกน้อง

“ภารกิจคือทำงานร่วมกันเพื่อต่อสู้ให้ได้ประชาธิปไตย ตรงนี้สำคัญกว่า ไม่ใช่ว่าด่าประวิตรแล้วได้ประชาธิปไตย ต้องเลือกว่าจะด่าใคร ไม่ใช่ด่าประวิตร ด่าธรรมนัสปุ๊บ แล้วได้ประชาธิปไตย ต้องใจเย็น ๆ ต้องมียุทธศาสตร์ เดินอะไรอย่าใจร้อน”

“ไม่มี (ดีล) หรอกครับ ใจร้อน ไม่ได้ดั่งใจ หงุดหงิดเป็นธรรมดา การเมืองเนี่ย ใจร้อนไม่ได้นะ ต้องมียุทธศาสตร์ ถ้าจะด่าให้มันส์ ด่าได้ทุกคน ด่าเวลาไหนก็ได้ เราต้องคิดว่า จะด่ายังไงให้ลงคะแนน”

“พล.อ.ประวิตร” กับ “ทักษิณ” ไม่ใช่เป็นเพียง “อดีตผู้บังคับบัญชา” กับ “อดีตผู้ใต้บังคับบัญชา” แต่มี “บุญคุณ” กันมาตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1-ผู้บัญชาการทหารบก

“ตอนผมเอาป้อมขึ้น ป้อมเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. ผมไม่อยากโดนครหา เอาญาติมั่ง เอาอะไรมั่ง ผมก็เลยให้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ขึ้น ผบ.สูงสุด เอา พล.อ.ประวิตรขึ้นมา ตอนนั้นกับผม ก็ดีกันฮะ เพราะว่า (พล.อ.ประวิตร) เข้ามาทำเนียบบ่อย”

“คนนี้เนี่ย พล.อ.เปรมสั่งประจำ ตอนที่นัดแล้วไม่มาตามนัด ปฏิวัติคราวนั้น ตอนนั้น พล.อ.ประวิตร เป็นผู้การกรม เข้าใจว่าอยู่แถวปราจีนบุรี พล.อ.สรยุทธ์ก็ให้ไปประจำ แต่ผมเป็นคนจับเขามาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1”

“กองเชียร์เยอะมากตอนนั้น วัฒนา (เมืองสุข) เป็นรองเลขาฯ ผม เป็น ส.ส.อยู่ปราจีนบุรี เขาก็เป็นพี่เป็นน้องกัน อีกคนคือ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ผมไม่รู้จักเขาหรอก แต่รู้ว่าเป็นพี่ชายของลูกพี่ผม คือ (พล.ต.อ.) พัชรวาท วงษ์สุวรรณ”

ขณะที่ “ร.อ.ธรรมนัส” อยู่ใต้ชายคาอำนาจของ “ทักษิณ” ตั้งแต่ยุคไทยรักไทย-เพื่อไทย เป็น “รุ่นน้องเตรียมทหาร 25” เดินตาม “เพื่อนรักทักษิณ” อย่าง “เสธ.ไอซ์” พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต

“รู้จักกันครับ เขาเป็นเตรียมทหารรุ่นน้อง แต่ไม่ได้ทำงานร่วมกัน นอกจากตอนที่ทราบว่า เขามาอยู่กับพรรคเพื่อไทยช่วงหนึ่ง ก็มีการพูดคุยบ้าง”

“เห็นเขาเป็นคนที่มุ่งมั่นทางการเมือง อยากจะเติบโตทางการเมือง ตอนที่ ร.อ.ธรรมนัส ออกไปอยู่พลังประชารัฐ ตอนนี้ได้เป็นเลขาฯพรรคแล้ว ไปวิจารณ์ต่างพรรคไม่ได้ เป็นเรื่องภายใน แต่ละพรรคมียุทธศาสตร์ มีกลยุทธ์ของตัวเอง”

“ดร.สติธร ธนานิธิโชติ” ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า วิเคราะห์ว่า จุดเสี่ยงของรัฐบาลการแก้ปัญหาโควิดเป็นโอกาสของพรรคเพื่อไทย ลำพังชวนพรรคร่วมมาจับมือกันตั้งรัฐบาลไม่พอ จำเป็นต้องบวกกับพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล ถ้าวิกฤตมาก ๆ คนอาจจะอยากเห็น “รัฐบาลแห่งชาติ”

“แหล่งข่าวใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร” ฟันธงว่า “ฮั้วเพื่อชาติ” เป็นไปไม่ได้ ต้องรอให้รัฐธรรมนูญเสร็จหรือใกล้เลือกตั้ง

“คนอย่าง พล.อ.ประวิตร จะทำน้องได้ยังไง ไม่มีทางหรอก แม้กระทั่ง รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร ยังไม่รับเลย แล้วจะไปรับนายกฯได้ยังไง ไม่มีทาง”

ไมตรีของ “ทักษิณ” ที่หยิบยื่นให้กับ “พล.อ.ประวิตร-ร.อ.ธรรมนัส” ทั้งการออกรับแทนไม่ให้ถูก “ซักฟอก” จึงถูกตีความสัญญาณ “ฮั้วทางการเมือง”

“เรื่องปรองดอง เรื่องรัฐบาลแห่งชาติ ฝันไปเลย ไม่เหมือนสมัยก่อนที่มี ผกค. จับมือกันพัฒนาชาติไทย บ้านเมืองสงบก็น่าสนใจ ทุกคนเห็นพ้องกันทั้งประเทศ” คนใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ย้ำ

“ส.ส.เพื่อไทย ส.ส.ฝ่ายค้านจะเอาคำในญัตติพวกนี้มาโจมตี พล.อ.ประยุทธ์จะถูกด่าฟรี และการเลือกตั้งคราวหน้า คำพูดพวกนี้จะถูกเอาไปเปิดเผยได้ ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ เพราะพูดในสภา และเอาออกไปพูดข้างนอกได้”

วิวาทะ-โวหารคงไม่มีน้ำหนักให้พลังประชารัฐ-พรรคร่วมรัฐบาลโหวตไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์-5 รัฐมนตรี เพราะทั้ง “ขาใหญ่ภูมิใจไทย” และ “แม่บ้านประชาธิปัตย์” ตกอยู่ในสถานะ “ไม่ไว้วางใจ” แต่จะมีผลต่อการเลือกตั้งคราวหน้า

ก่อนหน้านี้ “ทักษิณ” โยนหินถามทาง-แจ้งข่าวกับแฟนคลับมีแผน “กลับบ้าน” เข้าประเทศไทยเตรียมพบกัน “ประตูหน้า” สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมือง เพราะคำสมอ้าง มีนัยว่า “ดีล” บรรลุผล

แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วยาม แผ่นดินการเมืองไหวไปอีกขั้ว เพราะจังหวะก้าวและการดีลไม่เคยเข้าถึง

ต่างฝ่ายต่างมีข้อต่อรอง ที่ลดราวาศอกไม่ได้ “ทักษิณ” ยังไม่เข้าใกล้ประตูกลับบ้าน ตามที่ประกาศฝันหวาน เจอกันประตูหน้าสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเลี้ยงหลาน และรับใช้บ้านเมือง

ขณะที่หน้าห้องฝ่ายความมั่นคงเมืองไทย ไม่เคยแง้มข้อเสนอของ “ทักษิณ” เกมฮั้วเพื่อชาติ ที่ถูกยื่นข้ามประเทศ จึงปิดประตูตาย