แก้วสรร ปราศรัยให้พรรคกล้า วิพากษ์ การเมือง 2 หน้าประชานิยมเต็มแผ่นดิน

แก้วสรร ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ พรรคกล้า เลือก อรรถวิชช์ ลากเกวียนคนกล้า วิพากษ์ ทักษิณ-ประยุทธ์ พรรคการเมือง 2 หน้า หน้ายักษ์-หน้าเทวดา ประชานิยมเต็มแผ่นดิน – ประยุทธ์ แค่ปลัดประเทศ ฟันธง 3 ป.แตก เลือกตั้งปีนี้

วันที่ 28 มกราคม 2565 ที่สนามฟุตบอลเคหะท่าทราย ศูนย์เยาวชนหลักสี่ นายแก้วสรร อติโพธิ ขึ้นเวทีปราศรัยใหม่ “รวมพลัง การเมืองคุณภาพ” ของพรรคกล้า ที่ส่งนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ลงเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 9 หลักสี่-จัตุจักร เบอร์ 2 ว่า รวมพลังการเมืองคุณภาพหมายว่าอย่างไร

หนึ่ง ต้องได้คนคุณภาพ ตอนเป็น ส.ว.กทม. ทำงานในสภา ตอนเป็น กปปส. ก็ขึ้นเวทีด้วยกันหลายครั้ง ดูผลงานต่าง ๆ ใช้ได้ ดูความประพฤติไม่เลวร้าย ความคิดความอ่านมา แต่ขอโทษ คนมีคุณภาพในพรรคอื่น ๆ ก็มี เพื่อนผมก็มี อยู่เพื่อไทย อยู่พลังประชารัฐ อยู่ก้าวหน้าก็มี แต่ผมไม่ไป ผมไม่ได้มาเพื่อที่จะบอกว่า อรรถวิชดี ความดีไม่มีประโยชน์ถ้าอยู่ในพรรคที่ไม่มีคุณภาพ คนดีไปอยู่พรรคเลวร้ายไม่มีประโยชน์ 

พรรคกล้าเป็นพรรคคุณภาพไหม เป็นพรรคที่จะใช้เงินซื้อผู้กว้างขวาง พอชนะเลือกตั้งก็ขังไว้ ราวกับควายอยู่ในพรรค หัวหน้าพรรคจะสั่งอะไร ยอมหมด หัวหน้าพรรคคอรัปชั่น ศาลคดีอาญาการเมือง 9 คน ตัดสินเอกฉันท์ ว่า ยึดทรัพย์ ผิด ว่าทำลายกิจการโทรคมนาคม หาประโยชน์ ผิด คนมีคุณภาพจะอยู่ในพรรคที่ถูกขังเป็นควาย กล้าจะค้านไหม 

ในที่สุด ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ตี 4 ผู้คนอดทนไม่ได้ก็ลุกฮือขึ้นมา ถึงได้มีรัฐบาลคุณประยุทธ์ ถึงได้มี 3 นิ้วออกมาโต้ มาแย้ง มาประท้วง บานปลายมีถึงบัดนี้ ต้นเหตุอยู่ที่พรรคเลวร้าย คนดีไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้น คนคุณภาพ พรรคคุณภาพ แล้วใครจะเลือก คนตอบก็คือ คนเลือกต้องมีคุณภาพ พรรคกล้า อรรถวิชช์กล้า พรรคกล้า วันนี้เราต้องการคนกล้าของหลักสี่มารวมพลังทางการเมือง เพื่อเดินไปข้างหน้า 

นายแก้วสรรกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ แม้จะเป็นการเลือกตั้งซ่อมก็ตาม แต่ผลกระทบกว้างไกลมากสำหรับพรรคกล้า เพราะว่า การเลือกตั้งครั้งหน้ากำลังจะมาถึงอีกแน่นอน รัฐบาลลุงตู่ไปไม่รอด การเมืองไทยจะขึ้นหน้าใหม่ จะขึ้นเล่มใหม่ เพราะฉะนั้นคนกล้าต้องเป็นกองเกวียนที่เดินทางไกล คนที่กล้าฝ่าอุปสรรคเพื่อเดินทางไกล รัฐบาลลุงตู่ ไปไม่เป็นแล้ว

ประยุทธ์-ประวิตร แตกแล้ว 

นายแก้วสรรกล่าวว่า เทพเจ้า 2 หน้า พรรคการเมืองไทยมีสองหน้า มีคุณชวน หลีกภัย ก็ต้องมีเสธ.หนั่น (พล.ต.สนั่น ขจรประสาท) มีคุณอภิสิทธิ์ ก็ต้องมีคุณสุเทพ ต้องมีหน้าพระ และหน้าหน้ายักษ์ ซึ่งปกครองพรรค ดูแลพรรค ใช้อำนาจได้ทุกอย่าง ทำทุกอย่าง ปรากฏว่า ถ้าหน้ายักษ์กับหน้าพรรคแตกกันไปไม่รอด แล้ววันนี้แตกกันแล้ว ไปไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้น การเลือกตั้งครั้งใหม่ต้องมีในปีนี้ การเมืองจะขึ้นเล่มใหม่ และถ้าคนกล้าที่หลักสี่ เลือกคนกล้าชื่ออรรถวิชช์ให้กับพรรคที่กล้า ท่านจะเป็นคนเติมพลังอย่างสำคัญ เป็นเกวียนสำคัญ เป็นเกวียนเล่มแรกที่จะร่วมและเดินทางไกลที่จะมาถึง 

นายแก้วสรรกล่าวว่า ในที่สุดก็มาถึงความแตกแยกของเทพเจ้า 2 หน้า พล.อ.ประยุทธ์ทำตัวเป็นเทวดาอยู่ เป็นหน้าพระ หน้ายักษ์คือพล.อ.ประวิตร พล.อ.ประวิตรคุมพรรคไม่อยู่ เขี่ย 4 กุมารออก คุมไม่อยู่ หรือไม่คุม เป็นไปได้ ร.อ.ธรรมนัส แยกไปตั้งพรรค พา ส.ส.ไปอีก 20 คน แล้วบอกว่า จะไปเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งที่อยู่ในพรรครัฐบาล ช่วยไล่ออกแล้วไปตั้งพรรคร่วมรัฐบาล คุมพรรคไม่อยู่ แตกกันแล้ว อยู่กันไม่นาน เพราะฉะนั้น การเลือกตั้งใหม่ไม่น่าจะไปไกลกว่านี้ ไปไม่รอดแล้ว 

นายแก้วสรรกล่าวว่า กองเกวียนคนกล้าจะต้องเดินทาง ความกล้าสำหรับอนาคตครั้งใหม่ คือ หนึ่ง กล้าต่อเงิน กล้าต่อระบบพรรคพวก กล้าไหมที่จะตัด คิดถึงบ้านถึงเมือง เดินไปข้างหน้า สอง กล้าที่จะมองบ้านมองเมืองที่จะเดินไป ไม่ต้องมาถามว่า พรรคกล้าจะแก้มาตรา 112 ไหม อย่ามาถามครับ  ปัญหาบ้านเมืองไม่ได้อยู่ตรงนั้น พวก 3 นิ้วมันกำเริบ อยู่กับประยุทธ์นะ ไม่ เลิกซะที กลัวทักษิณเลือกประยุทธ์ กลัว 3 นิ้วเลือกประยุทธ์ อย่าเลือกบนความกลัว บนความหลง บนความโลภ เท่านั้นที่บ้านเมืองต้องการจากคนกล้าในหลักสี่  

ประชานิยมเต็มแผ่นดิน

นายแก้วสรรกล่าวว่า การเมืองเก่าจะผ่านไปแล้ว 2 ทศวรรษที่ผ่ามาเราผ่านมา 20 ปี เราผ่าน 2 ระบบ ระบบแรก ระบบประชานิยม โดยพรรคการเมืองนายทุน ระบบสอง เป็นระบบแห่งความสงบ สงัด ไม่รู้บ้านเมืองจะไปที่ไหน ปิดไฟใส่กลอนอยู่กับบ้าน เป็นระบบรัฐประหารของขุนนาง จนบัดนี้ เกิดโทสะ ตามถนน โดยรุ่นลูกหลานเราที่เป็นเยาวชน เรียกตัวเองว่า 3 นิ้ว บ้านเมืองกำลังถูกครอบงำ ยังไม่ไปไหน ครอบงำด้วยความโลภ เห็นการเลือกตั้งคือการหาอาหารมาให้กิน หาประโยชน์มาให้ อยู่กับความหลง คิดว่าอยู่นิ่ง ๆ ให้ใครมาเป็น ซื่อ ๆ หน่อย แล้วประเทศจะรอด ตอนนี้มีโทสะกรุ่นไปหมด จะไปรอดหรือ

พรรคการเมืองนายทุน รัฐธรรมนูญ 40 ประกันการลงทุนไว้ว่า ถ้าเป็นพรรคการเมืองแล้ว ส.ส.ออกไม่ได้ แถม ส.ส.บัญชีรายชื่อ นึกไม่ถึง คนชื่อทักษิณเห็นว่า นี่เป็นรัฐธรรมนูญประกันการลงทุน เพราะฉะนั้นสร้างพรรคการเมืองด้วยเงิน และถอนทุน เอากำไรจากเงินที่ลง เพราะฉะนั้น พรรคทักษิณจะไปผู้กว้างขวางต่าง ๆ ดึงมาเข้าพรรค ตอนเป็น คตส.ผมตรวจพบเงิน 2 พันล้าน หายไปในช่วงตั้งพรรค เบิกทีละ 3 แสน 3 แสน เพื่อหนี ป.ป.ง. และได้ผู้กว้างขวางตามเขตต่าง ๆ เข้ามาตั้งสาขา เหมือน 7-Eleven เสร็จแล้ว 7-Eleven ส่วนกลางก็ส่งสินค้าประชานิยมลงไปให้ ส่วนประเทศจะไปทางไหนไม่ต้องถาม ประชานิยมเต็มแผ่นดิน ประชานิยมทำลายชาติ ไม่นึกถึงส่วนรวม คนตั้งพรรค คนลงสมัคร คนเลือก คิดถึงประโยชน์ตัวเองว่าจะได้อะไรเท่านั้น บ้านเมืองจะไม่ฉิบหายหรือ 

ประยุทธ์-ปลัดประเทศ 

นายแก้วสรรกล่าวว่า เกิดความหลง เราเจอกับความหลงมาแล้ว สิ่งที่ตามมา พอเจออุปสรรค เขาสร้างความเกลียดชัง ตั้งขบวนการมวลชนขึ้นมาบนท้องถนน เกิดการปะทะ เกิดการต่อต้าน เพราะฉะนั้น โลภ หลง โทสะ จนในที่สุด เกิดขบวนการของผู้คนที่ทนไม่ได้ ทั้งพันธมิตร ทั้งกปปส. และมาถึง คสช. คุณประยุทธ์อะไร ไม่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานของการเมืองที่เน่าเหม็นในอดีต ไม่มีเลย ไม่มีการลงไม้ลงมือ คอรัปชั่นหนักกว่าเดิม โดยเฉพาะการแต่งตั้งตำรวจ 

ไม่มีการปฏิรูปอะไรเลยด้วยอำนาจปฏิวัติ คุณประยุทธ์กระโดดไปเป็นรัฐบาล ใช้อำนาจรัฐบาลอยู่เป็นรัฐบาล แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคต จนในที่สุดร่างรัฐธรรมนูญ และออกบทเฉพาะกาลให้ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก แต่สร้างพรรคไว้ รอให้เชิญตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี มีเสียง ส.ว.ที่ตัวเองแต่งตั้งไว้ คอยสนับสนุน

สมัยนายกฯ เปรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์) ไม่ได้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง เกรียงศักดิ์ร่างรัฐธรรมนูญ แต่ท่านเข้ามาโดยอุบัติเหตุทางการเมือง แต่ท่านเป็นผู้นำ สร้างผลงาน เป็นผู้นำ บ้านเมืองจะไปถึงไหน สร้างอีสเทรินซีบอร์ดสู้กับคอมมิวนิสต์ ทำทุกอย่าง เห็นบ้านเห็นเมือง เลือกคนดีมา บ้านเมืองมีทิศทางไป 

“แต่ถามว่า ในยุครัฐบาลประยุทธ์ เป็นระบบราชการ ท่านเป็นแค่ปลัดประเทศ เป็นระบบที่ไม่มีกาลเวลา รักความสงบเลือกประยุทธ์ อยู่กับประยุทธ์ แล้วอนาคตเป็นอะไร ปัจจุบันทำอะไร เงินเฟ้อฉิบหายวายป่วง ไม่มีจะกินแล้วเนี่ย คุณทำอะไรบอกสิ หมูแพงจะเอาอาหารโปรตีนมาจากไหน บอกสิ เราอยู่ในบ้านเมืองที่สงบ สงัด ไม่มี tense ไม่มี past tense ไม่มี present tense ไม่มี future tense ระบบราชการแก้ปัญหาไม่ได้ ไม่สามารถชำระสะสางบ้านเมืองได้เลย” 

นายแก้วสรรปราศรัยทิ้งท้ายว่า ถามว่าผมมาทำไม ไม่กลัวโดนตีนเหรอ คำตอบคือ ผมมาเพราะผมสนับสนุนเส้นทางบ้านเมืองที่เดินไปข้างหน้า ด้วยสติปัญญา ด้วยความไม่โกรธ ไม่เกลียด ถ้าพรรคไหนมีเส้นทางแบบนี้ ผมจะไปปราศรัยให้ พรรคของนายอุตตม (พรรคสร้างอนาคตไทย) เป็นคนดีคนทำงาน ถ้าเชิญผมจะไป ไปเพื่อจะปลุกคนกล้าทั้งแผ่นดินขึ้นมา จะอยู่คนละพรรคก็ไม่เป็นไร ได้เสียงมาแล้วก็เอามารวมกัน ทำบ้านเมืองกันให้ไปข้างหน้า

“เราไม่ต้องการบ้านใหม่ที่สวยงาม มีเทคโนโลยี เราขอแค่ปรับบ้านให้อยู่ได้ ให้สบาย ดูดี มีชีวิตให้ลูกหลาน กล้าที่จะไม่เกลียด ไม่โกรธ ไม่หลง ไม่โลภ กล้าไหม ถ้ากล้า เลือกเบอร์ 2 อรรถวิชช์”